ปี่แป่
ปี่แป่ | |
---|---|
ใบและผลของปี่แป่ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Angiosperms |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Eudicots |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Rosids |
อันดับ: | Rosales |
วงศ์: | Rosaceae |
สกุล: | Eriobotrya |
สปีชีส์: | E. japonica |
ชื่อทวินาม | |
Eriobotrya japonica (Thunb.) Lindl. | |
ชื่อพ้อง[1] | |
|
ปี่แป่ หรือ ปี่แปะ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Eriobotrya japonica) เป็นพืชในวงศ์ Rosaceae เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้น ลำต้นตรง ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อยห่างๆ ผิวใบด้านบนเขียวเข้มเป็นมัน ปกคลุมด้วยขนสั้น ๆ สีน้ำตาลแดง ดอกมีกลิ่นหอม กลีบเลี้ยงมีขนละเอียดปกคลุม ผลรูปกลมหรือรูปไข่สีเหลืองอ่อนหรือสีส้ม มีขนปกคลุม เปลือกผลฉ่ำน้ำ เมล็ดยาว สีน้ำตาลดำ ถิ่นกำเนิดอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน แพร่กระจายพันธุ์และเพาะปลูกมากในประเทศจีนและญี่ปุ่น ผลมีรสหวานอมเปรี้ยว กินสด ใบมีแทนนิน รสฝาด ใช้แก้อาการท้องเสียและเป็นยาระบาย ผลมีเพกติน มีโพแทสเซียมสูง มีวิตามินซีต่ำ ในตำรายาจีนเรียกชื่อสมุนไพร 'ผีผาเย่' (ในภาษาจีนกลาง - ใบปี่แป่) หรือปีแปะเฮียะ (ในภาษาจีนแต้จิ๋ว) ใบใช้เป็นยาแก้ไอ ละลายเสมหะ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
[แก้]ปี่แป่ (E. japonica) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กหรือไม้พุ่ม ที่เขียวชอุ่มตลอดปี มีทรงพุ่มกลม ลำต้นเตี้ยและกิ่งที่งอกใหม่มักมีขน ต้นไม้สามารถเติบโตได้สูง 5 – 10 เมตร (16–33 ฟุต) แต่โดยทั่วไปมักมีขนาดประมาณ 3 – 4 เมตร (10–13 ฟุต)
ใบเป็นแบบสลับเรียบง่ายยาว 10–25 เซนติเมตร (4–10 นิ้ว) ผิวใบด้านบนเขียวเข้มเป็นมัน หูใบแบน เนื้อเหนียว และมีขอบใบหยัก ใบด้านล่างมีขนนุ่มหนาแน่นสีน้ำตาลแดง หรือสีน้ำตาลเหลือง ใบอ่อนยังมีขนหนาแน่นด้านบน แต่ร่วงออกเมื่อใบเจริญเต็มที่ [2][3][4][5]
ดอก มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 ซม. (1 นิ้ว) สีขาว ไม่มีก้านดอก มีกลีบดอก 5 กลีบและมีช่อดอกแข็งสามถึงสิบดอก ดอกไม้มีกลิ่นหอมหวานและมีกลิ่นหอมที่สามารถได้กลิ่นจากระยะไกล กลีบเลี้ยงมีขนละเอียดปกคลุม
ผล เติบโตเป็นกระจุกมีลักษณะเป็นรูปไข่ ทรงกลม หรือรูปลูกแพร์ ยาว 3–5 เซนติเมตร (1-2 นิ้ว) ผิวเรียบหรือเป็นสีเหลืองหรือสีส้มบางครั้งก็เป็นสีแดงอมแดง เนื้อ(เปลือกผล)ชุ่มฉ่ำน้ำ มีสีขาว เหลือง หรือส้ม และมีรสหวานอมเปรี้ยว ขึ้นอยู่กับพันธุ์ รสชาติเป็นส่วนผสมของผลส้มและมะม่วงอ่อน เริ่มสุกในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อนขึ้นอยู่กับอุณหภูมิในพื้นที่ โดยทั่วไปในแต่พวงทมี 3-10 ผล[6] เมล็ดเดี่ยวสีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่ เมล็ดยาว โดยปกติจะอยู่ระหว่างหนึ่งถึงสี่เมล็ด พบมากที่สุดห้าเมล็ด ทั้งนี้ปี่แป่ต่างจากพืชสวนชนิดอื่นทั่วไปเนื่องจากออกดอกในฤดูใบไม้ร่วงหรือต้นฤดูหนาว และออกผลตั้งแต่ต้นฤดูใบไม้ผลิถึงต้นฤดูร้อน
-
ทรงพุ่มกลมเตี้ยของปี่แป่
-
ลำต้นปี่แป่ ในบราซิล
-
ขนของดอกปี่แป่เมื่อกำลังบานออก
-
เปรียบเทียบผลปี่แป่ที่สุกและไม่สุก (สีเขียว)
-
ผลปี่แป่ที่สุกคาต้น ที่ถูกนกกิน
-
ผลปี่แป่สุก
-
โครงสร้างภายในผล เมล็ดสีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่
อนุกรมวิธานและการตั้งชื่อ
[แก้]ปี่แป่ (Eriobotrya japonica) เป็นพืชในสกุล Eriobotrya วงศ์ Rosaceae เผยแพร่ครั้งแรกโดย Trans.Linn. Soc. ที่ลอนดอน (ปีค.ศ. 1821) [7]
ชื่อ โลควอท หรือ โหล่วกวั๊ด มาจาก lou4 gwat1 ในออกเสียงภาษาจีนกวางตุ้งของ จีนตัวย่อ: 芦橘; จีนตัวเต็ม: 蘆橘; พินอิน: lújú ถูกนำไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง (และทับศัพท์เป็น loquat ที่รู้จักในภาษาอังกฤษในปัจจุบัน) โดยสันนิษฐานว่าเริ่มจากกวีจีนโบราณ Su Shi ขณะเมื่ออาศัยในภาคใต้ของจีนได้นำไปใช้และหลังจากนั้นความผิดพลาดในการเรียกชื่อก็แพร่กระจายเป็นวงกว้างในภูมิภาคกวางตุ้ง ปัจจุบันในประเทศจีนรู้จักดีในชื่อภาษาจีนกลาง คือ ผีผา (จีน: 枇杷; พินอิน: Pípá แต้จิ๋ว: ปี่แปะ) ในญี่ปุ่นเรียกว่า 枇杷 (ビワ biwa) ในภาษาเกาหลีเรียกว่า 비파 (bipa) ซึ่งในภาษาไทยใช้ชื่อทับศัพท์จากภาษาจีนสำเนียงแต้จิ๋วในชื่อ ปี่แป่ ทั้งนี้อาจมีที่มาจากชื่อยาน้ำเชื่อมแก้ไอที่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ชวนป๋วยปี่แปกอ หรือ ยาน้ำแก้ไอตราลูกกตัญญู [8] (จีนตัวย่อ: 川贝枇杷膏; จีนตัวเต็ม: 川貝枇杷膏; พินอิน: Pípá gāo) ยาชนิดนี้มีส่วนผสมที่ทำจากใบของปี่แป่
การแพร่กระจายและถิ่นกำเนิด
[แก้]ถิ่นกำเนิดอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน [9] แพร่กระจายพันธุ์และเพาะปลูกในประเทศจีนและญี่ปุ่น ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีปลูกเฉพาะในที่สูงที่มีอากาศค่อนข้างเย็น เช่น ประเทศไทย และ เวียดนาม ปัจจุบันเพาะปลูกในหลายทวีปยกเว้น แอฟริกา เติบโตได้ในที่สูงที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 1000 - 3000 ม.
การเพาะปลูก
[แก้]ปี่แป่ (E. japonica หรือ Loquat) มีมากกว่า 800 สายพันธุ์ในเอเชีย ได้แก่ พันธุ์ 'Gold Nugget' และ 'Mogi' [10] ปี่แป่เติบโตได้ง่ายในสภาพอากาศกึ่งเขตร้อนถึงอบอุ่น ซึ่งส่วนใหญ่มักปลูกเป็นไม้ประดับโดยเฉพาะดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมและผลไม้ที่อร่อย ใบไม้ที่มีพื้นผิวอย่างหนาช่วยเพิ่มรูปลักษณ์แบบพืชเขตร้อนให้กับสวน
จีน และญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิตหลักของ ผลปี่แป่ ตามด้วยอิสราเอลและบราซิล[11] และสเปนในยุโรป[12]
ในสภาพอากาศหนาวเย็นจะปลูกเป็นไม้ประดับเท่านั้น เนื่องจากผลไม้จะไม่สุกจนอยู่ในสภาพที่กินได้[13][14]
ในสหรัฐอเมริกา ต้นปี่แป่จะออกดอกเฉพาะในช่วงที่อุณหภูมิในฤดูหนาวไม่ต่ำกว่า 30 ° F (−1 ° C) ในพื้นที่ดังกล่าวต้นไม้จะออกดอกในฤดูใบไม้ร่วงและผลไม้จะสุกในช่วงปลายฤดูหนาว เป็นที่นิยมในภาคตะวันออกและภาคใต้
ในประเทศไทย [6]
การใช้ประโยชน์
[แก้]ผลมีรสหวานอมเปรี้ยว กินสด ทำแยมหรือเยลลี่ เมล็ดมีรสชาติคล้ายอัลมอนด์ น้ำคั้นจากผลใช้ทำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ในแอฟริกาตะวันออกใช้เนื้อไม้ทำเครื่องดนตรี
ใบมีแทนนิน รสฝาด ใช้แก้อาการท้องเสียและเป็นยาระบาย ผลมีเพกติน มีโพแทสเซียมสูงแต่มีวิตามินซีต่ำ ในตำรายาจีนเรียกผีผาเย่ (ภาษาจีนกลาง) หรือปีแปะเฮียะ (ภาษาจีนแต้จิ๋ว) ใบใช้เป็นยาแก้ไอ ละลายเสมหะ[15]
คุณค่าทางอาหาร
[แก้]ปี่แป่ (E. japonica หรือ โลควอท) มีวิตามินเอ ไฟเบอร์ โพแทสเซียมและแมงกานีสสูง มีโซเดียมและไขมันอิ่มตัวต่ำ [16] เมล็ดและใบอ่อนมีพิษ มีไซยาโนจีนิกไกลโคไซด์ที่จะปล่อยไซยาไนด์ออกมาได้เมื่อถูกย่อย แม้จะมปริมาณต่ำและทำให้มีรสขม
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) | |
---|---|
พลังงาน | 197 กิโลจูล (47 กิโลแคลอรี) |
12.14 gحلو | |
ใยอาหาร | 1.7 g |
0.2 g | |
0.43 g | |
วิตามิน | |
วิตามินเอ | (10%) 76 μg |
ไทอามีน (บี1) | (2%) 0.019 มก. |
ไรโบเฟลวิน (บี2) | (2%) 0.024 มก. |
ไนอาซิน (บี3) | (1%) 0.18 มก. |
วิตามินบี6 | (8%) 0.1 มก. |
โฟเลต (บี9) | (4%) 14 μg |
วิตามินซี | (1%) 1 มก. |
แร่ธาตุ | |
แคลเซียม | (2%) 16 มก. |
เหล็ก | (2%) 0.28 มก. |
แมกนีเซียม | (4%) 13 มก. |
แมงกานีส | (7%) 0.148 มก. |
ฟอสฟอรัส | (4%) 27 มก. |
โพแทสเซียม | (6%) 266 มก. |
โซเดียม | (0%) 1 มก. |
สังกะสี | (1%) 0.05 มก. |
ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐสำหรับผู้ใหญ่ แหล่งที่มา: USDA FoodData Central |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "The Plant List: A Working List of All Plant Species". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-26. สืบค้นเมื่อ 13 April 2014.
- ↑ Lindley, John (1821). "Eriobotrya japonica". Transactions of the Linnean Society of London. 13 (1): 102. https://www.biodiversitylibrary.org/page/754832#page/116/mode/1up
- ↑ Thunberg, Carl Peter. (1780). Nova Acta Regiae Societatis Scientiarum Upsaliensis 3: 208, Mespilus japonica
- ↑ Ascherson, Paul Friedrich August & Schweinfurth, Georg August. (1887). Illustration de la Flore d'Égypte 73, Photinia japonica
- ↑ Davidse, G., M. Sousa Sánchez, S. Knapp & F. Chiang Cabrera. (2014). Saururaceae a Zygophyllaceae. 2(3): ined. In G. Davidse, M. Sousa Sánchez, S. Knapp & F. Chiang Cabrera (eds.) Flora Mesoamericana. Universidad Nacional Autónoma de México, México D.F..
- ↑ 6.0 6.1 ThaiGreenAgro “ปีแป๋” ปลูกได้และให้ผลผลิตในเมืองไทย[ลิงก์เสีย] สืบค้นเมื่อ 11 ธันวาคม 2563.
- ↑ http://www.theplantlist.org/tpl/record/tro-27801732
- ↑ https://en.wikipedia.org/wiki/Nin_Jiom_Pei_Pa_Koa
- ↑ http://www.plantsoftheworldonline.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:724793-1
- ↑ Staub, Jack (2008). 75 Remarkable Fruits For Your Garden. Gibbs Smith. p. 133. ISBN 978-1-4236-0881-3
- ↑ "LOQUAT Fruit Facts". Crfg.org. Retrieved 19 July 2018. http://www.crfg.org/pubs/ff/loquat.html เก็บถาวร 2012-10-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ "Agroalimentación. El cultivo del Níspero". canales.hoy.es. Retrieved 19 July 2018. http://canales.hoy.es/canalagro/datos/frutas/frutas_tradicionales/nisperos.htm
- ↑ "RHS Plant Selector Eriobotrya japonica (F) AGM / RHS Gardening". Apps.rhs.org.uk. Retrieved 8 June 2020. https://www.rhs.org.uk/Plants/6735/Eriobotrya-japonica-(F)/Details
- ↑ "AGM Plants – Ornamental" (PDF). Royal Horticultural Society. July 2017. p. 36. Retrieved 17 February 2018.
- ↑ ภาสกิจ วัณณาวิบูล. รู้เลือกรู้ใช้ 100 ยาจีน. กทม. ทองเกษม. 2555
- ↑ Wolfram Alpha entry
- พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ และคณะ. ทรัพยากรพืชในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2: ไม้ผลและไม้ผลเคี้ยวมัน. กทม. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย. 2544. หน้า 221 - 222