สกุลศิลปะลุ่มแม่น้ำฮัดสัน
สกุลศิลปะลุ่มแม่น้ำฮัดสัน (อังกฤษ: Hudson River School[1]) เป็นขบวนการศิลปะที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริการากลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ที่ประกอบด้วยกลุ่มจิตรกรภูมิทัศน์ผู้มีแนวคิดที่มีอิทธิพลมาจากศิลปะจินตนิยม จิตรกรรมที่เป็นชื่อของกลุ่มจะเป็นภาพทิวทัศน์ต่างๆ ของลุ่มแม่น้ำฮัดสันและบริเวณใกล้เคียงรวมทั้งภูเขาแค็ทส์คิลล์, ภูเขาอาดิรอนดัค และ ภูเขาไวท์เมานเทน, นิวแฮมป์เชียร์ งานของศิลปินรุ่นต่อมาของกลุ่มนี้ขยายไปครอบคลุมสถานที่อื่นด้วย
บทนำ
[แก้]ไม่ว่าจะเป็นที่มาของคำว่า “ตระกูลการเขียนแบบลุ่มแม่น้ำฮัดสัน” หรือการตีพิมพ์ครั้งแรกต่างก็ไม่เป็นที่ทราบแน่นอน แต่เชื่อกันว่าเดิมมาจากนักวิพากษ์ศิลป์แคลเรนซ์ คุคแห่ง “New York Tribune” หรือโดยจิตรกรภูมิทัศน์โฮเมอร์ ดี. มาร์ติน[2] ตามความหมายเดิมเป็นคำที่เป็นเชิงดูแคลนเมื่อศิลปะลักษณะดังว่าหมดความนิยมลงไปเมื่อจิตรกรรม “กลางแจ้ง” ของตระกูลการเขียนแบบบาร์บิซองเข้ามาเป็นที่นิยมกันในบรรดาผู้อุปถัมภ์และผู้สะสมศิลปะอเมริกันแทนที่
จิตรกรรมของตระกูลการเขียนแบบลุ่มแม่น้ำฮัดสันสะท้อนให้เห็นหัวเรื่องสามเรื่องของอเมริกาในคริสต์ศตวรรษที่ 19: การค้นพบ, การสำรวจ และ การตั้งถิ่นฐาน นอกจากนั้นก็เป็นจิตรกรรมที่แสดงให้เห็นภูมิทัศน์อเมริกันที่มีลักษณะเป็นท้องทุ่ง (pastoral) ที่มนุษย์และสิ่งแวดล้อมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข
ภูมิทัศน์ของตระกูลการเขียนแบบลุ่มแม่น้ำฮัดสันจะมีลักษณะที่เป็นสัจจะ, เต็มไปด้วยรายละเอียด และบางครั้งก็เป็นเขียนภาพธรรมชาติเชิงอุดมคติ ที่มักจะผสมผสานกันระหว่างบริเวณที่มีการทำเกษตรกรรมและธรรมชาติที่ยังไม่ได้รับการบุกเบิกที่เริ่มจะหายไปอย่างรวดเร็วจากบริเวณลุ่มแม่น้ำฮัดสันแทบจะในช่วงเวลาเดียวกับที่มาเริ่มรู้ถึงคุณค่าของแบบเป็นป่าและความสวยงามโดยทั่วไป โดยทั่วไปแล้วจิตรกรของตระกูลการเขียนแบบลุ่มแม่น้ำฮัดสันมีความเชื่อว่าธรรมชาติในรูปของภูมิทัศน์อเมริกันเป็นสิ่งที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของพระเจ้า แม้ว่าจิตรกรแต่ละคนจะมีระดับความศรัทธาทางศาสนาอันแตกต่างกันไปก็ตาม จิตรกรกลุ่มนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากจิตรกรชั้นปรมาจารย์ของยุโรปเช่นโคลด ลอร์แรน, จอห์น คอนสตาเบิล และ เจ.เอ็ม.ดับเบิลยู. เทอร์นเนอร์ และมีความซาบซึ้งในความงามตามธรรมชาติของอเมริกาเช่นเดียวกับนักเขียนชาวอเมริกันร่วมสมัยเช่นเฮนรี เดวิด ทอโร หรือ ราล์ฟ วอลโด เอเมอร์สัน
ขณะที่องค์ประกอบของภาพดูเหมือนจริง แต่ภาพเขียนหลายภาพมาจากการผสานองค์ประกอบจากฉากหลายฉากเข้าด้วยกัน หรือ จากการสังเกตภูมิทัศน์ต่างๆ ของจิตรกร ในการรวบรวมข้อมูลทางจักษุจิตรกรก็ต้องทำการเดินทางไปยังบริเวณต่างๆ ที่บางครั้งก็ลำบากยากเข็ญที่เป็นสิ่งแวดล้อมที่ยากที่จะไปนั่งเขียนภาพจริงๆ ได้ ระหว่างการเดินทางไปสำรวจจิตรกรก็จะร่างภาพบันทึกหรือพยายามจดจำสิ่งที่ได้ไปเห็นมาเอาไว้เพื่อนำมาใช้ในการเขียนภาพต่อมาเมื่อกลับมาจากการเดินทาง
ทอมัส โคล
[แก้]โดยทั่วไปแล้วก็ถือกันว่าศิลปินทอมัส โคลเป็นผู้ริเริ่มตระกูลการเขียนแบบลุ่มแม่น้ำฮัดสัน โคลนำเรือไอน้ำล่องขึ้นแม่น้ำฮัดสันระหว่างฤดูใบไม้ร่วงของปี ค.ศ. 1825 ปีเดียวกับการเปิดคลองอีรีโดยแวะหยุดที่เวสต์พอยน์ทก่อน และต่อมาที่แค็ทสคิลล์ที่ไปแยกไปทางตะวันตกขึ้นสูงเข้าไปยังทางตะวันออกของเทือกเขาแค็ทสคิลล์ของรัฐนิวยอร์กเพื่อไปเขียนจิตรกรรมภูมิทัศน์แรกของบริเวณนั้น งานวิพากษ์งานเขียนของโคลปรากฏเป็นครั้งแรกใน “New York Evening Post” เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1825[3] ในขณะนั้นโคลผู้ซึ่งเป็นผู้เดียวที่เป็นชาวอังกฤษโดยกำเนิดได้แต่เคยเห็นสีของฤดูใบไม้ร่วงในอังกฤษที่ออกไปทางสีน้ำตาลและเหลืองพบสีสรรพ์อันบรรเจิดของฤดูใบไม้ร่วงของภูมิทัศน์ในสหรัฐอเมริกาเป็นสิ่งสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อนสนิทของโคลแอชเชอร์ ดูแรนด์ก็กลายเป็นจิตรกรคนสำคัญในตระกูลการเขียนนี้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อกิจการการแกะลวดลายสำหรับพิมพ์ธนบัตรล่มสลายไปกับภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ ค.ศ. 1837 (Panic of 1837)
จิตรกรรุ่นที่สอง
[แก้]“จิตรกรรุ่นที่สอง”ของตระกูลการเขียนแบบลุ่มแม่น้ำฮัดสันเริ่มขึ้นหลังจากการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของโคลในปี ค.ศ. 1848 สมาชิกในกลุ่มนี้ก็ได้แก่ลูกศิษย์ผู้มีฝีมือของโคลเฟรเดอริค เอ็ดวิน เชิร์ช, จอห์น เฟรเดอริค เคนเซทท์ และ แซนฟอร์ด โรบินสัน กิฟฟอร์ด งานของจิตรกรรุ่นที่สองมักจะได้รับการบรรยายว่าเป็นตัวอย่างของศิลปะเรืองแสงแบบอเมริกัน (Luminism) นอกจากการสร้างงานศิลปะแล้วจิตรกรในกลุ่มนี้รวมทั้งเชิร์ช, เคนเซทท์ และ กิฟฟอร์ด[4] ก็ยังเป็นผู้มีบทบาทในการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทันในนครนิวยอร์กเมื่อปี ค.ศ. 1869 ด้วย
งานที่ดีที่สุดของตระกูลการเขียนแบบลุ่มแม่น้ำฮัดสันเป็นงานที่เขียนระหว่างปี ค.ศ. 1855 ถึงปี ค.ศ. 1875 ในช่วงนั้นจิตรกรเช่นเฟรเดอริค เอ็ดวิน เชิร์ช และ แอลเบิร์ต เบียร์สตัดท์เป็นจิตรกรผู้มีชื่อเสียงเป็นที่นิยม เมื่อเชิร์ชแสดงภาพเขียนเช่นภาพ “ไนแอการา”[5] or Icebergs of the North [6] ประชาชนเป็นจำนวนพันก็ถึงกับยืนแถวรอบตึกรอเข้าชมและจ่ายค่าเข้าชมคนละห้าสิบเซ็นต์เพื่อที่จะเข้าชมงานเพียงชิ้นเดียว ขนาดงานอันมหึมาของภาพภูมิทัศน์ของภาพเขียนเหล่านี้ที่ไม่เคยทำกันในการเขียนภาพในสหรัฐอเมริกากันมาก่อนหน้านั้น เป็นเครื่องเตือนให้ชาวอเมริกันทราบถึงความกว้างใหญ่ไพศาล, ถึงดินแดนที่ยังไม่ถกถาง แต่มีความงดงามอย่างธรรมชาติของภูมิภาคต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา และงานเขียนของจิตรกรกลุ่มนี้ก็เป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างขบวนการขยายตัวไปตั้งถิ่นฐานทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา, การอนุรักษ์อุทยานแห่งชาติ และ การสร้างอุทยานเมือง
งานสะสมส่วนบุคคล
[แก้]งานสะสมที่ใหญ่ที่สุดของงานเขียนของตระกูลการเขียนแบบลุ่มแม่น้ำฮัดสันเป็นของพิพิธภัณฑ์แวดส์เวิร์ธ เอเธเนียม ที่ ฮาร์ทฟอร์ด, คอนเนตทิคัต และงานที่สำคัญที่สุดของพิพิธภัณฑ์คืองานเขียนภาพภูมิทัศน์ 13 ภาพโดยทอมัส โคล, 11 ภาพโดยเฟรเดอริค เอ็ดวิน เชิร์ช ทั้งสองคนเป็นเพื่อนของแดเนียล แวดส์เวิร์ธผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ งานสะสมอื่นที่สำคัญของตระกูลการเขียนแบบลุ่มแม่น้ำฮัดสันก็จะมีที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน และ ที่สมาคมประวัติศาสตร์แห่งนครนิวยอร์ก, the พิพิธภัณฑ์บรุคลิน, ศูนย์ศิลปะฟรานซ์ เลห์มัน เลิบของวิทยาลัยวาสซาร์ที่เพอคิพซี, นิวยอร์ก, ศูนย์ประวัติศาสตร์แห่งรัฐแห่งโอลานา (บ้านของเฟรเดอริค เอ็ดวิน เชิร์ช) ใกล้ฮัดสัน, นิวยอร์ก, หอศิลป์แห่งชาติ, วอชิงตัน ดี.ซี., สถาบันศิลปะดีทรอยต์ใน รัฐมิชิแกน, สถาบันประวัติศาสตร์และศิลปะอัลบานี, นิวยอร์ก, พิพิธภัณฑ์กิลครีสในทัสซา, โอคลาโฮมา, พิพิธภัณฑ์นิวอาร์ค ในนิวเจอร์ซีย์ และ พิพิธภัณฑ์ศิลปะอเมริกันเวสเตอร์เวลท์ที่ทัสคาลูซา, แอละแบมา
จิตรกรคนสำคัญของตระกูลการเขียนแบบลุ่มแม่น้ำฮัดสัน
[แก้]ระเบียงภาพ
[แก้]-
“น้ำตกไนแอการาฝั่งสหรัฐอเมริกา”
เฟรเดอริค เอ็ดวิน เชิร์ช -
“แม่น้ำฮัดสัน”
จอห์น เฟรเดอริค เคนเซทท์ -
“ภูเขาแมนส์ฟิลด์”
แซนฟอร์ด โรบินสัน กิฟฟอร์ด -
“ทะเลสาบทาโฮ”
ค.ศ. 1868
แอลเบิร์ต เบียร์สตัดท์ -
“หุบเขาโยเซมิตี”
ราว ค.ศ. 1888
ซามูเอล โคลมัน -
“ภูเขาไฮห์ทอร์น”
ค.ศ. 1850
แจสเปอร์ ฟราซิส คร็อพซีย์ -
“ใต้เรดวอลล์ที่แกรนด์แคนยอน”
ทอมัส โมรัน -
“น้ำตก”
วิลเลียม สแตนลีย์ เฮเซลไทน์ -
“พระอาทิตย์ตกฤดูใบไม้ร่วง”
วิลเลียม หลุยส์ ซอนน์ทาก
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "School", in this sense, refers to a group of painters whose outlook, inspiration and style demonstrate a common thread, rather than a learning institution.
- ↑ Howat, pages 3-4.
- ↑ "Thomas Cole". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-05-26. สืบค้นเมื่อ 2010-01-13.
- ↑ Magazine Antiques, Jan, 2000 by John K. Howat
- ↑ "Collection Highlights / The Corcoran Gallery of Art". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-03-05. สืบค้นเมื่อ 2010-01-13.
- ↑ [1][2] เก็บถาวร 2007-04-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ [3] เก็บถาวร 2009-03-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน,
- ↑ "Robert W". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-09-29. สืบค้นเมื่อ 2010-01-13.
- ↑ Archives of American Art - Weir family papers, 1823-1930[ลิงก์เสีย]
Howat, John K. American Paradise, The World of the Hudson River School. The Metropolitan Museum of Art, Harry N. Abrams, Inc., New York, 1987.
ดูเพิ่ม
[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ตระกูลการเขียนแบบลุ่มแม่น้ำฮัดสัน