นาฬิกาหนี้ประชาชาติ
![]() | ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
40°45′20″N 73°59′05″W / 40.7555°N 73.9848°W

นาฬิกาหนี้ประชาชาติ (อังกฤษ: National Debt Clock) เป็นป้ายแสดงตัวเลขวิ่งแบบอิเล็กทรอนิกส์ในลักษณะคล้ายป้ายโฆษณา ทำหน้าที่แสดงหนี้ประชาชาติของสหรัฐและส่วนแบ่งหนี้ต่อครอบครัวในสหรัฐโดยปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันติดตั้งอยู่ด้านตะวันตกของสวนวันไบรอันต์ อาคารแบงค์ออฟอเมริกา อยู่ทางทิศตะวันตกของ Sixth Avenue ระหว่างถนนเส้นที่ 42 และ 43 ในแมนฮัตตัน นิวยอร์กซิตี ซึ่งเป็นที่ตั้งแรกของนาฬิกานี้
แนวคิดของนาฬิกานี้เกิดจากเซย์มัวร์ ดัสต์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชาวนิวยอร์กที่ต้องการจะเน้นให้เห็นถึงการเพิ่มสูงขึ้นของหนี้ประชาชาติ ในปี ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) เขาได้สนับสนุนให้ติดตั้งนาฬิกานี้ขึ้นครั้งแรกซึ่งตั้งอยู่ที่ Sixth Avenue ระหว่างถนนเส้นที่ 42 และ 43 ห่างจากไทม์สแควร์ไป 1 บล็อก ต่อมาในปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ได้นำนาฬิกาเดิมออกและติดตั้งนาฬิกาใหม่ใกล้กับถนนเส้นที่ 44 และ Sixth Avenue จากนั้นในปี ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) หนี้ประชาชาติของสหรัฐพุ่งสูงถึง 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก มีรายงานว่าค่าในนาฬิกาดังกล่าวนั้นอาจจะเกินกว่าค่าที่สามารถแสดงได้ ทำให้มีการเปลี่ยนไฟที่แสดงเครื่องหมายดอลลาร์เป็นหมายเลข 1 แทนในหลักสิบล้านล้าน ในปี ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) มีการย้ายนาฬิกาอีกครั้งไปยังที่ตั้งปัจจุบัน
บริบท
[แก้]เซย์มัวร์ ดัสต์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชาวนิวยอร์กผู้ที่คิดและสนับสนุนนาฬิกานี้ ได้ตั้งแนวความคิดของแรงขับเคลื่อนที่ไม่เข้าข้างฝ่ายใดและอธิบายแรงจูงใจเบื้องหลังโครงการของเขาในชื่อ "ความเท่าเทียมระหว่างรุ่นต่อรุ่น" ว่า "พวกเราเป็นธุรกิจภาคครอบครัว พวกเราคิดอย่างรุ่นต่อรุ่น และพวกเราไม่ต้องการที่จะเห็นคนรุ่นต่อไปสะดุดล้มลงด้วยภาระนี้"[1]
ดักลาส บุตรของเซย์มัวร์กล่าวว่าบิดาของเขาได้แสดงให้เห็นความคิดพื้นฐานเพื่อดึงความสนใจถึงการพุ่งสูงของหนี้ประชาชาติตั้งแต่ช่วงปี 1980 เมื่อช่วงวันหยุดบิดาได้ส่งบัตรอวยพรปีใหม่ไปยังสมาชิกวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีใจความว่า "สุขสันต์วันปีใหม่ ส่วนหนี้ประชาชาติของคุณอยู่ที่ 35,000 ดอลลาร์สหรัฐ".[2] ในช่วงทศวรรษที่ 1980 เซย์มัวร์มีความพยายามจะพัฒนาความคิดของเขาให้เป็นนาฬิกาที่สามารถปรับปรุงตัวเลขได้ แต่ในขณะนั้นเทคโนโลยียังไม่เอื้ออำนวยให้ทำได้[1] ซึ่งในช่วงนั้น หนี้ประชาชาติกำลังจะพุ่งไปสู่ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็ว[3]
นาฬิการุ่นแรก
[แก้]
นาฬิกาหนี้ประชาชาติรุ่นแรกได้ติดตั้งขึ้นในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532)[4] โดยขณะนั้นหนี้ประชาชาติอยู่ที่ 2.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นาฬิกานี้มีขนาดอยู่ที่ 11 × 26 ฟุต (3.4 × 7.9 เมตร) ใช้งบประมาณในการสร้างราว 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ[5] ส่วนการบำรุงรักษาหลอดไฟแสดงตัวเลขจำนวน 305 ดวง[3] คิดเป็นเดือนละ 500 ดอลลาร์สหรัฐ[5] โดยครั้งแรกติดตั้งบนอาคารดัสต์ (ปัจจุบันถูกทำลายลงแล้ว) ที่ Sixth Avenue ใกล้กับถนนเส้นที่ 42 (ห่างจากไทม์สแควร์ไป 1 บล็อก) ตรงข้ามกับด้านทิศเหนือของถนนเส้นที่ 42 และสวนไบรอันต์[6] สร้างโดย Artkraft Strauss ซึ่งบริษัทผลิตป้ายในนิวยอร์ก ตัวนาฬิกาแสดงตัวเลขในลักษณะเป็นจุดตามหลอดไฟจำลองการแสดงตัวเลขแต่ละตัวความละเอียดขนาด 5×7 จุด กลไกการปรับตัวเลขนั้นตั้งค่าเป็นความเร็วโดยประมาณของการเติบโตของหนี้คล้ายมาตรระยะทางบนรถยนต์ ซึ่งนาฬิารุ่นที่สองใช้กลไกที่ใกล้เคียงกัน และปรับตามตัวเลขล่าสุดที่กระทรวงการคลังสหรัฐรายงานเป็นรายสัปดาห์[5][7][8] เซย์มัวร์กล่าวว่านาฬิกานี้จะ "คงอยู่ตราบจนกว่าหนี้หรือเมืองนี้จะสูญสิ้น" และ "ถ้ามันรบกวนผู้ใด แปลว่ามันยังทำงานอยู่""[9]
กระทั่งหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่เซย์มัวร์จะเสียชีวิตในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) เซย์มัวร์ได้ปรับนาฬิกานี้ผ่านโมเด็มด้วยตนเอง[5] หลังจากที่เขาได้เสียชีวิตลง ดักลาสผู้เป็นบุตรของเซย์มัวร์ได้เข้าเป็นประธานของ Durst Organization ซึ่งถือกรรมสิทธิ์และบำรุงรักษานาฬิกานี้[5][7][10] ส่วน Artkraft Strauss ยังคงรักษากลไกการแสดงตัวเลขนับแต่นั้นมา[5] ในวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) นาฬิกาได้หยุดวิ่งเป็นครั้งแรกในรอบหกปีนับแต่เริ่มทำงาน จากผลการหยุดของรัฐบาลกลางในขณะนั้น ทำให้นาฬิกาหยุดค้างตัวเลขอยู่ที่ 4,985,567,071,200 ดอลลาร์สหรัฐ[11] ในปี ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) นาฬิกาชำรุดในระยะเวลาสั้น ๆ หลังจากที่ตัวเลขพุ่งไปสู่ 5.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็วมาก โดยสาเหตุมากว่ามีตัวเลขที่เข้าสู่นาฬิกา "ที่สูงเกินไป" ทำให้บริษัทที่ผลิตนาฬิกาดังกล่าวได้ติดตั้งคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ไว้ภายในนาฬิกาดังกล่าว[3]
ในช่วงต้นปี ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) นาฬิกาเริ่มเดินถอยหลังเนื่องจากหนี้ประชาชาติมีการลดถอยลงโดยแท้จริง[6][10] ขณะนั้นแสดงตัวเลขหนี้ประชาชาติอยู่ที่ 5.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่วนแบ่งหนี้ของแต่ละครอบครัวอยู่ที่ 74,000 ดอลลาร์สหรัฐ เดิมวัตถุประสงค์ของนาฬิกานี้ คือ เพื่อเน้นย้ำให้เห็นถึงการเพิ่มสูงขึ้นของหนี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ในลักษณะตรงข้ามกันทำให้เกิดปัจจัยหลายประการ ประกอบกับนาฬิกาไม่ได้ออกแบบให้สามารถเดินถอยหลังได้อย่างราบลื่น[1] ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) มีรายงานว่านาฬิกาดังกล่าวจะยุติการทำงานลงในวันที่ 7 กันยายน อันเป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่ 87 ของเซย์มัวร์ ดักลาสกล่าวว่าการตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะ "มันได้สร้างความสนใจการในเพิ่มสูงของหนี้ประชาชาติ และมันได้ทำหน้าที่นี้ตามวัตถุประสงค์แล้ว"[12] ในเดือนกันยายน นาฬิกาดังกล่าวถูกยุติการทำงานลงและคลุมด้วยม่านสีแดง-ขาว-น้ำเงิน ด้วยในขณะนั้นตัวเลขของหนี้อยู่ที่ 5.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[1] อย่างไรก็ตาม ไม่ถึงสองปีจากนั้น ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) ม่านถูกนำออกไปและนาฬิกากลับมาทำงานติดตามการเพิ่มขึ้นของหนี้ประชาชาติอีกครั้ง[13] โดยตัวเลขเริ่มที่ 6.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[14]
นาฬิการุ่นที่สอง
[แก้]
ในปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) นาฬิกาเดิมย้ายที่ตั้งไปใกล้กับถนนสายที่ 42 ส่วนอาคารอันที่เป็นตั้งเดิมถูกทำลายและสร้างเป็นสวนวันไบรอันต์ในเวลาต่อมา[15] โดยนาฬิกาใหม่นี้ติดตั้งห่างไปจากอาคารดัสต์ 1 บล็อกที่ 1133 Avenue of Americas ตรงข้ามกับ Sixth Avenue ซึ่งใกล้กับแยกกับถนนเส้นที่ 44 ตะวันตก[1][16] นาฬิกาใหม่นี้ตั้งอยู่ถัดจากสำนักงานบริการสรรพากรภายใน[9][17] นาฬิกาใหม่นี้สร้างขึ้นมาโดยสามารถเดินถอยหลังได้และเปล่งแสงได้สว่างกว่าเดิมโดยใช้หลอดไฟแอลอีดีแสดงเป็นตัวเลขแบบ 7 เส้นเพื่อให้อ่านตัวเลขได้ง่ายขึ้น [1]
ในช่วงวิกฤตการณ์การเงิน พ.ศ. 2550–2551 นาฬิกาหนี้ประชาชาติได้แสดงตัวเลขเกินหลักเมื่อหนี้ประชาชาติของสหรัฐพุ่งสูงขึ้นเกิน 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในวันทที่ 30 กันยายน ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551)[17][18][19] ทำให้หลักซ้ายสุดของนาฬิกาแสดงตัวเลข 1 แทนเครื่องหมายดอลลาร์หลักจากเกิดส่วนล้น[20] ต่อมามีแผนที่จะปรับจำนวนหลักให้เพิ่มขึ้นอีกสองหลักในปี ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551)[8][21][22] นาฬิกาจะได้สามารถแสดงจำนวนหนี้จนถึงหลักพันล้านล้าน[9]
ในเดืนอกันยายน ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) โจนาทาน "โจดี" ดัสต์ หลานของดักลาสซึ่งร่วมกับประธานบริษัทด้วยกัน อยู่ในขั้นตอนการเข้าครองปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานวันต่อวัน ในบทสัมภาษณ์ในนิวยอร์กไทมส์ โจนาทานกล่าวว่าการบำรุงรักษานาฬิกาอยู่ในแผน "ในปีที่จะมาถึงนี้"[23]
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) Durst Organization ประกาศว่าจะย้ายนาฬิกาหนี้ประชาชาติอีกครั้งไปที่ทางเข้า 1133 Avenue of the Americas โดยย้ายไปอยู่ด้านทิศตะวันตกของสวนวันไบรอันต์ ตรงข้ามกับซอยใจกลางระหว่าง Sixth Avenue กับบรอดเวย์[24][25]
โครงการที่ใกล้เคียงกัน
[แก้]
แนวความคิดที่จะสื่อสารผ่านนาฬิกาที่ปรับปรุงข้อมูลรายคาบนั้น ในก่อนหน้านี้มีการแสดงเป็นนาฬิกาวันสิ้นโลก อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมของนาฬิกาหนี้ประชาชาติได้แสดงถึงการนับตัวเลขที่วิ่งอย่างต่อเนื่องได้เป็นแนวคิดในการปฏิบัติการโครงการต่าง ๆ ทั้งในสหรัฐและประเทศอื่น ๆ[5][26] โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐ นาฬิกานี้ได้กลายเป็นของประจำชาติที่แสดงการเพิ่มสูงขึ้นของหนี้ประชาชาติของสหรัฐ ในปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) นิวยอร์กไทมส์รายงานว่านักการเมืองหลายคนได้อ้างถึงนาฬิกานี้ในการสนับสนุนให้ลดงบประมาณรายจ่ายของประเทศ[5] นอกจากนี้ยังมีตัวนับหนี้ประชาชาติบนเว็บไซต์อีกหลายแหล่ง[a]
นาฬิกาหนี้ประชาชาติได้จุดประกายให้เกิดตัวนับในลักษณะคล้ายคลึงกันอีกหลายแห่ง ยกตัวอย่าง เอเอ็มดีได้ทำป้ายบิลบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตามค่าใช้จ่ายจากการใช้ชิปของคู่แข่ง[27] ในปี ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) มีการติดตั้ง "Death Clock" ที่ล้อเลียนนาฬิกาหนี้ที่ไทม์สแควร์ ทำหน้าที่จำนวนการตายของผู้ตั้งครรภ์ทั่วโลกทุก 90 วินาที[28]
ในการประชุมคณะกรรมาธิการแห่งชาติรีพับลิกันระดับชาติในปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) มีหน้าจอ 2 จอ โดยจอหนึ่งแสดงตัวเลขเช่นเดียวกับนาฬิกาหนี้ปกติ ส่วนจอที่สองแสดงตัวเลขประมาณการของหนี้ประชาชาติที่เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่การประชุมเริ่มขึ้น[29] โดยทางพรรคริพับลิกันกล่าวว่านาฬิกาในการประชุมครั้งนี้มีขึ้นเพื่อเน้นย้ำข้อเท็จจริงที่ว่าหนี้ประชาชาตินั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของบารัก โอบามาซึ่งโอบามาเองจะลงเข้าผู้รับการคัดเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐในการเลือกตั้งในปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)[30] ไรนซ์ พรีบัส ประธานคณะกรรมาธิการแห่งชาติริพับลิกันกล่าวว่านาฬิกานี้แสดงให้เห็นถึง "ความประมาททางการเงินเป็นประวัติการณ์ภายใต้การดูแลปกครองของโอบามา"[29]

ในระหว่างการระบาดทั่วของไวรัสโคโรนาในสหรัฐ พ.ศ. 2563 มีผู้พัฒนาเว็บไซต์ "Trump Death Clock" และแสดงเป็นป้ายโฆษณาในไทม์สแควร์ โดยแสดงให้เห็นตัวเลขผู้เสียชีวิต "ที่อ้างในทางทฤษฎี" เนื่องมาจากการรับมือการระบาดทั่วของไวรัสโคโรนาของประธานาธิบดีดอนัลด์ ทรัมป์[31][32][33] นาฬิกานี้สร้างขึ้นโดยยูจีน แจเรกกี[34] ป้ายนี้ตั้งอยู่บนโรงละครบรอดเวย์และถนนเส้นที่ 43 ตะวันตก
ในวัฒนธรรมสมัยนิยม
[แก้]นาฬิกานี้ได้รับการเสนอในสารคดี Maxed Out ออกฉายในปี ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) ซึ่งกล่าวถึงหนี้ประชาชาติ มีสมาชิกบางส่วนของครอบครัวดัสต์ปรากฏตัวในสารคดีดังกล่าวด้วย[35]
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ ตัวอย่างตัวนับติดตามหนี้ออนไลน์ ประกอบด้วย
- treasurydirect.gov — หนี้สาธารณะของสหรัฐบน TreasuryDirect ดูแลโดยกระทรวงการคลังสหรัฐ
- หนี้ประชาชาติแบบทันท่วงที
- brillig.com
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 "US debt clock running out of time, space". China Daily. AFP. March 30, 2006. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ Koh, Eun Lee (August 13, 2000). "FOLLOWING UP; Time's Hands Go Back On National Debt Clock". The New York Times. ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 "SUNDAY: NOVEMBER 8, 1998: THE NATIONAL DEBT; Depressing Displays". The New York Times. November 8, 1998. ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ Daniels, Lee A. (November 8, 1991). "Chronicle". The New York Times. ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 5.3 5.4 5.5 5.6 5.7 Toy, Vivian S. (May 28, 1995). "The Clockmaker Died, but Not the Debt". The New York Times. ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ 6.0 6.1 Amadeo, Kimberly (January 1, 2010). "Did You Know There's a Clock to Track the Debt?". The Balance. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ 7.0 7.1 Upham, Ben (May 14, 2000). "NEIGHBORHOOD REPORT: TIMES SQUARE; Debt Clock, Calculating Since '89, Is Retiring Before the Debt Does". The New York Times. ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ 8.0 8.1 Rubinstein, Dana (October 6, 2008). "Durst To Add Extra Trillion Dollar Digit to National Debt Clock". observer.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 10, 2008. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ 9.0 9.1 9.2 Stephey, M.J. (October 14, 2008). "The Times Square Debt Clock". Time. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ 10.0 10.1 "National Debt Clock stops, despite trillions of dollars of red ink". CNN. Associated Press; Reuters. September 7, 2000. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 29, 2008. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017 – โดยทาง Internet Archive Wayback Machine.
- ↑ Van Natta Jr., Don (November 15, 1995). "BATTLE OVER THE BUDGET: NEW YORK;Like Workers, Debt Clock Is Placed On Furlough". The New York Times. ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ Sutel, Seth (May 13, 2000). "National Debt Clock winds down". The Recorder. Greenfield, Massachusetts: Associated Press. สืบค้นเมื่อ 2017-02-03 – โดยทาง fultonhistory.com.
- ↑ Marino, Vivian; Herring, Hubert B. (July 14, 2002). "PRIVATE SECTOR; Restarting a Debt Clock, Reluctantly". The New York Times. ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ Stevenson, Robert W. (July 13, 2002). "White House Says It Expects Deficit to Hit $165 Billion". The New York Times. ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ "National debt clock torn down, new clock on way". The Recorder. Greenfield, Massachusetts. สืบค้นเมื่อ April 14, 2004 – โดยทาง fultonhistory.com.
- ↑ Haberman, Clyde (March 24, 2006). "We Will Bury You, in Debt". The New York Times. ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ 17.0 17.1 Bonisteel, Sara (October 8, 2008). "National Debt Clock Adds a Digit to Accommodate Growing Deficit". Fox News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ "National Debt Clock runs out of digits". Times Online. London. October 9, 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-04. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ "US debt clock runs out of digits". BBC News. October 9, 2008.
- ↑ McShane, Larry (October 9, 2008). "National Debt Clock runs out of digits". NY Daily News (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ Boniello, Kathianne (October 5, 2008). "'1' Big Tick is due for Debt Clock". nypost.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 30, 2009. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ "U.S. debt too big for National Debt Clock (MSNBC video)". NBC Nightly News. NBC News. October 7, 2008. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ Marino, Vivian (September 11, 2009). "Square Feet | The 30-Minute Interview: Jonathan Durst". The New York Times. ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ Cuozzo, Steve (2017-06-06). "Sixth Avenue's National Debt Clock coming down — for now". New York Post (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2017-12-07.
- ↑ "Midtown's Iconic National Debt Clock Is Coming Down". NBC New York (ภาษาอังกฤษ). June 6, 2017. สืบค้นเมื่อ 2017-12-07.
- ↑ "Debt Clock Moves Next Door to Government". Deutsche Welle. June 18, 2004. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ Hesseldahl, Arik (May 3, 2006). "AMD Sticks It to Intel—Again". BusinessWeek. สืบค้นเมื่อ October 27, 2009.
- ↑ Haberman, Clyde (September 20, 2010). "An Alarm on Maternal Deaths, Global and Local". The New York Times. ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ 29.0 29.1 Southall, Ashley (August 27, 2012). "As Convention Opens, Debt Clock Ticks". The New York Times. ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.
- ↑ "Republican Convention to Highlight Debt Clock". Weekly Standard. August 27, 2012. สืบค้นเมื่อ February 3, 2017.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "Trump Death Clock: Times Square Billboard Tallies Lives Lost to COVID-19 Inaction". Democracy Now! (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-05-09.
- ↑ Jarecki, Eugene. "Perspective | Trump's covid-19 inaction killed Americans". Washington Post.
- ↑ Pilkington, Ed (2020-05-06). "Trump Death Clock seeks to bring 'accountability for reckless leadership'". The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0261-3077. สืบค้นเมื่อ 2020-05-09.
- ↑ Johnson, Ted; Johnson, Ted (2020-05-06). "Filmmaker Eugene Jarecki Creates A "Trump Death Clock," Targeting White House Over Pandemic Response". Deadline (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-05-09.
- ↑ ""Maxed Out" - A high-interest look at our collective debts". The Seattle Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). March 9, 2007. สืบค้นเมื่อ February 2, 2017.