บริติชขนสั้น
บทความนี้อาจขยายความได้โดยการแปลบทความที่ตรงกันในภาษาอังกฤษ คลิกที่ [ขยาย] เพื่อศึกษาแนวทางการแปล
|
บริติชขนสั้น | |
---|---|
บริติชช็อตแฮร์สีบลู | |
ชื่ออื่น | บริติชช็อตแฮร์ |
ต้นกำเนิด | สหราชอาณาจักร |
มาตรฐานพันธุ์ | |
CFA | standard |
FIFe | standard |
TICA | standard |
ACF | มาตรฐาน |
ACFA/CAA | มาตรฐาน |
CCA-AFC | มาตรฐาน |
GCCF | มาตรฐาน |
แมวบ้าน (Felis catus) |
บริติชขนสั้น หรือ บริติชชอร์ตแฮร์ (อังกฤษ: British Shorthair) เป็นแมวพันธุ์แท้ที่สืบเชื้อสายมาจากแมวบ้านทั่วไปของอังกฤษ มีรูปร่างท้วม ขนหนา และใบหน้ากว้าง สีที่พบได้บ่อยที่สุดคือสี "อิงลิชบลู" ซึ่งมีขนสีเทาอมฟ้าทั่วตัว ตาสีเหลืองอมส้ม และหางขนาดกลาง สายพันธุ์นี้ยังมีการพัฒนาให้มีหลากหลายสีและลายขนมากยิ่งขึ้น รวมถึงลายเสือ (tabby) และลายจุด (colourpoint)
ประวัติและความเชื่อ
[แก้]นักวิจัยยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าแมวตัวแรกเข้ามาอยู่ในหมู่เกาะอังกฤษได้อย่างไร ในหลายพื้นที่ของยุโรป แมวกลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่พบเห็นได้ทั่วไปในช่วงเวลาเดียวกับการขยายตัวของจักรวรรดิโรมัน อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานบ่งชี้ว่า แมวบ้านได้เข้ามาอยู่ในหมู่เกาะอังกฤษก่อนที่ชาวโรมันจะเข้ามาตั้งรกราก[1]
แมวเหล่านี้ผสมพันธุ์กับแมวป่าท้องถิ่นในยุโรป หลายศตวรรษที่ผ่านมา ลูกหลานของแมวเหล่านี้ได้วิวัฒนาการให้มีขนาดตัวใหญ่ แข็งแรง และมีขนสั้นแต่หนามากขึ้น เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมบนเกาะที่พวกมันอาศัยอยู่ จากภาพวาดของศิลปินในอดีต แสดงให้เห็นว่าลักษณะของแมวบริติชขนสั้นในปัจจุบันนั้นแทบไม่เปลี่ยนแปลงไปจากบรรพบุรุษของมันเลย
ในช่วงศตวรรษที่ 19 เกิดการคัดเลือกสายพันธุ์แมวชนิดนี้โดยมุ่งเน้นไปที่ลักษณะที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีขนสีฟ้าเทาที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเรียกว่า 'บริติชบลู' หรือ 'สายพันธุ์อังกฤษ' เพื่อให้แตกต่างจาก 'รัสเซียนบลู' ที่มีรูปร่างผอมเพรียวกว่า บางแหล่งอ้างอิงให้เครดิต แฮร์ริสัน เวียร์ ศิลปินชาวอังกฤษและผู้บุกเบิกการเลี้ยงแมว เป็นผู้ริเริ่มแนวคิดการกำหนดมาตรฐานสายพันธุ์แมว มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเบื้องหลังเหตุการณ์นี้อาจมีกลุ่มผู้เพาะพันธุ์เข้ามาเกี่ยวข้อง แมวพันธุ์บริติชขนสั้นได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในงานแสดงแมวครั้งแรกของโลก ซึ่งจัดขึ้นโดยเวียร์ที่วังแก้ว กรุงลอนดอน ในปี 1871[2]
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อแมวเปอร์เซียและแมวขนยาวสายพันธุ์ใหม่ ๆ ถูกนำเข้ามา ทำให้แมวบริติชขนสั้นได้รับความนิยมน้อยลงเรื่อย ๆ จนเกือบจะสูญพันธุ์ไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เนื่องจากขาดแคลนแมวสำหรับการผสมพันธุ์
ลักษณะ
[แก้]แมวบริติชขนสั้นนั้น เป็นแมวขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ มีน้ำหนักอยู่ที่ 3.5-9 กิโลกรัม รูปร่างลำตัวกลมหนา ใบหน้ากลมและมีแก้มยุ้ย ใบหูมีขนาดกลางและกลม และมีอายุขัยประมาณ 15-20ปี แมวสายพันธุ์บริติชขนสั้นั้นจะโดเต็มที่เมื่ออายุ 3 ปี[3]
ประเภท
[แก้]แมวบริติชขนสั้นนั้น แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ตามประเภทสีตา ได้แก่
- กลุ่มแมวตาสีส้ม หรือ classic หรือแมวขนสีล้วน (solid colour) ได้แก่ แมวสีบลู สีไลแลค สีช็อคโกแลต สีซินนาม่อน สีครีม สีแดง สีขาว หรือรงมถึงแมวลาย2สีด้วย ซึ่งในแมวกลุ่มนี้จะมีดวงตาสีส้ม
- กลุ่มแมวตาสีเขียว ในแมวกลุ่มนี้ จะมีขนสีทอง หรือ สีเงิน
- กลุ่มแมวตาสีฟ้า ในแม่กลุ่มนี้ จะเรียกว่าสีแบบ colour point แมวกลุ่มนี้จะมีลำตัวสีอ่อน และมีแต้มเข้ม 9 แต้ม คล้ายแมววิเชียรมาศ แต่สีของแต้มนั้นจะไม่เข้มเท่าวิเชียรมาศ และในแมวกลุ่มนี้ทุกตัวจะมีตาสีฟ้า
โดยหลักการการผสมพันธุ์แมวบริติชขนสั้นให้มีคุณภาพนั้น ต้องผสมในแมวที่มีตาสีเดียวกัน[4]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Carlos A. Driscoll; Juliet Clutton-Brock; Andrew C. Kitchener; Stephen J. O'Brien (1 June 2009). "The Evolution of House Cats". Scientific American. สืบค้นเมื่อ 6 January 2024.
- ↑ "British Shorthair Cats | British Shorthair Cat Breed Info & Pictures | petMD". petmd.com. สืบค้นเมื่อ 12 April 2017.
- ↑ https://pet.kapook.com/view265976.html%7Cทำความรู้จัก แมวบริติช ช็อตแฮร์ สายพันธุ์เหมียวผู้ดีจากแดนอังกฤษ
- ↑ https://www.facebook.com/share/p/QM9YhUJpcdr6RnmZ/?%7C ความเข้าใจขั้นพื้นฐาน เกี่ยวกับการขยายพันธุ์ แมวสายพันธุ์ บริติช (WCF thailand by ARC)