ข้ามไปเนื้อหา

เทพมรณะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก บลีช เทพมรณะ)
เทพมรณะ
หน้าปกของมังงะ เทพมรณะ เล่ม 1 ในฉบับภาษาไทย
ブリーチ
ชื่อภาษาอังกฤษBleach
แนวต่อสู้, ผจญภัย, แฟนตาซี
มังงะ
เขียนโดยไทโตะ คุโบะ
สำนักพิมพ์ญี่ปุ่น ชูเอฉะ
ไทย เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์
วางจำหน่ายตั้งแต่20 สิงหาคม 254422 สิงหาคม 2559
จำนวนเล่ม74 เล่ม
อนิเมะโทรทัศน์
กำกับโดยโนริยูกิ อาเบะ
อำนวยการสร้างโดยเคน ฮากิโนะ
โนริโกะ โคบายาชิ (1-86, 226-328)
ยูทากะ สุกิยามะ (1-25, 355-366)
ยูกิโอะ โยชิมูระ (26-133)
ชุนจิ อาโอกิ (87-225)
อายะ มิโซะบูจิ (134-157)
ไม นะไง (158-354)
ฮัตซึโอะ นาระ (343-366)
เขียนบทโดยมาซาชิ โซโกะ (1-229, 266-316)
สึโยชิ คิดะ (230-265)
เคนโตะ ชิโมยามะ (317-366)
ดนตรีโดยชิโร ซางิซุ
สตูดิโอญี่ปุ่น สตูดิโอปิเอโร
ถือสิทธิ์โดยญี่ปุ่น เดนซุ
ไทย โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์
สหรัฐอเมริกา
เครือข่ายญี่ปุ่น ทีวีโตเกียว
ไทย ทรู สปาร์ก, แก๊งการ์ตูนแชนแนล
ฉาย 5 ตุลาคม 2547 27 มีนาคม 2555
ตอน366
อนิเมะโทรทัศน์
BLEACH: The Thousand-Year Blood War สงครามเลือดพันปี
กำกับโดยโทโมฮิสะ ทากุจิ
ฮิคารุ มุราตะ (1-)
อำนวยการสร้างโดยมาซากิ ฮิรามัตสึ
ดนตรีโดยชิโร ซางิซุ
สตูดิโอญี่ปุ่น สตูดิโอปิเอโร
ถือสิทธิ์โดยญี่ปุ่น อะนิเพล็กซ์
สหรัฐอเมริกา Viz Media
เครือข่ายญี่ปุ่น ทีวีโตเกียว
ฉาย 11 ตุลาคม 2565 – ปัจจุบัน
ตอน52

เทพมรณะ หรือ บลีช (ญี่ปุ่น: ブリーチโรมาจิBurīchiทับศัพท์: ในชื่ออังกฤษว่า Bleach) เป็นผลงานการ์ตูนญี่ปุ่นของไทโตะ คุโบะ ตีพิมพ์ลงนิตยสารโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ในประเทศญี่ปุ่น ระหว่างเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2544 ถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559 ส่วนในประเทศไทยนั้นถูกตีพิมพ์ในนิตยสารบูม โดยมีสำนักพิมพ์เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์และจัดจำหน่ายในรูปแบบวีซีดีและดีวีดีโดยบริษัทโรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์

เนื้อเรื่อง

[แก้]

คุโรซากิ อิจิโกะ เด็กมัธยมปลายอายุ 15 ปีผู้มีความสามารถมองเห็นวิญญาณ วันหนึ่งเขาได้พบกับยมทูตหญิงชื่อ คุจิกิ ลูเคีย ในขณะที่เธอกำลังตามล่าฮอลโลว์ตัวหนึ่งและพลาดให้กับฮอลโลว์ตัวนั้น ลูเคียจึงเสนอให้อิจิโกะถ่ายโอนส่วนหนึ่งของแรงดันวิญญาณ (ญี่ปุ่น: Spirit Pressureโรมาจิ霊圧ทับศัพท์: Reiatsu) ของเธอไป แต่ลูเคียกลับพลาดปล่อยให้แรงดันวิญญาณถูกดูดไปจนหมด อุราฮาร่า คิสึเกะ จึงแนะนำให้ใช้ร่างเทียมเพื่อฟื้นพลังและเพื่อให้อิจิโกะเข้าช่วยงานเจ้าหล่อนในการเป็นยมทูตแทนระหว่างที่เธอพักฟื้นพลังอยู่ในโลกมนุษย์ ตลอดเวลาที่ลูเคียพักฟื้นพลัง ลูเคียใช้ชีวิตเป็นนักเรียนในโรงเรียนเดียวกับอิจิโกะและได้พบกับ ซาโดะ "แช้ด" ยาสึโทระ อิโนะอุเอะ โอริฮิเมะ และอิชิดะ อุริว ควินซีคนสุดท้ายในฐานะเพื่อนร่วมชั้น แต่ทว่าความผิดปกติของอิจิโกะที่กลายเป็นยมทูต ทำให้อุริวประกาศตนเป็นศัตรู และท้าแข่งกำจัดฝูงฮอลโลว์กับอิจิโกะ เหตุการณ์ในครั้งนั้นพลังฟูลบริงเกอร์ของซาโดะ และอิโนะอุเอะตื่นขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว และทั้งสี่ก็เอาชนะฝูงฮอลโลว์ได้อย่างยากเย็น

เวลาแห่งความสนุกผ่านไป 6 เดือน โซลโซไซตี้สามารถจับแรงดันวิญญาณของลูเคียที่หายไปได้ จึงได้ส่ง คุจิกิ เบียคุยะ และ อาบาราอิ เร็นจิ มาพาตัวลูเคียกลับไปรับโทษข้อหาหลบหนีการปฏิบัติหน้าที่ที่โซลโซไซตี้ ก่อนจะพบว่าจริง ๆ แล้วลูเคียเสียพลังยมทูตให้อิจิโกะไปซึ่งถือเป็นโทษหนักในโซลโซไซตี้ เบียคุยะจึงตัดโซ่กรรมและวิญญาณหลักของอิจิโกะ ทำให้พลังยมทูตของลูเคียที่อยู่ในตัวอิจิโกะหายไป อุราฮาระจึงจัดโปรแกรมฝึกพิเศษให้อิจิโกะนำพลังยมทูตของตัวเองที่ถูกซ่อนอยู่ในส่วนลึกสุดของวิญญาณกลับมา ในขณะเดียวกัน ชิโฮอิน โยรุอิจิ แมวปริศนาที่ตัวตนที่แท้จริงคืออดีตหัวหน้าหน่วยลงทัณฑ์ของโซลโซไซตี้ ได้เสนอให้ซาโดะและอิโนะอุเอะฝึกพลังของตัวเองเพื่อใช้ในการบุกโซลโซไซตี้ และทำนองเดียวกันอุริวก็แอบฝึกใช้ถุงมือเสริมพลังควินซีเพื่อใช้ในการนี้โดยเฉพาะ เมื่อการฝึกแล้วเสร็จอุราฮาระจึงเปิดประตูผ่านโลกให้พวกอิจิโกะเดินทางไปโซลโซไซตี้ได้อย่างปลอดภัย เมื่อถึงที่นั่นทั้ง 4 คนได้เข้าต่อสู้กับ 13 หน่วยพิทักษ์อย่างหนักหน่วงเพื่อขัดขวางการประหารลูเคียจากข้อหาที่ส่งมอบพลังวิญญาณให้บุคคลอื่น การเคลื่อนไหวของพวกอิจิโกะในเซย์เรย์เทย์ ทำให้เกิดคดีที่ ไอเซ็น โซสึเกะ หนึ่งในหัวหน้าหน่วยของ 13 หน่วยพิทักษ์ถูกลอบสังหารกลางเมือง คดีนี้ทำให้ 13 หน่วยพิทักษ์เกิดความปั่นป่วนอย่างหนัก และพวกอิจิโกะที่พ่ายแพ้ในการต่อสู้ต้องถูกจับเข้าห้องขังในฐานะนักโทษ ด้วยความช่วยเหลือของโยรุอิจิ อิจิโกะสามารถล้มการประหารลูเคียและเอาชนะเบียคุยะได้สำเร็จ แต่การต่อสู้ระหว่างอิจิโกะและเบียคุยะกลับทำให้พลังลึกลับบางอย่างที่อยู่ในตัวอิจิโกะตื่นขึ้นพร้อมกันด้วย

เหตุการณ์ทั้งหมดในเซย์เรย์เทย์ทำให้ไอเซ็นตัดสินใจเผยตัวตนที่แท้จริง และเผยแผนการทั้งหมดที่ตนวางไว้ ไอเซ็นวางแผนที่จะชิง โฮเงียคุ วัตถุพิเศษที่จะทำให้เส้นแบ่งเขตพลังวิญญาณของยมทูตและฮอลโลว์พังทลายลง แลกกับการได้รับพลังที่เหนือกว่ายมทูตและฮฮล์โลว์มาครอบครอง วัตถุนี้ถูกสร้างขึ้นโดย อุราฮาระ คิสึเกะ แต่มันอันตรายมากเกินกว่าที่สติปัญญาของเขาจะทนมันไหว อุราฮาระจึงใช้วิธีการแทรกซึมเข้าดวงวิญญาณและฝังโฮเงียคุไว้ในร่างวิญญาณตนหนึ่ง ซึ่งวิญญาณตนนั้นคือ คุจิกิ ลูเคีย แต่ทว่าคุจิกิลูเคียกลับหายตัวไปในโลกมนุษย์ ไอเซ็นจึงเข้าสังหารวังกลาง 46 ห้อง ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นศาลสูงสุดที่คอยควบคุมทุกสิ่งอย่างในโซลโซไซตี้ลงทั้งหมด และออกคำสั่งส่งยมทูตและหน่วยไล่ล่าออกตามหาลูเคียในโลกมนุษย์จนพบตัวสำเร็จ พริบตาที่พบตัวไอเซ็นจึงออกคำสั่งให้เบียคุยะ และเร็นจิพาตัวกลับมารับโทษประหาร ไอเซ็นตั้งใจใช้โซเคียคุทำให้วิญญาณลูเคียระเหิดไป เพื่อที่จะได้ชิงโฮเงียคุมาเป็นของตัวเอง แต่เมื่อการประหารล่มไอเซ็นจึงใช้วิธีแทรกซึมเข้าดวงวิญญาณแบบเดียวกับที่อุราฮาระทำ และเขาก็ชิงโฮเงียคุได้สำเร็จ ก่อนแปรพักตร์ไปเป็นศัตรูและอาศัยอยู่ในลาสนอร์เช่ส์ ป้อมปราการแห่งใหม่ที่เขาสร้างขึ้นใน ฮูเอโกมุนโด้ โลกของเหล่าฮอลโลว์ และสร้างกองทัพฮอล์โลว์ถอดหน้ากาก "อาร์รันคาร์" เพื่อหวังทำลายโซลโซไซตี้ให้พังพินาศ

หลายเดือนหลังจากนั้น ฮิราโกะ ชินจิ ชายปริศนาได้ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าอิจิโกะเพื่อแนะนำตัวว่าเขาคือไวเซิร์ด และอิจิโกะคือหนึ่งในพวกของเขา ซึ่งจริงๆ แล้วพวกไวเซิร์ด คือกลุ่มยมทูตที่ถูกไอเซ็นใช้เป็นหนูทดลองการกลายสภาพเป็นฮอลโลว์เมื่อ 110 ปีก่อน แม้การทดลองของไอเซ็นจะล้มเหลว แต่อุราฮาระกลับทำให้พวกฮิราโกะสามารถกลายเป็นไวเซิร์ดได้สำเร็จ ฮิราโกะเสนอวิธีการสยบพลังบางอย่างที่เรียกว่าฮอลโลว์ในตัวอิจิโกะ แต่อิจิโกะขอปฏิเสธที่จะเข้าเป็นพวกและกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ไม่นานหลังจากนั้นอาร์รันคาร์กลุ่มแรกถูกส่งมายังโลกมนุษย์เพื่อมาดูลาดเลาและคอยสังเกตการณ์อิจิโกะ แต่อุลคิโอร่าหนึ่งในอารันคาร์ที่เดินทางมาได้ตัดสินว่าอิจิโกะเป็นเพียงขยะที่ไม่ควรค่าแก่การสังหาร ไอเซ็นจึงปล่อยให้อิจิโกะมีชีวิตไปพลางก่อน อิจิโกะสิ้นหวังกับพลังยมทูตที่บัดนี้เหมือนไม่ใช่พลังของตัวเอง จึงได้ละทิ้งหน้าที่ตัวแทนยมทูตและเก็บตัวเงียบนานแรมเดือน

โซลโซไซตี้ที่บัดนี้ถูกควบคุมโดย ยามาโมโตะ เก็นริวไซ ชิเงคุงิ หัวหน้าใหญ่ของ 13 หน่วยพิทักษ์เห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงได้ส่งลูเคีย เร็นจิ รวมถึงยมทูตอีก 4 คนคือ มาดาราเมะ อิกคาคุ, อายาเซกาว่า ยูมิจิกะ, มัตสึโมโต้ รันงิคุ และฮิสึกายะ โทชิโร่ มาอยู่ประจำเมืองคาราคุระเพื่อคอยคุ้มกันโลกมนุษย์จากการบุกของเหล่าอารันคาร์และไอเซ็น ระหว่างนั้นเองเก็นริวไซได้คอยสืบหาเบาะแสของไอเซ็นจากที่ซ่อนตัวในวังกลาง 46 ห้อง จนได้รู้ความจริงว่าเป้าหมายที่แท้จริงของไอเซ็น คือการสร้างกุญแจราชันย์ โอเค็น กุญแจที่สามารถนำทางไปยังวังแห่งราชันย์ที่ซ่อนอยู่ในโซลโซไซตี้ได้ และวัตถุดิบคือเมืองคาราคุระพร้อมผู้คนและวิญญาณบนโลกมนุษย์ทั้งเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้ไอเซ็นทำตามแผนได้สำเร็จและสามารถต่อกรกับพวกอารันคาร์ได้ อิจิโกะจึงยอมขอความช่วยเหลือจากเหล่าไวเซิร์ดในการคุมพลังฮอลโลว์ แช้ดขอความช่วยเหลือจากอุราฮาระในการฝึกใช้พลังเพิ่มเติม อุราฮาระจึงขอให้เร็นจิช่วยใช้บังไคฝึกพลังให้ อิโนะอุเอะเองก็เดินทางไปยังโซลโซไซตี้เพื่อฝึกพลังกับลูเคียที่นั่น อุริวได้รับข้อเสนอจากริวเค็นเพื่อฟื้นพลังควินซีที่เขาเสียไปในระหว่างการต่อสู้ในโซลโซไซตี้ให้

แต่ระหว่างที่พวกอิจิโกะฝึกอย่างหนัก และโซลโซไซตี้เองก็วางแผนรับมือไอเซ็นอยู่นั้น ไอเซ็นได้เดินเกมบุกโลกมนุษย์อีกครั้งโดยส่งกองทัพอารันคาร์มาทั้งหมด 5 ตน ทั้ง 5 เข้าถล่มพวกอิจิโกะอย่างหนักหน่วง แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น อุลคิโอร่าดักโจมตีอิโนะอุเอะระหว่างทางที่กำลังเดินทางกลับโลกมนุษย์ และบังคับให้เธอเดินทางไปฮูเอโกมุนโด้ไปด้วยกัน อิโนะอุเอะไม่มีทางเลือกเลยยอมเดินทางไปด้วย เก็นริวไซที่รู้เรื่องจึงตัดสินให้อิโนะอุเอะคือผู้ทรยศ ปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือทุก ๆ อย่าง และเรียกหน่วยฮิสึกายะกลับมาเตรียมความพร้อมก่อนสงครามฤดูหนาวจะเริ่มต้น อิจิโกะไม่มีทางเลือกจึงไปขอให้อุราฮาระเปิดประตูผ่านโลกไปยังฮูเอโกมุนโด้ให้ อิจิโกะ ซาโดะ และอุริว ทั้งสามคนจึงเดินทางไปฮูเอโกมุนโด้เพื่อชิงตัวอิโนะอุเอะกลับมาด้วยกัน ระหว่างที่กำลังเดินทางไปลาสนอร์เช่ส์ อิจิโกะได้พบกับเนล อาร์รันคาร์เด็กที่อาสาพาไปลาสนอร์เช่ส์ให้ รวมถึงลูเคียและเร็นจิได้เดินทางตามมาสมทบภายหลังด้วย และแล้วสงครามในลาสนอร์เช่ส์ก็เริ่มต้นขึ้น พวกอิจิโกะต่างต่อสู้กับเอสปาด้าตนแล้วตนเล่า จนในที่สุดก็ปราชัยให้กับเหล่าเอสปาด้ากันเกือบทั้งหมด

พริบตาที่อิจิโกะกำลังจะพ่ายแพ้ต่อเอสปาด้า ซาราคิ เคมปาจิ ก็ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าเขา ซาราคิบอกว่าเก็นริวไซออกคำสั่งให้ยมทูต 8 คนบุกเข้าฮูเอโกมุนโด้ เพื่อช่วยอิจิโกะชิงตัวอิโนะอุเอะกลับมาและคอยจัดการเหล่าเอสปาด้าจากข้างใน แต่ทว่านั่นคือกลลวงของไอเซ็นที่จะขังกลุ่มตัวแทนยมทูตไว้ในฮูเอโกมุนโด้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีหัวหน้าหน่วยติดเบ็ดด้วยอีก 4 คน ด้วยกำลังของ 13 หน่วยพิทักษ์ที่หายไปเกินครึ่ง ทำให้ไอเซ็นตัดสินใจบุกเมืองคาราคุระทันที เก็นริวไซที่รู้แผนการทั้งหมดของไอเซ็นจึงได้สั่งให้อุราฮาระเตรียมการให้เมืองคาราคุระเป็นสนามรบ โซลโซไซตี้ใช้วิธีการสร้างเมืองคาราคุระของปลอมขึ้นที่เมืองลูคอนและใช้เท็นไกเค็ตจูย้ายเมืองปลอมมาสลับกับเมืองจริงบนโลกมนุษย์ ไอเซ็นที่รู้เรื่องจึงตัดสินใจที่จะฆ่าเหล่ายมทูตทั้งหมดที่นี่ก่อนบุกเข้าโซลโซไซตี้เพื่อทำลายเมืองคาราคุระและโซลโซไซตี้ไปพร้อม ๆ กัน อิจิโกะที่สามารถพิชิตอุลคิโอร่าได้จึงถูกเบียคุยะส่งกลับมาเข้าร่วมศึกที่โลกมนุษย์ เพราะอิจิโกะคือไพ่ตายหนึ่งเดียวที่จะสามารถโค่นไอเซ็นลงได้ด้วยการที่เขาไม่เคยเห็นการปลดปล่อยดาบฟันวิญญาณของไอเซ็นมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว

อิจิโกะเข้าต่อสู้กับไอเซ็นอย่างหนักแต่ก็ต้องพ่ายไป อิจิมารุจึงสั่งให้อิจิโกะหนีจากสงครามนี้ไปก่อนจะบุกเข้าโซลโซไซตี้เพื่อทำตามประสงค์ อิจิโกะทำตัวไม่ถูกว่าจะไปทางไหนต่อก็ถูกคุโรซากิ อิชชิน อดีตยมทูตผู้เป็นพ่อเตือนสติ และให้เข้าไปปกป้องเมืองคาราคุระที่อยู่ข้างในโซลโซไซตี้เสีย แต่ระหว่างทางที่ไปโซลโซไซตี้ อิชชินได้สั่งให้อิจิโกะเข้าไปถามหาพลังขั้นสุดท้ายจากดาบฟันวิญญาณของตน อิจิโกะใช้เวลาที่ได้รับพิชิตดาบฟันวิญญาณของตนได้สำเร็จ และได้รับเคล็ดวิชาที่จะใช้เผด็จศึกกับไอเซ็นมาครอง และแล้วการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของอิจิโกะกับไอเซ็นจึงเริ่มขึ้น อิจิโกะจึงปลดปล่อยพลังขั้นสุดท้ายที่ต้องแลกกับพลังทั้งหมดของตัวเองเพื่อเอาชนะไอเซ็นให้จงได้ แต่สุดท้ายพลังที่ปล่อยไปกลับล้มเหลว ไอเซ็นฟื้นฟูเต็มสภาพแบบใกล้เคียงความเป็นอมตะ พริบตาที่ไอเซ็นกำลังจะพิชิตชัย เขาก็ถูกผนีกที่อุราฮาระวางไว้เข้าผนีกร่างกายของตัวเองจนไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป หลายวันผ่านไปทุกอย่างเริ่มกลับเข้าสู่สภาพเดิม แต่สำหรับอิจิโกะกระบวนการสูญเสียพลังยมทูตได้เริ่มขึ้น อิจิโกะจึงเดินทางกลับบ้านเพื่อใช้ชีวิตตามปกติโดยมีลูเคียมาส่ง และเมื่อพลังหายไปจนหมด เขาก็ไม่สามารถมองเห็นวิญญาณได้อีกเลย

สองปีต่อมา อิจิโกะ เด็กหนุ่มมัธยมปลายปี 3 วัย 17 ที่ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไป ได้รับการติดต่อจากชายปริศนาที่ชื่อว่า งินโจ คูโก ให้อิจิโกะมาเข้าร่วมองค์กร เอ็กซ์คิวชัน เพื่อฝึกให้อิจิโกะเป็นฟูลบริงเกอร์คนใหม่ แต่แท้จริงแล้วนั่นคือแผนที่จะขโมยพลังวิญญาณของอิจิโกะที่เป็นไวเซิร์ดเพื่อมาพัฒนาให้พลังของฟูลบริงเกอร์ก้าวกระโดดขึ้นไปจากเดิมอีกขั้น อิจิโกะเสียใจที่ถูกหักหลังและสิ้นหวังกับทุกสิ่งที่เขารู้มา พริบตาที่ความสิ้นหวังจบลง ดาบปริศนาก็แทงทะลุร่างอิจิโกะ ทำให้อิจิโกะได้รับพลังยมทูตกลับคืนตามคำสั่งเก็นริวไซ งินโจวเห็นท่าไม่ดีจึงได้อธิบายความลับของ "ตราตัวแทนยมทูต" ว่าแท้จริงแล้วอุปกรณ์นี้เป็นอุปกรณ์สำหรับติดตามตัวบุคคลที่เป็นยมทูตโดยไม่ได้รับอนุมัติจากโซลโซไซตี้ ซึ่งทั้งหมดเป็นแผนการของ อุคิทาเกะ จูจิโร่ หัวหน้าหน่วยที่ 13 ที่ใช้อุปกรณ์นี้คอยติดตามตัวเพื่อควบคุมให้งินโจว ผู้ซึ่งเป็นตัวแทนยมทูตรุ่นแรกให้อยู่ใต้อำนาจของตน งินโจวที่รู้เรื่องจึงทำลายอุปกรณ์ทิ้งและหลบหนีหายไปในโลกมนุษย์ อุคิทาเกะรู้ดีว่าถ้ามอบตราตัวแทนให้อิจิโกะไว้ งินโจวจะต้องติดต่ออิจิโกะแน่ และตนจะให้โซลโซไซตี้ใช้โอกาสนี้ฆ่าทั้งงินโจวและอิจิโกะลงพร้อมกัน แต่ด้วยเหตุการณ์ไอเซ็นทำให้เก็นริวไซตัดสินใจไม่ฆ่าอิจิโกะ แต่ให้คอยสังเกตการณ์ว่าอิจิโกะจะทำอย่างไรถ้าได้รู้ความจริง พริบตาที่ทุกคนเห็นอิจิโกะตั้งท่าสู้กับความมุ่งมั่นของงินโจว ทุกคนจึงน้อบรับคำตัดสินและถอนภารกิจสังหารงินโจวกับอิจิโกะลง ปล่อยให้อิจิโกะจัดการกับงินโจวตามลำพัง และอิจิโกะก็ทำได้สำเร็จและยอมรับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง

หลายเดือนหลังจากนั้น เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ความเคลื่อนไหวผิดปกติในโซลโซไซตี้และฮูเอโกมุนโด้ กำลังจะนำพาทั้งสามโลกเข้าสู่สงครามสุดท้ายที่เต็มไปด้วยความตายไม่รู้จบ และความจริงสุดท้ายของอิจิโกะก็จะปรากฎขึ้นต่อหน้าทุกคน

โลกและมิติเขตแดน

[แก้]
เขตพรมแดน
โลก(ผืนดินปกติ)
สถานที่ผู้มีกายหยาบและใช้ชีวิตปกติของอิจิโกะ เป็นผืนดินบนโลก ตามปกติโดยหากเสียชีวิต ถ้าก่อนตายเป็นคนชั่วก็จะถูกพราย/ยมทูตส่งไปยังนรกแต่ถ้าเป็นคนดีก็จะได้ไปโซลโซไซตี้
นรก

ฮอลโลว์ที่ถูกทำลายด้วยดาบฟันวิญญาณ ดาบฟันวิญญาณจะชำระบาปที่ทำไปในระหว่างเป็นฮอลโลว์ให้ หากก่อนตายเป็นคนดีก็ไปโซลโซลเชี่ยลลิตี้ หากเป็นคนชั่วจะถูกส่งไปยังนรก ในเรื่องเทพมรณะนี้ เหล่าวิญญาณที่ทำชั่วในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อได้กลายสภาพเป็นฮอลโลว์ และได้รับการชำระบาปจากยมทูตแล้ว ประตูนรกก็จะปรากฏและดึงวิญญาณดวงนั้นๆ ลงสู่ขุมนรกในทันที เพราะดาบฟันวิญญาณของยมทูตจะชำระบาปที่ทำระหว่างเป็นฮอลโลว์เท่านั้น นั่นคือบาปหลังความตาย เช่น ฆ่าคนตายในตอนที่เป็นฮอลโลว์ แต่บาประหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่จะต้องไปชดใช้ในนรก

โซลโซไซตี้
เป็นเขตภายหลังการตาย สวรรค์ระดับต่ำสุดที่มีบุญมากกว่าบาป ถ้าทำผิดอาจจะโดนพิพากษาไปนรกได้ โดยปกติ มิติที่ประกอบด้วยอนูวิญญาณเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าสิ่งก่อสร้าง ต้นไม้ ก้อนหิน หรือพื้นดิน ดังนั้นวิญญาณที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้จึงอยู่ในสภาพของสิ่งมีชีวิตที่มีอนูวิญญาณเป็นพื้นฐาน คล้ายคลึงกับโลกที่มีอนุภาคต่างๆ เป็นพื้นฐานของมวลสารนั่นเอง วิญญาณจึงมีอวัยวะมีเลือดเฉกเช่นเดียวกับร่างกายมนุษย์ต่างกันเพียงอนุภาคมูลฐานเท่านั้นเอง

วิญญาณของคนดี จะถูกส่งไปที่โซล โซไซตี้ (อังกฤษ: Soul Society) ซึ่งคนโดยทั่วไปเรียกว่า "สวรรค์" เป็นชุมชนของวิญญาณที่มีสภาพสังคมคล้ายกับประเทศญี่ปุ่นสมัยโบราณ โซล โซไซตี้ทำหน้าเป็นที่พักของวิญญาณก่อนที่จะไปเกิดเป็นเทพพรายบนอาณาจักรองค์เรย์โอ ที่ลอยอยู่บนอวกาศ เหนือม้านพลังทั้ง 72 ชั้น ของเซย์เรย์เทย์ เมื่อสร้างบุญเพิ่มในโซลโซไซตี้ หรือไปเกิดมนุษย์ใหม่อีกครั้ง แบ่งเขตเป็น 2 เขตใหญ่คือ ลูคอนไก (ญี่ปุ่น: 流魂街โรมาจิRukongai ) ซึ่งมีเขตการปกครองทั้งหมด 320 เขต ซึ่งเป็นสถานที่อาศัยของวิญญาณพรายเร่ร่อนกับเซย์เรย์เทย์ (ญี่ปุ่น: 瀞霊廷โรมาจิSeireitei ) ที่อยู่กึ่งกลางของโลกโซลโซไซตี้ ซึ่งเป็นที่อาศัยของเหล่าพราย ยมทูต และตระกูลขุนนางในโซล โซไซตี้ พวกที่ไม่ใช่พราย ภูติ ยมทูต แต่ทำการบุกเข้ามาในเขตของเซย์เรย์เทย์โดยไม่ได้รับอนุญาตจะถูกเรียกว่า "เรียวกะ" หรือผู้บุกรุกนั้นเองซึ่งหากทาง 13 หน่วยพิทักษ์สามารถควบคุมตัวไว้ได้ เรียวกะจะถูกนำไปพิพากษาโทษหนักหรือเบาตามความผิดที่ได้ก่อไว้กับทางเซย์เรย์เทย์

ฮูเอโกมุนโด้
ฮอลโลว์ที่หนีมายังโลกทะเลทรายอันว่างเปล่าที่มีแต่ยอดของต้นไม้งอกออกมาเท่านั้น พวกฮอลโลว์จะถูกไล่ลงไปอาศัยที่ใต้ดิน ส่วนพวกอารันคาร์จะครอบครองโลกเบื้องบนและปกครองเหล่าฮอลโลว์เบื้องล่าง นอกจากนี้แล้วพวกอารันคาร์ยังถูกปกครองโดยเอสปาด้า
เซ็นไกมง
ประตูผ่านมิติไปยังโซลโซไซตี้ ผ่านได้เฉพาะพรายกับยมทูตเท่านั้น เพราะโซลโซไซตี้เป็นโลกแห่งอณูวิญญาณมนุษย์จึงไม่สามารถผ่านไปได้ ที่พวกอิจิโกะไปช่วยลูเคียที่โซลโซไซตี้ได้เพราะอุราฮาร่าติดตั้งเครื่องเปลี่ยนประจุวิญญาณไว้ที่ประตูผ่านโลก

อาวุธและอุปกรณ์

[แก้]

ดาบฟันวิญญาน

[แก้]

ดาบที่มีหลากหลายแบบตามกำลังและพลังที่แอบแผงในร่างและมีการพัฒนาการไปได้อีกหลายระดับ เรียนชื่อของดาบที่แปลงสภาพจากแรงดันวิญญาณว่าซัมปาคุโต (ดาบฟันวิญญาณ) อาวุธที่จะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับเหล่ายมทูต ซัมปาคุโตจะแตกต่างจากดาบธรรมดา ตรงที่ดาบแต่ละเล่มนั้นสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้สามแบบ คือ

ขั้นของดาบยมทูต
ชั้นพลัง ชื่อ ลักษณะโดยทั่วไป
1 ดาบธรรมดา ดาบคะตะนะธรรมดา แตกต่างกันตามรูปร่าง มีโอกาสพัฒนาตามพลังผู้ใช้งาน
2 ปลดปล่อยขั้นต้น (Shikai; ชิไค) ปลดปล่อยขั้นต้นของยมทูตส่วนใหญ่เป็นอาวุธมือที่มีรูปร่างเฉพาะตน โดยจะเปลี่ยนสภาพไปจากเดิมแตกต่างลักษณะอัตลักษณ์ หรือเปลี่ยนเป็นความสามารถทางกายภาพ การควบคุม หรือนอกจากนี้อีกมาก พื้นฐานของการปลดปล่อยคือผู้ใช้ต้องรู้ชื่อของดาบ วิธีคือ ต้องทำให้ผู้ใช้กับดาบฟันวิญญาณสื่อสารกันจนเชื่อใจกันได้ โดยรองหัวหน้าหน่วยขึ้นไปทุกคนจะใช้ได้อย่างชำนาญ ถึงดาบหักก็จะฟื้นตัวกลับมาถึงคืนสภาพกลับมาเป็นปกติ แต่ถ้าตอนสู้ผู้ใช้พูดชื่อดาบผิด ดาบจะน้อยใจแสดงพลังไม่เต็มที่
3 ปลดปล่อยสวัสดิกะ (Bankai; บังไค) ปลดปล่อยสวัสดิกะ เป็นขั้นสุดท้ายในการปลดปล่อยดาบฟันวิญญาณ มีพลังสูงสุดตามอัตลักษณะของพลัง มีอำนาจเสริมทั้งกายภาพและลักษณะเฉพาะตัวเช่นพิษ ควบคุมอากาศ แปลงสภาพบุคคลไปเป็นลักษณะอื่นเป็นต้น การจะใช้ปลดปล่อยสวัสดิกะได้คือ ผู้ใช้กับดาบฟันวิญญาณสื่อสารกันได้ถึงขั้นสร้างตัวตนรูปลักษณ์ให้ดาบฟันวิญญาณเป็นสิ่งมีชีวิตได้ กับดาบฟันวิญญาณจะมอบบททดสอบให้ผู้ใช้ที่แตกต่างกันไป เพื่อหาชื่อดาบขั้นปลดปล่อย การปลดสภาพขั้นนี้คือถ้าผู้ใช้สั่งหยุดใช้หรือหมดสติ ตาย ถ้าผู้ใช้ผ่านบททดสอบดาบฟันวิญญาณจะมอบชื่อเต็มให้ แต่ถ้าดาบขั้นนี้หักจะฟื้นคืนไม่ได้(มีแค่บางคนที่ฟื้นคืนได้เท่านั้น) หรืออีกวิธีผู้นำหน่วย 0 คือผู้ตั้งชื่อดาบจะมอบชื่อจริงดาบให้

ตัวละคร

[แก้]

สื่อบันเทิง

[แก้]

นอกจากนี้ เทพมรณะได้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูน สองอนิเมะโอวีเอ สี่อภาพยนตร์ ละครเพลง วิดีโอเกม และการ์ดเกม โดยภาพยนตร์การ์ตูนถูกทำเป็นสองภาค ภาคแรก เทพมรณะ ออกอากาศทางสถานีทีวีโตเกียว ในประเทศไทยฉายที่ช่อง ทรู สปาร์ค ลิขสิทธิ์ดีวีดีและวีซีดีในประเทศไทยโดย โรส มีเดีย เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ปัจจุบันได้เปลี่ยนผู้ถือลิขสิทธิ์เป็นต่างประเทศ เพื่อออกฉายผ่านทางแพลตฟอร์มต่าง ๆ อาทิ เน็ตฟลิกซ์ อ้ายฉีอี้ ปีลีปีลี ทรูไอดี แอมะซอน ไพร์ม วิดีโอ โดยที่มีเสียงพากย์ไทยในแพลตฟอร์ม ทรูไอดี ที่ใช้เสียงพากย์ของช่องทรูสปาร์ค และ แอมะซอน ไพร์ม วิดีโอ ที่ใช้เสียงพากย์ของโรส มีเดียทั้งหมด และภาคที่ 2 เทพมรณะ: สงครามเลือดพันปี ออกอากาศทางสถานีทีวีโตเดียวเช่นกัน ในไทยถือลิขสิทธิ์โดยผู้ถือลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ โดยออกฉายผ่านทางแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่นกัน ทั้งนี้ในภาค สงครามเลือดพันปี ได้มีการจัดทำเสียงพากย์ไทยโดย บริษัท เอฟฟ์ จำกัด หรือการ์ตูน คลับ โดยใช้นักพากย์เดิมของ โรส มีเดีย บางส่วน ร่วมกับนักพากย์ของการ์ตูน คลับ

รายชื่อตอนในอนิเมะเทพมรณะ

[แก้]

เพลงเปิด-ปิดในอนิเมะเทพมรณะ

[แก้]

บลีช เทพมรณะ (2547-2555)

[แก้]

เพลงเปิด (OPENING)

[แก้]
ลำดับ ชื่อเพลง ผู้ร้อง ตอนที่ใช้
1 Asterisk Orange Range 1-25
2 D-tecnoLife UVERworld 26-51
3 Ichirin no Hana High and Mighty Color 52-74
4 TONIGHT, TONIGHT, TONIGHT BEAT CRUSADERS 75-97
5 Rolling Star YUI 98-120
6 ALONES Aqua Timez 121-143
7 After Dark Asian Kung-Fu Generation 144-167
8 CHU-BURA KELUN 168-189
9 VELONICA Aqua Timez 190-214
10 Shoujo S Scandal 215-242
11 Anima Rossa Porno Graffiti 243-265
12 Change Miwa 266-291
13 Ranbu no Melody ชิโดะ 292-316
14 Blue ViVid 317-342
15 Harukaze Scandal 343-366

เพลงปิด (ENDING)

[แก้]
ลำดับ ชื่อเพลง ผู้ร้อง ตอนที่ใช้
1 Life is Like a Boat Rie Fu 1-13
2 Thank You!! HOME MADE Kazoku 14-25
3 Houkiboshi Younha 26-38
4 happypeople Skoop on Somebody 39-51
5 LIFE YUI 52-63
6 My Pace SunSet Swish 64-74
7 Hanabi Ichimono Gakari 75-86
8 MOVIN!! Takacha 87-97
9 Baby It's You JUNE 98-109
10 Sakura Biyori Mai Hoshimura 110-120
11 Tsumasaki Ore Ska Band 121-132
12 Daidai Chatmonchy 133-143
13 Tane wo Maku Hibi Atari Kousuke 144-154
14 Kansha RSP 155-167
15 Orange Lil'B 168-176
16 Gallop pe'zmoku 177-189
17 Hitohira No Hanabira Stereo Pony 190-201
18 Sky Chord ~Otona ni Naru Kimi he~ Tsuji Shion 202-214
19 Kimi wo Mamotte, Kimi wo Aishite Sambomaster 215-229
20 mad surfer kenichi asai 230-242
21 Sakurabito SunSet Swish 243-255
22 Tabidatsu Kimi e RSP 256-265
23 Stay beautiful DIGGY-MO' 266-278
24 Echoes Universe 279-291
25 Last Moment SPYAIR 292-303
26 Song for... ROOKiEZ is PUNK'd 304-316
27 Aoi Tori Blue Bird(Fumika) 317- 329
28 Haruka Kanata UNLIMITS 330- 342
29 Re:pray Aimer 343-354
30 Mask Aqua Timez 355- 366

บลีช เทพมรณะ: สงครามเลือดพันปี (2565-ปัจจุบัน)

[แก้]

เพลงเปิด (OPENING)

[แก้]
ลำดับ ชื่อเพลง ผู้ร้อง ตอนที่ใช้ วันที่ออกอากาศ
1 Scar Tatsuya Kitani 2-13 11 ตุลาคม 2565
2 STARS w.o.d. 14-26 8 กรกฎาคม 2566
3 Kotoba ni Sezu Tomo (Without any words) SIX LOUNGE 27-39 5 ตุลาคม 2567

เพลงปิด (ENDING)

[แก้]
ลำดับ ชื่อเพลง ผู้ร้อง ตอนที่ใช้ วันที่ออกอากาศ
Special ED Rapport Tatsuya Kitani 1 11 ตุลาคม 2565
1 Saihate SennaRin 2-13* 18 ตุลาคม 2565
2 Endroll Yoh Kamiyama 14-26 8 กรกฎาคม 2566
3 MONOCHROME suisoh 27-39 5 ตุลาคม 2567

* สำหรับตอนที่ 13 เพลง Saihate ฉบับเต็มจะถูกฉายเฉพาะในเวอร์ชันฉาย 1 ชั่วโมง (ตอนที่ 12-13) ที่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ถ้ารับชมจากนอกประเทศญี่ปุ่นจะเป็นเวอร์ชันที่ใช้ OST: Number One - Bankai โดย Shiro Sagisu เป็นเพลงปิดเลย

ภาพยนตร์

[แก้]
ลำดับที่ ประเภท ชื่อตอน วันที่เผยแพร่
1 OVA 1 Bleach Memories in the Rain 2547
2 OVA 2 Bleach The Sealed Sword Frenzy 2548
3 Bleach The Movie 1 Bleach Memories of Nobody : ความทรงจำแห่งผู้ไร้ตัวตน 16 ธันวาคม 2549
4 Bleach The Movie 2 Bleach The Diamond Dust Rebellion : อีกหนึ่งตัวตนของเฮียวรินมารุ 22 ธันวาคม 2550
5 Bleach The Movie 3 Bleach Fade to Black, I call your name : แด่เธอผู้สิ้นสูญ 13 ธันวาคม 2551
6 Bleach The Movie 4 Bleach The Hell Verse : ศึกผ่าโลกันตร์ 4 ธันวาคม 2553

ละครเวที / ละครเพลง

[แก้]

เทพมรณะ มีการแสดงในรูปแบบของละครเพลงโดยใช้ชื่อว่า ร็อก มิวสิเคิล บลีช ญี่ปุ่น: ロックミュージカル ブリーチโรมาจิrokku myūjikaru Burīchi อังกฤษ: Rock Musical Bleach

นวนิยาย

[แก้]
ลำดับ ชื่อเรื่อง ญี่ปุ่น ประพันธ์ วาดภาพ สำนักพิมพ์ ประเภท
วันที่เผยแพร่ ISBN
1 Bleach Letters From the Other Side 15 ธันวาคม 2547 ISBN 4-08-703149-7[1] มาโกโตะ มัตสึบาระ ไทโตะ คูโบะ ชูเอชะ นวนิยาย
2 Bleach The Honey Dish Rhapsody 30 ตุลาคม 2549 ISBN 4-08-703173-X[2] มาโกโตะ มัตสึบาระ นวนิยาย
3 Bleach Memories of Nobody 18 ธันวาคม 2549 ISBN 4-08-703174-8[3] มาโกโตะ มัตสึบาระ นวนิยายดัดแปลง
จากภาพยนตร์
4 Bleach The DiamondDust Rebellion, Another Hyōrinmaru 18 ธันวาคม 2550 ISBN 4-08-703189-6[4] มาโกโตะ มัตสึบาระ นวนิยายดัดแปลง
จากภาพยนตร์
5 Bleach Fade to Black, I Call Your Name 15 ธันวาคม 2551 ISBN 4-08-703197-7[5] มาโกโตะ มัตสึบาระ นวนิยายดัดแปลง
จากภาพยนตร์
6 Bleach The Hell Verse 6 ธันวาคม 2553 ISBN 978-4-08-703234-5[6] มาโกโตะ มัตสึบาระ นวนิยายดัดแปลง
จากภาพยนตร์
7 Bleach Spirits Are Forever With You 4 มิถุนายน 2555 ISBN 978-4-08-703265-9[7] เรียวโกะ นาริตะ นวนิยาย
8 Bleach Spirits Are Forever With You II ISBN 978-4-08-703266-6[8] เรียวโกะ นาริตะ นวนิยาย
9 Bleach The Death Save The Strawberry 4 กันยายน 2555 ISBN 4-08-703272-7[9] มาโกโตะ มัตสึบาระ นวนิยาย
10 Bleach Beginning of the Revive of Tomorrow [10] 4 สิงหาคม 2558 ISBN 978-4-08-880525-2[11] เรียวโกะ นาริตะ นวนิยายสั้น
11 Bleach WE DO knot ALWAYS LOVE YOU 27 ธันวาคม 2559 ISBN 978-4-08-703412-7[12] มาโกโตะ มัตสึบาระ นวนิยาย
12 Bleach (ฉบับคนแสดง) 4 กรกฎาคม 2017 ISBN 978-4-08-321447-9[13] มาโกโตะ มัตสึบาระ นวนิยายดัดแปลง
จากภาพยนตร์
13 Bleach Can't Fear Your Own World 4 สิงหาคม 2017 ISBN 978-4-08-703424-0[14] เรียวโกะ นาริตะ นวนิยาย
14 Bleach Can't Fear Your Own World II 2 พฤศจิกายน 2018 ISBN 978-4-08-703464-6[15] เรียวโกะ นาริตะ นวนิยาย
15 Bleach Can't Fear Your Own World III 4 ธันวาคม 2018 ISBN 978-4-08-703466-0[16] เรียวโกะ นาริตะ นวนิยาย

รายการอ้างอิง

[แก้]
  1. "BLEACH 〜Letters From The Other Side〜" (ภาษาญี่ปุ่น). ชูเอชะ.
  2. "BLEACH ―THE HONEY DISH RHAPSODY―" (ภาษาญี่ปุ่น). ชูเอชะ.
  3. "劇場版BLEACH ―MEMORIES OF NOBODY―" (ภาษาญี่ปุ่น). ชูเอชะ.
  4. "劇場版BLEACH The DiamondDust Rebellion もう一つの氷輪丸" (ภาษาญี่ปุ่น). ชูเอชะ.
  5. "劇場版BLEACH Fade to Black 君の名を呼ぶ" (ภาษาญี่ปุ่น). ชูเอชะ.
  6. "劇場版BLEACH 地獄篇" (ภาษาญี่ปุ่น). ชูเอชะ.
  7. "BLEACH Spirits Are Forever With You 1" (ภาษาญี่ปุ่น). ชูเอชะ.
  8. "BLEACH Spirits Are Forever With You 2" (ภาษาญี่ปุ่น). ชูเอชะ.
  9. "BLEACH The Death Save The Strawberry" (ภาษาญี่ปุ่น). ชูเอชะ.
  10. รวมอยู่ในหนังสือข้อมูลที่ชื่อ 13 BLADEs.
  11. "BLEACH 13 BLADEs. (ジャンプコミックス)" (ภาษาญี่ปุ่น). ชูเอชะ.
  12. "BLEACH WE DO knot ALWAYS LOVE YOU" (ภาษาญี่ปุ่น). ชูเอชะ.
  13. "BLEACH映画ノベライズ みらい文庫版" (ภาษาญี่ปุ่น). ชูเอชะ.
  14. "BLEACH Can't Fear Your Own World 1" (ภาษาญี่ปุ่น). ชูเอชะ.
  15. "BLEACH Can't Fear Your Own World 2" (ภาษาญี่ปุ่น). ชูเอชะ.
  16. "BLEACH Can't Fear Your Own World 3" (ภาษาญี่ปุ่น). ชูเอชะ.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]