ปลาทอง
ปลาทอง | |
---|---|
ปลาทองสายพันธุ์ดั้งเดิมในธรรมชาติ | |
ปลาทองสายพันธุ์เกล็ดแก้ว สายพันธุ์ที่ถูกผสมขึ้นมาโดยคนไทยเอง | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอตา Eukaryota |
อาณาจักร: | สัตว์ |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง |
ชั้น: | ปลาที่มีก้านครีบ |
อันดับ: | ปลาตะเพียน |
วงศ์: | วงศ์ปลาตะเพียน |
วงศ์ย่อย: | Cyprininae |
สกุล: | สกุลปลาทอง (Linnaeus, 1758)[2][3] |
สปีชีส์: | Carassius auratus |
ชื่อทวินาม | |
Carassius auratus (Linnaeus, 1758)[2][3] | |
ชื่อพ้อง | |
รายการชื่อพ้อง
|
ปลาทอง หรือ ปลาเงินปลาทอง (อังกฤษ: goldfish; ชื่อวิทยาศาสตร์: Carassius auratus) เป็นปลาน้ำจืด อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) เป็นปลาที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนและญี่ปุ่น เดิมใช้บริโภค ต่อมาถูกพัฒนาสายพันธุ์มาไม่ต่ำกว่า 2,000 ปี[4] จนกลายเป็นปลาสวยงามในปัจจุบัน ปลาทองที่ปล่อยตามธรรมชาติกลายเป็นสัตว์รุกรานในพื้นที่อเมริกาเหนือและออสเตรเลีย[5][6]
ประวัติความเป็นมาและลักษณะ
[แก้]เชื่อว่าปลาทองเป็นปลาสวยงามชนิดแรกที่มนุษย์เลี้ยง จากหลักฐานที่ปรากฏไม่ต่ำกว่า 2,000 ปีมาแล้ว เป็นรูปสลักปลาทองหลากหลายสีว่ายรวมกันอยู่ในบ่อที่ประเทศจีน ถือเป็นประเทศแรกที่เลี้ยงปลาทอง[4] โดยปลาทองสายพันธุ์ดั้งเดิมในภาษาญี่ปุ่นเรียก "ฟุนะ" (鮒; フナ)[7] และชาวญี่ปุ่นเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์ปลาทองให้มีความสวยงามและหลากหลายมาจนปัจจุบัน[4] เมืองแรก คือ ซะไก ในจังหวัดโอซะกะ ในราวปี ค.ศ. 1502-1503 แต่กลายมาเป็นที่นิยมเมื่อเวลาต่อมาอีกราว 100 ปี ถึงขนาดมีร้านขายปลาทองเปิดกันเป็นจำนวนมาก
ปลาทองมีรูปร่างอ้วน ป้อม มีเกล็ดแบบบางเรียบ ครีบอกกลมแบน ครีบหางเป็นรูปพัด เป็นปลากินพืช และแมลงน้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร เป็นปลาที่ตะกละสามารถกินอาหารได้ตลอดทั้งวัน ตัวผู้เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์จะมีตุ่มสิวขึ้นตามครีบอกและใบหน้า ปลาตัวท้องช่องท้องจะอูมเป่งออก วางไข่ตามพืชน้ำ ไข่ใช้เวลาฟักตัวประมาณ 2 วัน
ปลาทองมีสีหลากหลายตั้งแต่สีแดง สีทอง สีส้ม สีเทา สีดำและสีขาว หรือหลายสีในตัวเดียว ในธรรมชาติชอบอาศัยตามหนองน้ำและลำคลองที่ติดกับแม่น้ำ มีอายุขัย 20-30 ปี ต่อมาถูกนำไปเลี้ยงในทวีปยุโรปเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 17[8] และถูกนำไปเผยแพร่ในทวีปอเมริกาในคริสต์ศตวรรษที่ 19 สำหรับในประเทศไทย เชื่อว่าปลาทองเข้าในสมัยอยุธยาตอนกลางเพื่อเป็นของบรรณาการในราชสำนักราว ๆ ค.ศ. 1370-1489[4]
ปัจจุบันประเทศจีน, ฮ่องกง, สิงคโปร์ และญี่ปุ่น เป็นศูนย์กลางการส่งออกปลาทองที่ใหญ่ที่สุด[4] สำหรับในประเทศไทย การเลี้ยงปลาทองในฐานะปลาสวยงามในยุคปัจจุบัน เริ่มขึ้นหลังปี ค.ศ. 1960 ซึ่งความนิยมจะเริ่มขึ้นจากพื้นที่กรุงเทพมหานครก่อนจะขยายไปตามจังหวัดต่าง ๆ จนปัจจุบันมีฟาร์มปลาทองมากมาย มีปลาหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งเกรดสูงที่มีราคาแพง และเกรดธรรมดาทั่วไป
สายพันธุ์ปลาทอง
[แก้]มีการพัฒนาสายพันธุ์ปลาทองมีไม่ต่ำกว่า 100 สายพันธุ์ ซึ่งบางสายพันธุ์จนถึงปัจจุบันก็ได้หายสาบสูญไปตามกาลเวลาก็มี โดยสายพันธุ์แรกที่มีการเลี้ยงคือ ฮิฟุนะ ซึ่งมีรูปร่างเหมือนปลาทองดั้งเดิมในธรรมชาติ แต่ว่ามีสีทอง ต่อมาก็ถูกพัฒนาจนกลายเป็นปลาทองที่มีหาง 3 แฉก เรียกว่า วากิ้น และจากวาคิ้นก็ถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นปลาทองหาง 4 แฉก คือ จิกิ้น จนในที่สุดก็กลายมาเป็นริวกิ้นในที่สุด
นอกจากนี้แล้วสายพันธุ์ที่เรียกว่า มารุโกะ ก็เป็นบรรพบุรุษของปลาทองสายพันธุ์หัวสิงห์ต่าง ๆ และสายพันธุ์เดเมกิ้น ก็เป็นบรรพบุรุษของปลาทองสายพันธุ์ตาโปนต่าง ๆ
ปลาทองสามารถแบ่งออกตามลักษณะลำตัวได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1.กลุ่มที่มีลำตัวแบนยาว
มีลำตัวแบนข้าง และมีครีบหางเดี่ยว ยกเว้นวากิ้นซึ่งมีครีบหางคู่ ปลาในกลุ่มนี้มักจะว่ายน้ำได้รวดเร็ว ปราดเปรียว ทนทานต่อโรคต่าง ๆ และเจริญเติบโตได้เร็วกว่า ปลาทองที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ได้แก่ ฟุนะ, ฮิบุนะ, โคเมท, ชูบุงกิ้น, วากิ้น, วาโตไน เป็นต้น
2.กลุ่มที่มีลำตัวกลมหรือรูปไข่
ถือเป็นกลุ่มที่มีจำนวนสายพันธุ์หลากหลายมากที่สุด ซึ่งเป็นกลุ่มที่ว่ายน้ำได้ไม่ดี อาจจะว่ายหัวตก มีลักษณะสำคัญที่ครีบ หัวและนัยน์ตาที่แตกต่างหลากหลายกัน โดยแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีครีบหลัง ได้แก่ ริวกิ้น, ออรันดา, เกล็ดแก้ว, ลักเล่ห์ แพนด้า, เดเมกิ้น, โทะซะกิน เป็นต้น กับ กลุ่มที่ไม่มีครีบหลัง ได้แก่ สิงห์จีน, สิงห์ญี่ปุ่น, สิงห์ดำตามิด, รันชู, ลูกโป่ง, ตากลับ เป็นต้น[4]
การเลี้ยงตามความเชื่อ
[แก้]นอกจากนี้แล้ว การเลี้ยงปลาทองยังอยู่ในความเชื่อของชาวจีนอีกด้วยว่าก่อให้เกิดโชคลาภ โดยว่ากันตามหลักฮวงจุ้ยว่ากันด้วยเรื่องจำนวนของปลาที่เลี้ยง, สีของปลา และตำแหน่งการวางตู้ปลาหรือบ่อเลี้ยงด้วย ซึ่งแตกต่างออกไปตามลักษณะของบ้านและเจ้าของ โดยมากจะมักเลี้ยงเป็นจำนวน 9 ตัว เป็นปลาสีแดง 1 ตัว ร่วมกับปลาสีอื่น ๆ และปลาสีดำ 1 ตัว และยังเชื่ออีกด้วยว่าปลาทองสามารถรับเคราะห์แทนผู้เป็นเจ้าของได้[9]
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Huckstorf, V.; Freyhof, J. (2013). "Carassius auratus". IUCN Red List of Threatened Species. 2013: e.T166083A1110472. doi:10.2305/IUCN.UK.2013-1.RLTS.T166083A1110472.en. สืบค้นเมื่อ 13 November 2021.
- ↑ "USGS-NAS, Non-indigenous Aquatic Species". สืบค้นเมื่อ 2015-04-29.
- ↑ "Carassius auratus (Linnaeus, 1758)". Fishbase. สืบค้นเมื่อ 2015-04-29.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 4.5 กระทิงไฟ, ปลาทอง ของเก่า ที่ไม่ตกเทรนด์ นิตยสาร Aquarium Biz หน้า 46-51 ปีที่ 2 ฉบับที่ 16: ตุลาคม 2011
- ↑ Helmore, Edward (12 July 2021). "Goldfish dumped in lakes grow to monstrous size, threatening ecosystems". The Guardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 July 2021.
- ↑ Lynch, Jacqueline (2024-04-23). "Ozfish volunteers trap dumped pet goldfish from Vasse River amid concerns about water quality". ABC News. สืบค้นเมื่อ 2024-04-27.
- ↑ ZENSE OFFICIAL (May 19, 2012). "5 มหานิยม ปลาสวยงามยอดนิยม ปี 2555 OA190555 02-04". 5 มหานิยม.
- ↑ "ปลาทอง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-04-13. สืบค้นเมื่อ 2008-04-14.
{{cite web}}
: ระบุ|accessdate=
และ|access-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ|archivedate=
และ|archive-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ|archiveurl=
และ|archive-url=
มากกว่าหนึ่งรายการ (help) - ↑ "กระจกหกด้าน: มัจฉาเสริมโชค". ช่อง 7. 15 September 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-07. สืบค้นเมื่อ 15 September 2014.
{{cite web}}
: ระบุ|archivedate=
และ|archive-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ|archiveurl=
และ|archive-url=
มากกว่าหนึ่งรายการ (help)
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- "Carassius auratus". ระบบข้อมูลการจำแนกพันธุ์แบบบูรณาการ. สืบค้นเมื่อ 5 October 2004.
- Froese, Rainer, และ Daniel Pauly, eds. (2004). Carassius auratus auratus ใน FishBase. ฉบับเดือนSeptember 2004.
- Goldfish Types เก็บถาวร 2022-12-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน — Description of 50 plus varieties of goldfish with pictures
- Bristol Aquarists' Society: Goldfish — Photographs and descriptions of the different goldfish varieties