ดิอะเมซิ่งเรซ 11
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
หน้านี้มีเนื้อหาเป็นภาษาต่างประเทศ คุณสามารถช่วยพัฒนาหน้านี้ได้ด้วยการแปล ยกเว้นหากเนื้อหาเกือบทั้งหมดไม่ใช่ภาษาไทย ให้แจ้งลบแทน |
ดิอะเมซิ่งเรซ 11 | |
ออกอากาศ | 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 – 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 |
---|---|
ระยะเวลาการถ่ายทำ | 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 – 17 ธันวาคม พ.ศ. 2549 |
จำนวนตอน | 12 |
ผู้ชนะ | อีริคกับแดนเนียล |
ทวีปที่ผ่าน | 6 |
ประเทศที่ผ่าน | 9 |
เมืองที่ผ่าน | 30 |
ระยะทางการแข่งขัน | 45,000 ไมล์ (72,419 กิโลเมตร) |
จำนวนเลก | 13 |
ซีซั่นก่อนหน้าและถัดไป | |
ก่อนหน้า | ดิ อะเมซิ่ง เรซ 10 |
ถัดไป | ดิ อะเมซิ่ง เรซ 12 |
ดิ อะเมซิง เรซ 11 (อังกฤษ: The Amazing Race 11) เป็นฤดูกาลที่ 11 ของรายการ ดิ อะเมซิ่ง เรซ ซึ่งเป็นเกมโชว์ประเภทเรียลลิตี้โชว์ระดับรางวัลเอ็มมี 8 สมัยซ้อนทางโทรทัศน์ รายการนี้จะมีผู้เข้าแข่งขันเป็นทีมๆ ละ 2 คนซึ่งรู้จักกันมาก่อนแล้ว ทำการแข่งขันโดยเดินทางรอบโลก โดยทีมที่ชนะจะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเกมส์โชว์ดังกล่าวเริ่มออกอากาศในสหรัฐอเมริกาทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส การแข่งขันโดยรวมสำหรับฤดูกาลนี้คือจะนำผู้ที่มีบทบาทเด่นๆ จากการแข่งขัน ดิ อะเมซิ่งเรซ 1 - 10 มาทำการแข่งขันอีกครั้งโดยเป็นฤดูกาลรวมดาราโดยใช้ชื่อว่า The Amazing Race : All-Stars
การผลิต
[แก้]การถ่ายทำและการออกอากาศ
[แก้]หลังจากที่ซีบีเอสได้ทำการฉายฤดูกาล ออลสตาร์ ของรายการเรียลลิตี้โชว์ต่างๆ มากมายในปี 2004 ได้สั่งทำให้มีรายการ ดิ อะเมซิ่ง เรซ ออลสตาร์ ขึ้นโดยมีผู้ช่วยที่ออกแบบภารกิจในการแข่งขันจากรายการเซอร์ไวเวอร์มาร่วมทำการผลิตในครั้งนี้ด้วย รวมถึงบางภารกิจในการแข่งขันจะเป็นการดึงภารกิจเก่าจากฤดูกาลก่อนกลับมาใช้ด้วยแต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย และในฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลแรกที่ทางเว็บไซต์ของซีบีเอสได้ทำ "สถานีคนคัดออก" คือการโพสต์วิดีโอขนาดสั้นลงบนเว็บไซต์เพื่อให้ผู้ชมได้ติดตามดูได้ว่าทีมที่ถูกคัดออกไปแล้วและถูงส่งมายังบ้านพักได้ทำอะไรกันบ้าง ความสัมพันธ์ของแต่ละทีมจะเป็นอย่างไรเมื่อถูกคัดออกไปแล้ว รวมถึงการเตรียมความพร้อมที่จะมาตอนรับเป็นสักขีพยานให้แก่ผู้ชนะอีกด้วย
การคัดเลือกผู้เข้าแข่งขัน
[แก้]ดิ อะเมซิ่ง เรซ 11 ไม่ได้มีการเปิดรับสมัครเพราะเป็นฤดูกาลรวมดารา จึงเป็นการนำทีมเก่าๆ จากฤดูกาลที่แล้วมาทำการแข่งขัน โดยทีแรกทีมงานได้เลือกเผื่อไว้ทั้งหมด 15 ทีแต่มีบางทีมที่ปฏิเสธไปบ้างจนได้จำนวนครบ 11 ทีมที่จะทำการแข่งขัน สำหรับทีมทั้ง 11 ทีมในฤดูกาลนี้ บางทีมมีความสัมพันธ์ในแบบทั้งดีขึ้นและแย่ลง เช่น จอห์น วีโต้กับจิล ที่แต่เดิมในฤดูกาลที่ 3 พวกเขาตัดสิ้นใจจะหมั้นกันแต่แล้วความสัมพันธ์กลับแย่ลงจนในขณะนี้ทั้งคู่ยังเป็นเพียงแค่คู่เดทกัน ส่วนร็อบกับแอมเบอร์ ที่แต่เดิมในฤดูกาลที่ 7 พวกเขาพึ่งหมั้นกันแต่ในฤดูกาลที่ 11 นี้ความสัมพันธ์ได้พัฒนาไปจนทั้งคู่พึ่งจะแต่งงานกันไปไม่นานก่อนที่จะเริ่มทำการถ่ายทำฤดูกาลนี้ รวมถึงบางทีมที่ยังคงมีความสัมพันธ์แบบเดิมจากฤดูกาลก่อน
การตลาด
[แก้]ฤดูกาลนี้ถูกโปรโมตหลังจากจบฤดูกาลที่ 10 ทันทีโดยในขณะนั้นอยู่ในช่วงที่รายการต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาได้ทยอยทำฤดูกาล ออลสตาร์ กันออกมา โดยในฤดูกาลนี้ก็ยังคงได้รับผลการตอบรับที่ดีเช่นเคยเหมือนฤดูกาลที่ผ่านๆ มา ซึ่งสาเหตุอาจมาจากที่มีคู่ของร็อบกับแอมเบอร์ที่กลับมาแข่งอีกครั้งโดยร็อบกับแอมเบอร์เป็นเพียงคู่เดียวในประวัติศาสตร์รายการโทรทัศน์ที่มีผู้ชมชื่นชอบเป็นจำนวนมากเพราะทั้งคู่ได้ออกรายการเซอร์ไวเวอร์และในรายการดิ อะเมซิ่ง เรซในฤดูกาลของตัวเองและฤดูกาล “ออลสตาร์” ทำให้สองคนนี้กลายเป็นคู่ขวัญของรายการเรียลลิตี้เกมส์โชว์
ผลการแข่งขัน
[แก้]ตารางแสดงชื่อ ความสัมพันธ์ของผู้แข่งขันในขณะถ่ายทำของแต่ละทีมพร้อมทั้งแสดงสถานะในการแข่งขัน ดังนี้ เรียงตามลำดับผู้เข้าเส้นชัยก่อน (ตารางนี้อาจไม่ได้แสดงข้อมูลที่ตรงกับข้อมูลที่ออกอากาศในโทรทัศน์เนื่องจากข้อมูลที่เพิ่มเข้ามาบางส่วน หรือข้อมูลที่ถูกนำออกไปบางส่วน)
ทีม | ฤดูกาลก่อน | ลำดับของ ฤดูกาลก่อน |
ความสัมพันธ์ | ตำแหน่งที่ (ในแต่ละช่วง) | ผู้แก้อุปสรรค | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 75 | 85 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | |||||
อีริคกับแดเนียล | ฤดูกาลที่ 9 | 2 / 8 | คู่เดท | 4 | 4 | 3 | 2 | 6 | 5 | 5 | 5+ | 3< | 4 | 3<4 | 2 | 1 | อีริค 6, แดเนียล 4 |
ดัสตินกับแคนดิช | ฤดูกาลที่ 10 | 4 | คู่นางงาม | 6 | 6 | 41 | 5 | 2 | 4 | 1 | 3^ | 1> | 2 | 1 | 1 | 2 | ดัสติน 5, แคนดิช 5 |
ชาร์ล่ากับเมียร์น่า | ฤดูกาลที่ 5 | 6 | คู่ลูกพี่ลูกน้อง | 8 | 8 | 8 | 7 | 1 | 1 | 4 | 4^ | 2 | 3 | 2 | 3 | 3 | ชาร์ล่า 6, เมียร์น่า 4 |
ออสโวด์กับแดนนี่ | ฤดูกาลที่ 2 | 4 | คู่เพื่อนสนิท | 2 | 2 | 5 | 1 | 4 | 2 | 2 | 1ƒ~ | 4 | 1ƒ | 4> | 4 | ออสโวด์ 4, แดนนี่ 4 | |
ยูเชนน่ากับจ้อยซ์ | ฤดูกาลที่ 7 | 1 | คู่แต่งงาน | 7 | 5 | 2 | 6 | 7 | 32 | 3 | 1ƒ~ | 5 | ยูเชนน่า 3, จ้อยซ์ 2 | ||||
โจกับบิล | ฤดูกาลที่ 1 | 3 | คู่หุ้นส่วนชีวิต | 5 | 3 | 7 | 4 | 5 | 6 | 6 | 6+3 | โจ 2, บิล 4 | |||||
แทรี่กับเอียน | ฤดูกาลที่ 3 | 2 | คู่แต่งงาน | 3 | 7 | 6 | 3 | 3 | 7 | แทรี่ 2, เอียน 3 | |||||||
ร็อบกับแอมเบอร์ | ฤดูกาลที่ 7 | 2 | คู่แต่งงานใหม่ | 1 | 1 | 1 | 8 | ร็อบ 1, แอมเบอร์ 2 | |||||||||
เดวิดกับแมรี่ | ฤดูกาลที่ 10 | 6 | คู่สามีภรรยา | 9 | 9 | 9 | เดวิด 1, แมรี่ 1 | ||||||||||
เควินกับดรู | ฤดูกาลที่ 1 | 4 | คู่เพื่อนรัก | 10 | 10 | เควิน 1, ดรู 0 | |||||||||||
จอห์น วิโต้กับจิล | ฤดูกาลที่ 3 | 5 | คู่เดท | 11 | จอห์น วิโต้ 0, จิล 0 |
หมายเหตุ 1: ดัสตินกับแคนดิช เดิมมาถึงเป็นลำดับที่ 4 แต่พวกเธอไม่ได้หยิบคำใบ้มา 1 อัน พวกเธอจึงต้องกลับไปหยิบคำใบ้นั้นมาก่อนที่จะเข้ามาจุดพักอีกครั้ง แต่การผิดพลาดครั้งนี้ไม่ได้มีผลต่อลำดับในด่านนั้นของพวกเธอ
หมายเหตุ 2: ยูเชนน่ากับจอยซ์มาถึงเป็นลำดับที่ 3 แต่โดนทำโทษเวลา 30 นาทีเนื่องจากไม่สามารถเข้าที่ 1 หลังจากเข้าในเลก 5 ที่ไม่มีการคัดออกเป็นคนสุดท้ายได้ แต่โทษปรับเวลานี้ไม่มีผลต่อลำดับของพวกเขา
หมายเหตุ 3: โจกับบิลเดิมมาถึงเป็นลำดับที่ 5 แต่โดนทำโทษเวลา 30 นาทีเนื่องจากไม่สามารถเข้าที่ 1 หลังจากเข้าในเลก 7 ที่ไม่มีการคัดออกเป็นคนสุดท้ายได้ อีริคกับแดนิลี่เข้ามาถึงหลังจากโทษปรับเวลาของโจกับบิลเริ่มขึ้นไม่นาน ทำให้โจกับบิลต้องออกจากการแข่งขัน
หมายเหตุ 4: อีริคกับแดนิลี่เดิมมาถึงเป็นลำดับที่ 2 แต่โดนทำโทษเวลา 30 นาทีเนื่องจากไม่สามารถเข้าที่ 1 หลังจากเข้าในเลก 10 ที่ไม่มีการคัดออกเป็นคนสุดท้ายได้ ชาร์ล่ากับเมียร์น่ามาถึงระหว่างที่อีริคกับแดนีลี่เหลือโทษปรับเวลาอยู่ประมาณ 14 นาที ทำให้พวกเขาตกลงมาจากอันดับที่ 3 แต่ออสโวด์กับแดนนี่มาถึงหลังจากโทษปรับเวลาอีริคกับแดนีลี่หมดแล้วและเข้าเช็คอินเป็นลำดับที่ 3 ส่งผลให้ออสโวด์กับแดนนี่มาถึงเป็นลำดับสุดท้ายและต้องออกจากการแข่งขัน
หมายเหตุ 5: เลก 7 และ 8 ถูกออกอากาศติดกันยาว 2 ชั่วโมง
- สีแดง หมายถึง ทีมนั้นๆ ถูกคัดออก
- สีเขียว ƒ หมายถึง ทีมนั้นๆ ทำ Fast Forward สำเร็จ ; เลขของเลกที่มีสีเขียวและ ƒ เป็นเลกที่มี Fast Forward แต่ไม่มีทีมไหนใช้
- สีน้ำเงินขีดเส้นใต้ หมายถึง ทีมนั้นๆ มาถึงจุดพักเป็นทีมสุดท้ายในเลกที่ไม่มีการคัดออก แต่จะต้องเข้าเป็นที่ 1 ในด่านถัดไปมิฉะนั้นจะถูกทำโทษเวลา 30 นาที
- เครื่องหมาย +,~,^,- ที่มีสีเหมือนกัน หมายถึง มีการจับคู่กันทำงานระหว่างทีมตลอดเวลาที่ใช้กฎ Intersection
- เครื่องหมาย > สีเหลือง หมายถึง ทีมนั้นๆ ใช้คำสั่งพักทีมอื่นแข่งขันชั่วคราว (Yield) ; < หมายถึง ทีมนั้นๆ ถูกพักการแข่งขันชั่วคราว ;<> หมายถึง เลกที่มีกฎการสั่งพักแต่ไม่มีทีมไหนใช้
เครื่องหมายต่างๆในการแข่งขัน
[แก้]เครื่องหมาย | คำอธิบาย |
---|---|
Route Marker เป็นสัญลักษณ์ธงสีแดงและสีเหลือง เป็นเครื่องหมายประจำสถานที่ที่ผู้เข้าแข่งขันสามารถค้นหาคำสั่งต่อๆ ไป | |
Route Infomation (ข้อมูลเส้นทาง) เป็นสัญลักษณ์ตัวบอกเส้นทางที่ไปยังจุดหมายถัดไป ทีมจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งที่ให้ไว้อย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นจะถูกทำโทษปรับเวลาขั้นต่ำในการลงโทษ 30 นาทีบวกกับเวลาที่ได้เปรียบจากการเดินทางที่ผิดไปจากคำสั่ง | |
Detour (ทางแยก) เป็นสัญลักษณ์ตัวเลือกระหว่างภารกิจที่แตกต่างกันสองประการที่ผู้เข้าแข่งขันต้องเลือกทำให้สำเร็จ ภารกิจทั้ง 2 อย่างนั้นมีข้อดีและข้อเสียในตัวมันเองฉะนั้นควรเลือกที่คิดว่าทั้งทีมถนัดเพื่อทำงานให้เสร็จโดยเร็ว จึงจะได้รับคำสั่งต่อๆ ไป ถ้าหากโดนคำสั่งย้อนกลับ ทีมจะต้องกลับมาทำ Detour อีกอันที่ไม่ได้เลือกทำแต่แรก และกลายเป็นว่าจะต้องทำทั้งสองอันนั่นเอง (ถ้าทำไม่สำเร็จจะถูกปรับ 24 ชั่วโมงแต่ในฤดูกาลที่ 17 เป็นต้นมาจะถูกปรับแค่ 6 ชั่วโมงเท่านั้น) | |
Roadblock (อุปสรรค) เป็นสัญลักษณ์ภารกิจที่อนุญาตให้สมาชิกเพียงคนเดียวในทีมสามารถทำได้เท่านั้นและเมื่อเลือกแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนคนทำได้ ผู้เข้าแข่งขันที่เลือกทำนั้นต้องทำงานอุปสรรคนั้นให้สำเร็จก่อน จึงจะได้รับคำสั่งต่อๆ ไป (หลังจากฤดูกาลที่ 5 ได้กำหนดตลอดระยะเวลาการแข่งขันให้ทำได้ไม่เกินคนละ 6-7 ครั้ง โดยมากแล้วจะแบ่งในสัดส่วนพอๆ กันและถ้าทำไม่สำเร็จจะถูกปรับ 4 ชั่วโมง) | |
Face-Off (ภารกิจตัวต่อตัว) เป็นสัญลักษณ์ที่ให้ทีมที่มาขึ้นจุดนี้ รออีกทีมหนึ่งมา และสองทีมจะต้องแข่งภารกิจ ตัวต่อตัว ทีมที่ชนะจะได้คำใบ้ถัดไป ส่วนทีมที่แพ้ต้องรอจนกว่าจะมีอีกทีมถัดมา และแข่งใหม่อีกครั้ง โดยทีมสุดท้ายที่แพ้จะต้องถูกโทษปรับเวลา การแข่งขันภารกิจแบบตัวต่อตัวนี้ จะทำให้ลำดับการแข่งขันเปลี่ยนแปลงได้อย่างมาก | |
Fast Forward (ทางด่วน) เป็นสัญลักษณ์ที่อนุญาตให้ทีมใดก็ตามที่เสร็จสิ้นภารกิจ 1 อย่างเป็นพิเศษ ตามคำสั่งของ Fast Forward เรียบร้อยแล้ว จะสามารถเดินทางต่อไปยัง Pit Stop หรือจุดหมายปลายทางสุดท้ายของด่านนั้นๆ ได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านด่านใดๆ อีกในระหว่างทาง สิทธิ์ในการใช้สัญลักษณ์นี้ จะให้เฉพาะกับทีมแรกที่สามารถหาและเสร็จสิ้นภารกิจ Fast Forward เท่านั้นและตลอดการแข่งขันทีมๆ นั้นจะใช้สิทธิ์นี้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ยกเว้นในกฏ Intersection จะสามารถทำ Fast Forward ร่วมกันกับอีกทีมที่จับคู่ได้ถึงแม้ว่าจะเป็น Fast Forward ครั้งที่ 2 ก็ตาม (การใช้ Fast Forward ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นได้น้อยมาก) อย่างไรก็ตาม การได้บัตรทางด่วนนี้ ยังคงไม่รับประกันว่าจะไม่ตกรอบ ถ้ายังคงมาถึงเป็นทีมสุดท้าย (มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมากๆ) | |
Express Pass (บัตรผ่านเร่งด่วน) เป็นสัญลักษณ์ให้กับทีมที่มีบัตรผ่านนี้สามารถข้ามงานใดๆ ก็ได้ที่ไม่ต้องการทำ 1 งาน ไม่ว่าจะเป็นงานรูปแบบใดก็ตามและผ่านไปเลยโดยไม่ต้องมีอะไรเป็นการแลกเปลี่ยน ต่างจาก Fast Forward ที่ข้ามทั้งเลกและต้องทำภารกิจตามที่กำหนด 1 อย่างก่อน (บัตรนี้จะถูกให้กับทีมที่เข้ามาเป็นที่ 1 ในเลกแรกของการแข่งขันซึ่งใช้ได้ถึงเลก 8 จาก 12) | |
Salvage Pass (บัตรกอบกู้) เป็นสัญลักษณ์ให้กับทีมที่มีบัตรผ่านนี้สามารถช่วยทีมที่มาถึงเป็นลำดับสุดท้ายไม่ให้ถูกคัดออกได้ หรือจะใช้เพื่อเป็นการช่วยตัวเองไม่ให้ถูกคัดออกด้วยก็ได้ ในกรณีที่ต้องเผชิญหน้ากับการถูกคัดออก (ในเวอร์ชั่นอเมริการจะใช้คำว่า The Save) | |
Yield (ถ่วงเวลา) เป็นสัญลักษณ์ที่อนุญาตให้ทีมที่เลือกใช้สัญลักษณ์นี้มีโอกาสสั่งอีกทีมหนึ่งที่มาที่หลังพวกเขาให้หยุดแข่งได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทีมที่เลือกใช้สัญลักษณ์นี้ สามารถใช้ในการออกคำสั่งกับอีกทีมหนึ่งได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นตลอดการแข่งขัน (ไม่นับรวมกับคำสั่ง ย้อนกลับ) | |
U-Turn (ย้อนกลัับ) เป็นสัญลักษณ์ที่อนุญาตให้ทีมที่เลือกใช้สัญลักษณ์นี้มีโอกาสสั่งอีกทีมหนึ่งที่มาที่หลังพวกเขาให้กลับไปทำงาน Detour อีกงานที่ไม่ได้เลือกทำ ทีมที่เลือกใช้สัญลักษณ์นี้ สามารถใช้ในการออกคำสั่งกับอีกทีมหนึ่งได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นตลอดการแข่งขัน (ไม่นับรวมกับคำสั่ง ถ่วงเวลา) | |
Intersection (จุดร่วมมือ) เป็นสัญลักษณ์ที่สั่งให้ทีมต้องจับคู่กับอีกทีมทำภารกิจทุกๆ อย่างร่วมกัน ถ้ามาถึงจุดที่มีคำสั่งแต่ยังไม่มีทีมร่วมงานก็จำเป็นต้องรอและเมื่อมีคำสั่งยกเลิก Intersection จึงจะทำการแข่งขันแบบปกติได้ | |
Speed Bump (งานเพิ่มเติม) เป็นสัญลักษณ์ที่สั่งให้ทีมที่ได้สัญลักษณ์นี้ต้องทำงานเพิ่มอีก 1 งานในเลกถัดไป เนื่องจากเป็นการลงโทษที่มาถึงเป็นทีมสุดท้ายแต่ไม่ถูกคัดออกในเลกที่แล้ว โดยจะเป็นงานพิเศษ ที่ไม่เหมื่อนกับงานทั่วไปที่แข่งในเลกนั้นๆ ทำให้ทีมที่ได้บทลงโทษนี้ ทำงานเพิ่มมากกว่าปกติอีก 1 งานในเลกนั้น คล้ายกับ Handicap ต่างกันตรงที่เป็นงานใหม่เพิ่มขึ้นมาต่างหาก | |
Handicap (เพิ่มจำนวนชิ้นงาน) เป็นสัญลักษณ์ที่สั่งให้ทีมที่ได้สัญลักษณ์นี้ต้องเพิ่มจำนวนชิ้นงานมากกว่าปกติ เนื่องจากเป็นการลงโทษที่มาถึงเป็นทีมสุดท้ายแต่ไม่ถูกคัดออกในเลกที่แล้ว เช่น ในงานธรรมดาทั่วไปปกติให้ทำ 50 ชิ้นแต่ทีมที่ได้สัญลักษณ์นี้ต้องทำ 75 ชิ้น เป็นต้น คล้ายกับ Speed Bump ต่างกันตรงที่เป็นงานปกติทั่วไปในเลกนั้นๆ เพียงแต่เพิ่มจำนวน | |
Pit Stop (จุดหยุดพัก) เป็นสัญลักษณ์จุดหมายปลายทางสุดท้ายของการแข่งขันในแต่ละด่านโดยทีมที่มาถึงเป็นทีมสุดท้าย อาจจะถูกคัดออก หรือบางครั้งจะมีการเตือนในคำใบ้สุดท้ายก่อนถึงจุดพักเลยว่า ทีมที่มาถึงเป็นทีมสุดท้าย จะถูกคัดออก |
ชื่อตอนในการแข่งขัน
[แก้]ชื่อตอนในการแข่งขันมักมาจากคำพูดสำคัญ ๆ ของผู้เข้าแข่งขันในเลกนั้น ๆ
- "I Told You Less Martinis And More Cardio" – ออสโวด์
- "Beauty Is Sometimes Skin Deep" – ชาร์ลา
- "I'm Sorry I'm Wearing A Bathing Suit; It Is Very Weird, I Know" – เมียร์น่า
- "No Babies On The Race!" – จดหมายจากเจอร์มี่กับเดนีที่ส่งให้เอริคกับแดเนียล อ่านโดยเอริค
- "You Need To Watch Your Jokes, Guy" – โจ
- "We're Going To Trade You For Food Now" – ออสโวด์
- "If I Were In Town, I'd Ask For Your Number" – ออสโวด์
- "If I Were In Town, I'd Ask For Your Number" – ออสโวด์
- "The Way You Look, Yeah" – สถานที่ในกัวลาลัมเปอร์ ถึง แคนดิช
- "We Are Trying To Make Love, Not War" – เมียร์น่า
- "Good Doing Business With You" – ดัสติน
- "Oh My God, The Teletubbies Go To War" – ออสโวด์
- "Low to the Ground, That's My Technique" – ชาร์ลา
รางวัล
[แก้]ในบางเลก ทางรายการจะมีรางวัลพิเศษให้กับทีมที่มาถึงจุดพักเป็นทีมแรก สำหรับรางวัลที่เป็นแพ็กเกจทัวร์ทั้งหมดสนับสนุนโดยแทรเวลโลซิตี้
- เลก 1 - แพ็คเกจทัวร์ 4 ฤดูกาลที่ บริชติส โคลัมเบีย ประเทศแคนนาดา
- เลก 2 - รถมอร์เตอร์ไซด์ ออฟ-โรด สำหรับสมาชิกในทีม
- เลก 3 - ชุดออกกำลังกายแบบฟิตเนสแบบโรงยิมในบ้าน
- เลก 4 - แพ็คเกจทัวร์โรยอล ฮาติน่า รีสอท ที่ฮาวาย
- เลก 5 - แพ็คเกจทัวร์ประเทศอารูบา
- เลก 6 – เรือจำลองขนาด 12 ฟุต สำหรับสมาชิกในทีม
- เลก 7 - แพ็คเกจทัวร์ประเทศโปโตริโก
- เลก 8 - แพ็คเกจทัวร์สู่เซนต์ลูเชีย
- เลก 9 - อุปกรณ์การเล่นกีฬา ซอคเกอร์ สำหรับสมาชิกในทีม
- เลก 10 - แพ็คเกจทัวร์ฮ่องกง ในช่วงเทศกาลตรุษจีน
- เลก 11 - เจตสกียามาฮ่า สำหรับสมาชิกในทีม
- เลก 12 - ยานพาหนะ สะเทินน้ำ สะเทินบก สำหรับสมาชิกในทีม
- เลก 13 - เงินรางวัล 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ
สถานี "คนคัดออก"
[แก้]หลังจากแต่ละทีมถูกคัดออกจากการแข่งขัน แต่ละทีมจะถูกส่งมาอยู่ที่บ้านพัก ณ ประเทศเม็กซิโก โดยไม่สามารถติดต่อกับผู้อื่นได้ เพื่อรอเป็นสักขีพยานให้กับผู้ชนะ ซีบีเอส ได้โพสต์วิดีโอขนาดสั้นบนเว็บไซต์หลังจากแต่ละตอนได้ออกอากาศตามเขตเวลามาตรฐานแปซิฟิกของสหรัฐอเมริกา เพื่อแสดงว่าแต่ละทีมทำอะไรบ้างที่บ้านพักนั้น
- หลังจากจบ เลก 1 ไปแล้ว จอห์น วิโต้กับจิล เป็นทีมแรกที่ถูกส่งมาที่บ้านพัก พวกเขาเดาว่าทีมต่อไปที่จะถูกคัดออกคงเป็น ชาร์ล่ากับเมียร์น่า หรือ เควินกับดรู
- หลังจากจบ เลก 2 ไปแล้ว เควินกับดรู เป็นทีมที่สองที่ถูกส่งมาที่บ้านพัก เควิน, ดรูจอห์น วิโต้ ชอบที่จะถกเถียงกันมากกว่าการที่จะอยู่เฉยๆ หลังจากนั้นพวกเขาเดาว่า ชาร์ล่ากับเมียร์น่า จะเป็นทีมถัดไปที่ถูกคัดออก
- หลังจากจบ เลก 3 ไปแล้ว เดวิดกับแมรี่ เป็นทีมที่สามที่ถูกส่งมายังบ้านพัก เดวิดครุ่นคิดและคิดถึงเด็กๆ ที่เขารับเลี้ยงไว้ที่อยู่ที่บ้านตั้งหลายคน หลังจากอาหารเช้า หลังจากนั้น จิล แสดงให้เห็นว่า เดวิดกับแมรี่ เป็นคู่แต่งงานคู่แรกที่ปลอดภัยและน่าคบหาด้วย หลังจากนั้น ดรู เดาว่า แทรี่กับเอียน จะเป็นทีมถัดไปที่ถูกคัดออก
- หลังจากจบ เลก 4 ไปแล้ว ร็อบกับแอมเบอร์ เป็นทีมที่สี่ที่ถูกส่งมายังบ้านพัก ร็อบกับแอมเบอร์ ถูกต้อนรับเป็นอย่างดี จอห์น วิโต้กับจิล พูดเสมอว่าทั้งสองคนเป็นทีมที่แข็งแกร่ง หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดเดาว่า อีริคกับแดเนียล จะเป็นเป็นทีมถัดไปที่ถูกคัดออก
- เลก 5 เป็นเลกที่ไม่มีการคัดออก ทั้งสี่ทีมกำลังรอคอยบางทีมอยู่ มีเพียงแค่เสียงของ จอห์น วีโต้กับเควิน เถียงกันว่านี่จะเป็นเลกที่ไม่มีการคัดออก พวกเขาฆ่าเวลาด้วยการอยู่บนชายหาดและกลับมาที่บ้านพัก, ร็อบ เชิญแมรี่ลงไปเล่นในสระว่ายน้ำ
- หลังจากจบ เลก 6 ไปแล้ว แทรี่กับเอียน เป็นทีมที่ห้าที่ถูกส่งมายังบ้านพัก ดรูมีสีหน้าผิดหวังต่อหน้ากล้องเมื่อเห็นพวกเขามาถึง ความไม่พอใจปรากฏขึ้นเมื่อเอียนบอกว่า ออสโวด์กับแดนนี่ เป็นคนไม่มีน้ำใจ บอกให้ถึงว่าเมื่อทำงานร่วมกับพวกเขาที่เคาเตอร์รับจองตั๋วเครื่องบิน พวกเขาให้เราขึ้นเครื่องบินสายการบินที่ต่างออกไปและก็ไม่ได้ยืนยัน เขาพูดอย่างเดียวกันเมื่อเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับ อีริคกับแดเนียล ที่ร่วมมือกับ ออสโวด์กับแดนนี่ อีกและพวกเขาหวังว่า ยูเชนน่ากับจ้อยซ์ หรือ ดัสตินกับแคนดิช จะชนะการแข่งขันนี้
- เลก 7 เป็นเลกที่ไม่มีการคัดออก จอห์น วิโต้กับจิล ครุ่นคิดถึงเลกที่ไม่มีการคัดออกนี้ เอียนพูดถึงว่าพวกเขาทุกคนในที่นี้ใช้จ่ายไปเท่าไหร่ เมื่ออยู่ที่สนามบินกันและวันนี้ แอมเบอร์ ดูเหมือนจะเป็นผู้ให้ความบันเทิงที่ดี ทำให้วันนี้ไม่น่าเบื่อมากนัก
- หลังจากจบ เลก 8 ไปแล้ว โจกับบิล เป็นทีมที่หกที่ถูกคัดออกแต่ไม่ได้ส่งมายังบ้านพัก ทีมที่ถูกคัดออกไปแล้วที่อยู่ที่บ้านได้รับโทรศัพท์จากพวกเขาว่า พวกเขานั้นได้ถูกคัดออกจากการแข่งขันแล้ว แมรี่ ถาม โจกับบิล ว่าคิดว่าทีมไหนควรจะชนะการแข่งขันนี้ บิล บอกว่าเขาอยากเห็น ยูเชนน่ากับจ้อยซ์ หรือ ชาร์ล่ากับเมียร์น่า ชนะการแข่งขันนี้ ในบทสนทนาของโทรศัพท์ในตอนเช้า สารภาพว่า เควินกับดรู บอกว่าตั้งแต่การแข่งขันของพวกเขาสิ้นสุดลง พวกเขาอยากเห็น โจกับบิล แข่งขันจนเสร็จถึงที่เส้นชัย
- หลังจากจบ เลก 9 ไปแล้ว ยูเชนน่ากับจ้อยซ์ เป็นทีมที่เจ็ดที่ถูกคัดออกแต่ไม่ได้ส่งมายังบ้านพัก พวกเขาโทรศัพท์มายังบ้านพักแล้วบอกว่าพวกเขานั้นถูกคัดออกจากการแข่งขันซึ่งมีผลมาจากการขึ้นเครื่องบินผิดทำให้ล้าหลังไปเป็นวัน ทีมที่อยู่ที่บ้านพักผิดหวังเมื่อ ยูเชนน่ากับจ้อยซ์ ถูกคัดออกและแอมเบอร์บอกทั้งคู่ว่า ไว้เจอกันที่ตรงเส้นชัย เมื่อวางโทรศัพท์แล้ว ดรูสงสัยว่า ดัสตินกับแคนดิช จะชนะการแข่งขันนี้ไปทำไมในเมื่อพวกเธอก็ชนะการประกวดเป็นราชินีนางงามอยู่แล้ว แอมเบอร์ตัดข้อสงสัยนี้ออกไปเมื่อเธอก็ชนะรายการเซอร์ไวเวอร์มาก่อนอย่างหนึ่งเหมือนกันและก็ก่อนที่เธอจะมาแข่งรายการนี้ในฤดูกาลที่ 7 ของเธอด้วย
- เลก 10 เป็นเลกที่ไม่มีการคัดออก ทีมที่อยู่ที่บ้านพักรออีกทีมหนึ่งอยู่ แต่ก็ผิดหวังเมื่อเลกนี้เป็นเลกที่ไม่มีการคัดออก แอมเบอร์ สอนให้ แมรี่ ว่ายน้ำเมื่อแมรี่บอกว่าเธอไม่ได้ว่ายน้ำมานานมากแล้ว
- เลก 11 เป็นเลกที่ไม่มีการคัดออก ทีมที่ถูกคัดออกไปแล้วกำลังรอโทรศัพท์จากทีมต่อไปอยู่ แต่ก็ผิดหวังอีกเมื่อผ่านไปกว่าครึ่งวันแล้วยังไม่มีโทรศัพท์มา จอห์น วิโต้ มีความคิดที่จะจัดปาร์ตี้ตลกขึ้นที่บ้านพัก โดยให้แต่ละคนแสดงบทบาทสมมุติเป็นอีกคนหนึ่งในการแข่งขันและทำท่าล้อเลียนกันต่างๆ นานา
- หลังจากจบ เลก 12 ไปแล้ว ออสโวด์กับแดนนี่ เป็นทีมที่แปดที่ถูกคัดออกและถูกส่งมายังเมืองสุดท้ายของการแข่งขัน ห้าทีมที่อยู่ที่บ้านพักเตรียมตัวที่จะเดินทางไปยังเมืองสุดท้ายของการแข่งขันเพื่อร่วมเชียร์กับทีมอื่นๆ เมื่อทีมที่แข่งอยู่เข้ามาถึงเส้นชัย ที่เมืองสุดท้ายนั้นทุกทีมที่ถูกคัดออกไปแล้วได้มาพบกันและหลายคนก็อยากให้ ชาร์ล่ากับเมียร์น่า ชนะการแข่งขันในครั้งนี้
- เลก 13 เป็นเลกสุดท้ายของ ดิ อะเมซิ่ง เรซ 11 ทีมที่ถูกคัดออกไปแล้วแบ่งปันความคิดเห็นร่วมกันว่าใครจะชนะและอันดับรอง โดยที่สามทีมสุดท้ายก็มีทั้งความยินดีและผิดหวังกับตำแหน่งที่ตนนั้นได้รับในการแข่งขันนี้
สถานที่ในการแข่งขัน
[แก้]เดินทางโดยเครื่องบิน; เดินทางโดยรถไฟ; เดินทางโดยเรือ; เดินทางโดยรถประจำทาง; ไม่มี = เดินทางโดยรถยนต์หรือเดิน |
ทางแยก อุปสรรค ทางด่วน จุดร่วมมือ ถ่วงเวลา จุดหยุดพัก |
เลก 1 (สหรัฐอเมริกา → เอกวาดอร์)
[แก้]- ไมแอมี, รัฐฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา (Charles Deering Historic Estate) (Starting Line)
- ไมแอมี (ท่าอากาศยานนานาชาติไมแอมี) ไป Quito, เอกวาดอร์ (ท่าอากาศยานนานาชาติ Mariscal Sucre)
- Quito (Plaza de San Francisco)
- Quito (Pim's Restaurant) (Overnight Rest)
- Quito (Cotopaxi National Park - Hacienda Yanahurco เก็บถาวร 2007-02-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน)
- Quito (Cotopaxi National Park - Mirador Cotopaxi)
In the first Detour of the race, teams had to chose between Wrangle It or Recover It. In Wrangle It, teams had to help local cowboys lasso, tie down, and groom one wild horse whose hooves grow so long that they prevent them from walking properly. Team members had to use traditional tools to clip its hooves to a safe length and to trim its mane and tail. In Recover It, one team member had to put on an historical military uniform. Then, the team must search the field for three items missing from the uniform: an epaulette, a button and a sword.
เลก 2 (เอกวาดอร์ → ชิลี)
[แก้]- Quito (สนามบินนานาชาติ Mariscal Sucre) to Santiago, Chile (สนามบินนานาชาติ Comodoro Arturo Merino Benítez)
- Santiago (Codelco Corporate Headquarters)
- Santiago (Comodoro Arturo Merino Benítez International Airport) to Calama (El Loa Airport)
- Calama (Chuquicamata)
- San Pedro de Atacama (Valle de la Muerte or Valley of the Dead)
The Roadblock for this leg was to enter the ground floor boardroom and search the boardroom for letters of the alphabet that were on display. Teams needed to figure out that the majority of the letters when unscrambled would spell out one of the ten destinations inscribed on the plaques hanging on the wall. When they think they solved the puzzle, they had to show their answer to the security guard who would hand them their next clue if they were correct. The Detour was By Hand or By Machine. In By Hand, teams had to choose a two-ton tire and, by properly aligning the bolts and washers, finish securing it to a dump truck. In By Machine, each team member had to take a turn driving a huge front loader to transfer enough gravel to cover a marked yellow line on a stick.
เลก 3 (ชิลี)
[แก้]- San Pedro de Atacama (Iglesia de San Pedro de Atacama)
- Calama (El Loa Airport) to Puerto Montt (El Tepual Airport)
- Puerto Montt (Centro Acuicultura y Ciencias del Mar, Universidad de Los Lagos, Bahía Metri)
- Petrohué (La Maquina)
- Petrohué (Playa Petrohué)
For the Roadblock on this leg of the race, one team member had to choose an 1800-gallon fish-breeding tank, jump in, and catch and transfer all 80 flounder from the breeding tank to a holding tank at the other end of the farm. Once finished, their clue would be revealed at the bottom of the tank. The Detour was a choice between Vertical Limit or River Wild. In Vertical Limit, teams had to walk 200 หลา (200 เมตร) to a cliff where both team members needed to complete a 40 ft. rock climb. Each team member would grab one half of their clue at the top of the climb. In River Wild, teams had to backtrack two miles (3 km) to the banks of Rio Petrohué where they would complete a two and a half mile white water rafting course through level 3 and 4 rapids.
เลก 4 (ชิลี → อาร์เจนติน่า)
[แก้]- Puerto Montt (El Tepual Airport) to Punta Arenas (Carlos Ibanez Del Campo International Airport)
- Punta Arenas (Lord Lonsdale's Shipwreck)
- Punta Arenas (Carlos Ibanez Del Campo International Airport) to Ushuaia, Argentina (Ushuaia International Airport)
- Ushuaia (Playa Larga)
- Ushuaia (Isla Redonda Post Office)
- Ushuaia (Mastil de General Belgrano, Isla Redonda)
Teams chose between Navigate It or Sign It for this leg's Detour. In Navigate It, teams had to use a map of Punta Arenas to get to the town plaza where a sailor would hand them a compass. Then, using the compass, the teams needed to walk directly south to find the Nautilus Building, a deep-sea salvage business. In Sign It, teams had to choose a pole and building supplies and carry them up a flight of stairs to Magellan's Map. Using the map as a reference, teams needed to figure out his journey around the world began and ended in Seville. Then, they had to build a traditional local signpost listing in order the fourteen ports of call in his voyage. While the signs didn't have to point in the right direction, all the cities had to be spelled correctly. The Roadblock on this leg was to sort through 1,600 pieces of mail and find one of two messages addressed to their team, written by one of the other teams from their season. The team member then had to read the message inside it to their partner, after which they received their next clue.
เลก 5 (อาร์เจนติน่า → โมแซมบิค)
[แก้]- Ushuaia (Martial Glacier)
- Ushuaia (Ushuaia International Airport) to Maputo, Mozambique (Maputo International Airport)
- Bilene (Apopo เก็บถาวร 2008-08-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Training Field)
- Maputo (Praça dos Trabalhadores)
- Maputo (Fortaleza de Maputo (โปรตุเกส))
For the Roadblock, one team member had to use a rat to find a race marker above a deactivated mine. Once their rat gave the signal that it found something, an Apopo Mine Technician would search the area. When the Race marker was found, the team would receive their next clue. This leg's Detour was Pamper or Porter. In Pamper, teams had to travel half a mile to the Maputo Central Market, choose a nail polish kit, and convince people to pay them to paint their nails, which in Maputo is a job usually performed by men. Teams needed to earn at least 30 meticals, which is about one U.S. dollar, to receive their next clue. In Porter, teams made their way two miles to Market de Janet where they would use their bare hands to fill 10 large 45-pound bags with coal and sew each of them shut. Then, teams had to carry one of the ten heavy bags to a specified address where the owner would hand them their next clue.
- Additional task
- At the Martial Glacier, Teams have to use an avalanche beacon to search the glacier for another beacon buried in the snow.
เลก 6 (โมแซมบิค → แทนซาเนียร์)
[แก้]- Maputo (Maputo International Airport) to Dar es Salaam, Tanzania (Julius Nyerere International Airport)
- Dar es Salaam (Ferry Terminal; teams had to travel by dhow to the island of Zanzibar )
- Zanzibar Town (Harbor)
- Kikungwi (Maasai Village)
- Zanzibar Town (Ngome Kongwe เก็บถาวร 2006-01-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน)
The Detour for this leg was Solve It or Schlep It. In Solve It, teams had to make their way one third of a mile to the Beyt al Chai hotel where they would put together a 62-piece puzzle that recreates an image from a style of local artwork known as Tinga Tinga. In Schlep It, teams made their way one mile to the Kijangwani Lumber Yard. Once there, they had to choose a local handcart and load two 50-pound logs into their cart. Once loaded, teams had to travel more than a mile to deliver the logs to a shipyard. This leg's Roadblock had one team member learn how to use a traditional wooden weapon called a rungu used by members of the Maasai people by throwing it 65 ฟุต (20 เมตร) to destroy clay targets in order to retrieve their next clue from inside.
เลก 7 (แทนซาเนียร์ → โปแลนด์)
[แก้]- Zanzibar (Zanzibar International Airport) to Warsaw, Poland (Warsaw Frederic Chopin Airport)
- Warsaw (Czapski Palace)
- Warsaw (Łazienki Park - Statue of King Jan III Sobieski) (Unaired)
- Warsaw (Łazienki Palace)
The Detour was Perfect Pitch or Perfect Angle. In Perfect Pitch, teams had to make their way three-quarters of a mile to the Prymas Palace and choose a grand piano. Then, they needed to use the provided tools to tune one key of the keyboard. Once the concert pianist played a piece of Chopin's music and determined that their piano was in tune, he would hand them their next clue. In Perfect Angle, teams made their way approximately half a mile to the Escada Boutique to pick up a mannequin and carry it another 400 หลา (400 เมตร) to the Panoramik Laboratory. Once there, teams had to use an x-ray machine to locate a clue embedded somewhere inside their mannequin which needed to be positioned at a very specific angle for the image to capture the name of their next destination and commemorate Marie Curie. The unaired Roadblock required teams to row a boat out onto the reflecting pool in front of the palace. The objective is unknown.
เลก 8 (โปแลนด์)
[แก้]- Brzezinka, (Auschwitz-Birkenau)
- Kraków, (Juliusz Słowacki Theatre) (Town Hall and St. Mary's Basilica)
- Skała, (Pieskowa Skała)
At the Intersection, teams had to join with one other team to complete tasks and make decisions together until further notice, including completing the Fast Forward. In this Fast Forward, teams had to climb a set of stairs up two different towers (the tower of St. Mary's Basilica and the tower of Town Hall) and count how many stairs there were. They then had to add up the result and tell it to a guard, if it is correct, the two teams would win the Fast Forward. The Detour for this leg of the race was Eat It Up or Roll It Out. In Eat It Up, the intersected teams would make their way one and a half miles to an old market. Once there, each team member had to use traditional methods to make one three-inch length of Polish Kielbasa sausage. After finishing, the teams would be served eight feet of cooked Kielbasa. Once each person ate two feet of sausage, the teams would receive their next clue. In Roll It Out, the intersected teams would make their way one and a half miles to the J. Mazurek bakery and properly roll out twenty bagels. When finished, they would make their way on foot one quarter of a mile to a nearby restaurant with a delivery of fresh bagels for the headwaiter. In the Roadblock, one team member had to don a full suit of authentic medieval armor and lead a horse half a mile through the forest to the castle gates. Once at the castle, they had to deliver the horse to the stable boy, enter the courtyard, and search for the Pit Stop.
Additional Tasks
- At the Auschwitz Concentration Camp, Teams lit a memorial candle on a railroad tracks, they reflect to honor those lives killed during the Holocaust.
เลก 9 (โปแลนด์ → มาเลเซีย)
[แก้]- Kraków (John Paul II International Airport Kraków-Balice) to Kuala Lumpur, Malaysia (Kuala Lumpur International Airport)
- Kuala Lumpur (Batu Caves)
- Kuala Lumpur (Kampung Baru - Kampung Baru Mosque)
- Kuala Lumpur (Taman Sri Hartamas Neighborhood - Newspaper Truck)
- Kuala Lumpur (Carcosa Seri Negara)
At the elevated walkway near the Kampung Baru mosque was the first of two Yields in the race. The Detour for this leg of the race was a choice between Artistic Expression or Cookie Confection. In Artistic Expression, teams needed to travel one third of a mile on foot to Dewan Lama. Once there, they had to use an ancient technique known as batik to exactly duplicate one of three patterns onto and then dye a 45-ตารางฟุต (4-ตารางเมตร) piece of cloth. In Cookie Confection, teams made their way on foot half a mile to Chow Kit Bomba and had to search through 600 boxes of traditional Malaysian festive cookies, by biting into them, and find the one cookie that had a black licorice center. The Roadblock on this leg of the race was a nod to Malaysia's eco-friendly practice of recycling. Team members had to choose a bicycle with a side cart attached and then scour the neighborhood Taman Sri Hartamas for residents willing to give them their used newspapers. Once they had collected enough newspapers to make a stack eight hands (approximately six ft) high, they would receive their next clue
เลก 10 (มาเลเซีย → ฮ่องกง)
[แก้]- Kuala Lumpur (Kuala Lumpur International Airport) to Hong Kong (Hong Kong International Airport)
- Kowloon (Tsim Sha Tsui - Sun Wah Kiu Laundry, Hankow Road) (Kai Tak Airport)
- Hong Kong Island (Kennedy Town - ex-Kennedy Town Police Quarter)
- Hong Kong Island (Causeway Bay - Victoria Park)
- Hong Kong Island (Hong Kong Jockey Club - Happy Valley Racecourse)
In the second of only two Fast Forwards on the race, teams had to travel five miles (8 km) to a film set located at the former Kai Tak Airport where a high-speed stunt was being filmed for an action movie. When they arrived, they had to get in a car with a professional stunt driver and complete a stunt course, involving sharp turns and the car flipping over, when both team memebers survive the stunt, they would win the Fast Forward. This leg's detour was Kung Fu Fighting or Lost in Translation. In Kung Fu Fighting, teams had to travel five miles (8 km) to Tonkin Street and find a nearby building (The location was the Former Cheung Sha Wan Police Quarters, but this information was not mentioned). Once there, they had to climb up an 11-story bamboo scaffold while avoiding an ongoing battle between stunt kung fu experts to reach the top and retrieve their next clue. In Lost in Translation, teams needed to make their way four miles to Kowloon City and find Nga Tsin Wai Road. Once there, they had to search among hundreds of similar-looking Chinese signs for the specific sign shown in a photo in their clue. When they matched the photo with the correct store sign, the owner would hand them their next clue. In the Roadblock for this leg, one teammate had to kick down doors, and search the rooms behind the doors for their clue.
- Additional task
- At the Victoria Park, Teams had to pull a model boat carrying a Travelocity gnome from one end of a pond to the other without having the gnome fall into the water.
เลก 11 (ฮ่องกง → มาเก๊า)
[แก้]- Hong Kong (Hong Kong-Macau Ferry Pier, Hong Kong) to Macau (Hong Kong-Macau Ferry Pier, Macau by TurboJET)
- Macau (Macau Tower)
- Macau (Jardim de Lou Lim Ioc)
- Taipa (Trilho da Taipa Pequena 2000 Park)
Right outside the elevator in the inner rim in Macau Tower was the second of two Yields in the race. In the Roadblock for this leg of the race, teams had to perform the world's tallest Skyjump, walking around the outer rim of the observation deck, and then take a tethered jump off of the tower. The Detour for this leg of the race was Noodle or Dragon. In Noodle, teams had to make two bundles of traditional Chinese noodles. In Dragon, teams had to carry a dragon head and drum and carry it ¾ of a mile to Nam Van Lake to find the one dragon boat the dragon's head matched. After the Detour, teams had to locate a marked Mini Moke and drive themselves to the Pit Stop.
เลก 12 (มาเก๊า → กวม)
[แก้]- Macau (Hong Kong-Macau Ferry Pier, Macau) to Hong Kong (Hong Kong-Macau Ferry Pier, Hong Kong by TurboJET)
- Hong Kong (Hong Kong International Airport) to Tamuning, Guam , USA (Antonio B. Won Pat International Airport)
- Yigo (Andersen Air Force Base)
- Santa Rita (Orote Peninsula - US Naval Base)
- Umatac (Fort Nuestra Señora de la Soledad)
In the Detour for this leg of the race, teams had to choose between Care Package or Engine Care. In Care Package, teams must fill a 500 pound package with various humanitarian aid items for a neighboring island. Once complete, the teams must then board onto a transport plane and participate in an air drop training exercise. Though easier, the mission would take at least half an hour. In Engine Care, teams had to clean an engine pod and associated flap section on the wing of a B-52 bomber until one of the base's sergeants feels the portion of the plane is clean enough. In the Roadblock, teams had to perform a search and rescue mission. Using a GPS receiver, team members had to find a pilot in the Guam forest, receive new GPS co-ordinates from him, locate the landing zone, and signal for a helicopter to pick them up and bring them back to the naval base.
เลก 13 (กวม → สหรัฐอเมริกา)
[แก้]- Tamuning, Guam (Antonio B. Won Pat International Airport) to Honolulu, Hawaii (Honolulu International Airport)
- Honolulu (Kamaka Air Hangar)
- Lanai (Kaumalapau Harbor) (Unaired)
- Lanai (Shipwreck Beach)
- Honolulu, Hawaii (Honolulu International Airport) to Oakland, California (Oakland International Airport)
- San Francisco (Grateful Dead House) (Unaired)
- San Francisco (San Francisco's Old Mint)
- San Francisco (San Francisco Botanical Garden) (Finish Line)
In the Detour for this leg of the race, teams had to choose between Under or Over. In Under, teams had to swim into a cave where their next clue would be anchored to the floor of the cave. In Over, teams had to use a paddle board to reach a buoy that had their next clue. Photos on the official CBS website suggest that the unaired Roadblock involved jumping off a cliff into the water below, as Mirna and Danielle were shown doing this task in the photos. Footage of Charla & Mirna approaching jeeps with the clue inside each jeep after their helicopter landed in Lanai suggest that the location of the Roadblock was most likely in Hawaii before the Detour, though the exact location is unknown.
- Additional tasks
- At the Kamaka Air Hangar, teams must sign in one of three helicopters that will take them to Lanai.
- At Shipwreck Beach, teams had to run down a mile of beach and then kayak to a buoy near a World War II ship relic to retrieve their next clue.
- At the San Francisco Mint, in the Race's final task, one team member answered four questions relating to their opinion of other teams on the race, with the answers corresponding to a four digit code that that team member entered to lock a safe containing their final clue. The other team member then had 10 minutes to guess his or her teammate's answers and enter the same code to unlock the safe. If they guessed correctly, the safe would open and allow their final clue to be retrieved. If the 10 minutes elapsed without a correct guess, a guard would hand them their final clue.