ปลาฉลามเสือ
ปลาฉลามเสือ ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: 56–0Ma[1] อีโอซีนตอนต้น ถึง ปัจจุบัน | |
---|---|
ปลาฉลามเสือขนาดโตเต็มที่ | |
ขนาดเมื่อเทียบกับมนุษย์ | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Chondrichthyes |
ชั้นย่อย: | Elasmobranchii |
อันดับ: | Carcharhiniformes |
วงศ์: | Carcharhinidae |
สกุล: | Galeocerdo Müller & Henle, 1837 |
สปีชีส์: | G. cuvier |
ชื่อทวินาม | |
Galeocerdo cuvier (Péron & Lesueur, 1822) | |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ของปลาฉลามเสือ | |
ชื่อพ้อง[2][3] | |
|
ปลาฉลามเสือ (อังกฤษ: tiger shark) ปลากระดูกอ่อนขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง จำพวกฉลาม มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Galeocerdo cuvier ในวงศ์ Carcharhinidae เป็นปลาเพียงชนิดเดียวในสกุล Galeocerdo
ลักษณะ
[แก้]มีรูปร่างอ้วนป้อม ปากกว้าง ปลายปากสั้นและทู่ ลำตัวเรียวไปทางปลายหาง คอดหางมีสันชัดเจน ครีบหางเรียวและมีปลายแหลม มีฟันใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยม มีขอบหยักเป็นจักคล้ายฟันเลื่อย พื้นลำตัวและครีบสีน้ำตาลหม่น มีลายพาดขวางตลอดข้างหลังและหางคล้ายลายของเสือโคร่ง จึงเป็นที่มาของชื่อเรียก ซึ่งลายนี้อาจแตกเป็นจุดกระจายอยู่ทั่วไปหรือจางหมดไปเมื่อโตขึ้น ท้องมีสีจาง
ปลาฉลามเสือเมื่อโตเต็มที่มีขนาดประมาณ 5 เมตร แต่ตัวที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบคือ 7 เมตร น้ำหนักหนักที่สุดคือ 807.4 กิโลกรัม พบกระจายว่ายหากินอยู่ทั่วไปในน่านน้ำเขตอบอุ่นทั่วโลก มีพฤติกรรมชอบหากินตามแนวปะการังหรือบริเวณใกล้ชายฝั่ง หรือบริเวณปากแม่น้ำ โดยอาศัยตั้งแต่ระดับผิวน้ำจนถึงความลึก 140 เมตร ปกติมักอยู่ลำพังเพียงตัวเดียวและหากินในเวลากลางคืน ว่ายน้ำได้คล่องแคล่วว่องไวมาก มีอาณาเขตในการหากินกว้าง 100 ตารางกิโลเมตร โดยที่อาหารได้แก่ ปลาและสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ เช่น เต่าทะเล รวมทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมในทะเล เช่น แมวน้ำ หรือ สิงโตทะเล ด้วย
ปลาฉลามเสือได้ชื่อว่าเป็นปลาที่กินไม่เลือกเหมือนเช่นปลาฉลามขาว (Carcharodon carcharias) เพราะมักเจอสิ่งที่ไม่ใช่อาหารในกระเพาะเสมอ ๆ เช่น ยางรถยนต์, กระป๋องน้ำ, เศษไม้ หรือ พลาสติก ซึ่งล้วนแต่เป็นขยะที่มนุษย์โยนทิ้งลงทะเลทั้งสิ้น
ปลาฉลามเสือ เป็นปลาที่ออกลูกเป็นตัว ในระยะเวลาตั้งท้องนานเกือบหนึ่งปี สามารถตกลูกได้ตลอดทั้งปี โดยเฉลี่ยจะตกลูกครั้งละ 10-82 ตัว ลูกปลาแรกเกิดมีความยาวประมาณ 51.76 เซนติเมตร เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ 4-6 ปี อายุขัยโดยเฉลี่ย 12 ปี แต่อายุในสถานที่เลี้ยงมักจะมีอายุเพียงสั้น ๆ ไม่เกิน 2 เดือนเท่านั้น
ปลาฉลามเสือ นับได้ว่าเป็นปลาฉลามอีกชนิดหนึ่งที่มีอันตรายต่อมนุษย์ เพราะมีนิสัยดุร้ายและมีพฤติกรรมการกินที่ไม่เลือก ในพื้นที่ทะเลของไทยนับได้ว่าเป็นปลาฉลามที่อาจทำร้ายมนุษย์หรือนักดำน้ำได้ร่วมกับ ปลาฉลามหัวบาตร (Carcharhinus leucas) และ ปลาฉลามครีบดำ (C. melanopterus) โดยสถานที่ ๆ มีรายงานปลาฉลามเสือทำร้ายนักดำน้ำหรือนักโต้คลื่นมากที่สุด คือ ฮาวาย เชื่อว่าเกิดจากเหตุที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว จึงทำให้ปลาฉลามเสือเห็นกระดานโต้คลื่นผิดไปเป็นแมวน้ำซึ่งเป็นอาหาร กอรปกับการที่มีเต่าทะเลซึ่งเป็นอาหารอีกอย่างหนึ่งกระจายพันธุ์สูงด้วย[4]
ปลาฉลามเสือ มีชื่อเรียกอื่น ๆ ในภาษาไทยอีก เช่น "ตะเพียนทอง", "พิมพา" หรือ "เสือทะเล" [5]
อนุกรมวิธาน
[แก้]ปลาฉลามเสือได้รับการจัดจำแนกครั้งแรกโดย ฟรังซัวร์ เปรอง และ ชาร์ลส์ อเล็กซานเดร์ ลูสซีเออร์ ในปี ค.ศ. 1822 โดยตั้งชื่อว่า Squalus cuvier[6] ในปี ค.ศ. 1837 โยฮันนาส์ ปีเตอร์ มึลเลอร์ และ เฟดเดอริก กุสตาฟ เฮนเล ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Galeocerdo tigrinus[6] สกุล Galeocerdo มาจากภาษากรีก galeos แปลว่า "ปลาฉลาม" และภาษาละติน cerdus แปลว่า "ขนแข็งของหมู"[6] บ่อยครั้งที่ถูกเรียกว่า "ปลาฉลามกินคน"[6]
ปลาฉลามเสือเป็นสมาชิกของอันดับ Carcharhiniformes ซึ่งเป็นอันดับปลาฉลามที่มีสมาชิกมากที่สุด มีมากกว่า 270 ชนิด[6] สมาชิกของอันดับนี้มีลักษณะเด่นคือ มีเยื่อนิกติเตติงเหนือดวงตา มีครีบหลังสองครีบ มี 1 ครีบก้น และช่องเหงือก 5 ช่อง นับเป็นสมาชิกขนาดใหญ่ที่สุดของวงศ์ Carcharhinidae ซึ่งสมาชิกในวงศ์นี้มีรูปร่างเพรียว แต่เต็มไปด้วยพละกำลัง เป็นปลาฉลามขนาดกลางถึงใหญ่[7]
การกระจายพันธุ์และถิ่นอาศัย
[แก้]บ่อยครั้งที่สามารถพบปลาฉลามเสือใกล้กับชายหาดทั้งในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนทั่วโลก[6] มีพฤติกรรมเร่ร่อนโดยใช้กระแสน้ำอุ่นนำทาง ชอบอยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตรในช่วงฤดูหนาว มักอาศัยในน้ำลึกตามแนวปะการัง แต่ก็สามารถเคลื่อนไหวในร่องน้ำตื้นเพื่อไล่ตามเหยื่อได้ ในทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ปลาฉลามเสือสามารถพบไกลถึงประเทศญี่ปุ่นในทางเหนือและประเทศนิวซีแลนด์ในทางใต้[6] นอกจากนี้ยังสามารถพบได้ในทะเลแคริบเบียน, แอฟริกา, ประเทศจีน, เขตบริหารพิเศษฮ่องกง, ประเทศอินเดีย, ประเทศออสเตรเลีย, และประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงอ่าวเม็กซิโก, ชายหาดของอเมริกาเหนือ,และบางส่วนของอเมริกาใต้[7]
มีบันทึกว่าพบปลาฉลามเสือที่ระดับความลึก 900 m (3,000 ft),[6] แต่แหล่งข้อมูลบางแหล่งอ้างว่าสามารถเคลื่อนที่ในน้ำตื้นที่ตื้นกว่าขนาดของลำตัว[7] ในการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้แสดงว่า ปลาฉลามเสืออาศัยในน้ำลึกเฉลี่ย 350 m (1,100 ft) และการพบเห็นปลาฉลามเสือเป็นเรื่องไม่ปกตินัก อย่างไรก็ตามมีการพบปลาฉลามเสือในฮาวายในระดับความลึก 3 m (10 ft) ซึ่งระดับน้ำบริเวณนั้นมีความลึก 6 m (20 ft)-12 m (40 ft)
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Sepkoski, Jack (2002). "A compendium of fossil marine animal genera (Chondrichthyes entry)". Bulletins of American Paleontology. 364: 560. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-10. สืบค้นเมื่อ 2008-01-09.
- ↑ 2.0 2.1 Simpfendorfer (2000). Galeocerdo cuvier. 2006 IUCN Red List of Threatened Species. IUCN 2006. Retrieved on 11 May 2006. Database entry includes justification for why this species is near threatened
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อitis
- ↑ Beast Tracker, "เปิดโลก". สารคดีทางช่อง new)tv: วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม 2558
- ↑ [https://web.archive.org/web/20120104171619/http://rirs3.royin.go.th/new-search/word-28-search.asp เก็บถาวร 2012-01-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน พิมพา โดย พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542]
- ↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 6.4 6.5 6.6 6.7 "Tiger Shark". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-01-22. สืบค้นเมื่อ 2015-01-04.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 Fact Sheet: Tiger Sharks
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Galeocerdo cuvier ที่วิกิสปีชีส์