ฉบับร่าง:สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า
![]() | นี่คือบทความฉบับร่างซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถแก้ไขได้ โปรดตรวจสอบว่าเนื้อหามีลักษณะเป็นสารานุกรมและมีความโดดเด่นควรแก่การรู้จักก่อนที่จะเผยแพร่เป็นบทความลงในวิกิพีเดีย กรุณาอดทนรอผู้เขียนคนอื่นมาช่วยตรวจให้ อย่าย้ายหน้าไปเป็นบทความเองโดยพลการ ค้นหาข้อมูล: Google (books · news · newspapers · scholar · free images · WP refs) · FENS · JSTOR · NYT · TWL สำคัญ: ถ้าลบป้ายนี้ออกจะทำให้บันทึกหน้าไม่ได้ ผู้แก้ไขหน้านี้คนล่าสุด คือ JasperBot (พูดคุย | เรื่องที่เขียน) เมื่อ 2 เดือนก่อน (ล้างแคช) |
Trade Competition Commission of Thailand | |
![]() ตราสัญลักษณ์ของสำนักงาน | |
ภาพรวมหน่วยงาน | |
---|---|
ก่อตั้ง | 5 ตุลาคม พ.ศ. 2560 |
สำนักงานใหญ่ | อาคารจอดรถ 5 ชั้น (BC) ชั้น 5 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 120 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210 |
ฝ่ายบริหารหน่วยงาน |
|
เว็บไซต์ | www.tcct.or.th |
สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า อังกฤษ: Trade Competition Commission of Thailand หรือ สำนักงาน กขค. (TCCT) เป็นหน่วยงานของรัฐประเภทนิติบุคคล ทำหน้าที่เป็นฝ่ายธุรการของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.)
ประวัติ
[แก้]สำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 เป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นในกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายใน กรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเป็นเลขาธิการ
กฎหมายการแข่งขันทางการค้าในแต่ละประเทศมีความเป็นมาที่แตกต่างกัน หลายประเทศมีกฎหมายฉบับนี้เพราะถูกบังคับให้มีตัวอย่างในทวีปเอเซีย เช่น ญี่ปุ่นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาได้บังคับให้ญี่ปุ่นต้องมีกฎหมายที่เรียกว่า กฎหมายป้องกันการผูกขาด (Anti-Monopoly Act) โดยมุ่งหวังให้เปิดตลาดโดยปราศจากการครอบงำของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ โดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้าฉบับนี้พัฒนาจาก พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 ซึ่งมีการปรับปรุงแก้ไขมาเป็นลำดับสมัยก่อนการดูแลราคาสินค้าจะดูแลราคาที่ปลายทางคือราคาขายปลีก และขยับมาดูแลราคาขายส่ง ต่อมาระบบการค้าเปลี่ยนแปลง โดยโครงสร้างตลาดซึ่งมีทั้งตลาดผู้ขายน้อยราย (Oligopoly) กับตลาดผูกขาด (Monopoly) ผู้ค้าปลีกจะจำหน่ายสินค้าโดยพิจารณาตามราคาที่ต้นทางกำหนด ทำให้ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าในราคาแพงโดยตลอด การแก้ปัญหาราคาสินค้าจึงไม่ประสบผลสำเร็จทำให้มีการพัฒนาพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 มาเป็นพระราชบัญญัติการกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ.2522 เพื่อป้องกันมิให้ผู้ประกอบการสร้างอำนาจผูกขาด เช่น การจำกัดปริมาณสินค้า จนทำให้สินค้าขาดแคลนแล้วกำหนดราคาให้สูงขึ้น
ต่อมาในปี พ.ศ. 2534 สมัยนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี มีกระแสที่เกี่ยวข้องกับเรื่องกฎหมายการแข่งขันทางการค้าออกมาหลายเรื่อง เช่น ผู้ประกอบการจำหน่ายรถยนต์รายใหญ่บางราย กีดกันผู้ประกอบการรายอื่นไม่ให้มีการนำเข้ารถยนต์ยี่ห้อที่ตนเองจำหน่าย จึงเกิดปัญหาว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการใช้อำนาจผูกขาด ทำให้มีการเสวนาถกเถียงถึงเรื่องการแข่งขันเสรีมากขึ้น
โดยที่กฎหมายการแข่งขันทางการค้า เป็นกฎหมายเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจการค้าในประเทศอย่างมาก ทั้งในด้านของการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆเกิดขึ้นในตลาด รวมทั้งผู้บริโภคที่จะได้ประโยชน์จากการแข่งขัน สามารถเลือกซื้อสินค้าได้หลากหลาย มีคุณภาพ และราคาถูกลง เป็นต้น ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะให้ความสำคัญในการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้อย่างเข้มข้น ถึงกับมีการเทียบเคียงสถานะเปรียบเทียบดังเช่นธรรมนูญทางเศรษฐกิจ ที่ผู้ประกอบธุรกิจทุกรายไม่ว่าจะเป็นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก จะต้องปฏิบัติตามอย่างเท่าเทียมกัน โดยข้อเท็จจริงแล้วกฎหมายการแข่งขันทางการค้า มีพื้นฐานที่มาจากทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ ที่เชื่อว่าภายใต้ปรัชญาการค้าเสรีที่อาศัยกลไกตลาด การแข่งขันที่เสรีย่อมนำไปสู่การจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้ที่มีต้นทุนต่ำกว่าเท่านั้นจึงจะสามารถดำรงความเป็นผู้ชนะในการแข่งขันได้ สำหรับผู้แพ้ที่มีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าก็จำเป็นต้องออกจากตลาดไป ซึ่งเป็นปรัชญาความเชื่อในทางทฤษฎีแต่ในโลกแห่งความเป็นจริงอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นทั้งนี้เพราะในระบบตลาดสินค้าและบริการที่เป็นอยู่ในประเทศไทย โครงสร้างตลาดส่วนใหญ่จะเป็นตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด (Monopolistic Competition) และตลาดผู้ขายน้อยราย (Oligopoly) ซึ่งโดยโครงสร้างตลาดในลักษณะดังกล่าว มีส่วนทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดใหญ่มีความได้เปรียบและใช้อำนาจตลาดที่มีอยู่กลั่นแกล้งหรือจำกัดโอกาสในการดำเนินธุรกิจของคู่แข่งขันที่มีขนาดเล็กกว่าได้ง่าย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีกฎหมายเฉพาะที่มุ่งปกป้องตลาดให้มีการแข่งขันไม่ให้เกิดการผูกขาดและมีพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของกฎหมายที่เรียกกันว่า “ กฎหมายการแข่งขันทางการค้า” หรือบางประเทศใช้คำว่า “ กฎหมายป้องกันการผูกขาด”
กรมการค้าภายในขณะนั้น จึงได้มีคำสั่งมอบหมาย นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ผู้อำนวยการกองวิชาการ (ตำแหน่งในขณะนั้น) เป็นคณะทำงานและเลขานุการยกร่างกฎหมายการแข่งขันทางการค้าโดยได้เชิญคณาจารย์ ผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญด้านกฎหมายจากทั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาร่วมเป็นคณะทำงานร่างกฎหมายด้วย ซึ่งใช้เวลามากพอสมควร และร่างกฎหมายการแข่งขันทางการค้า ได้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีหลายครั้งจนผ่านความเห็นชอบและถูกเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติ แต่ได้มีการยุบสภาฯ ก่อน ทำให้ยังไม่ผ่านการพิจารณา และในปี 2540 สมัยพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ
ก็ถูกเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีก แต่สภาฯก็ถูกยุบอีก
ในที่สุดร่างกฎหมายฉบับนี้ก็มาเริ่มกระบวนการใหม่ในปี 2541 สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ โดยผ่านมติความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เข้าสู่คณะกรรมการกฤษฎีกา และเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาจนผ่านออกมาเป็น “พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 “ และประกาศบังคับใช้เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2542
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ในฐานสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าได้ดำเนินการเกี่ยวกับการปรับปรุงพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 ได้ศึกษาประเด็นปัญหา ข้อจำกัดในการบังคับใช้ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งภายหลังจากการศึกษาได้จัดทำประเด็นการแก้ไขปรับปรุง พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 และนำไปรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ และนักวิชาการเกี่ยวกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว ผลจากการรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนเห็นด้วยกับแนวทางการปรับปรุง โดยได้นำผลการรับฟังความคิดเห็นมาพิจารณายกร่างปรับปรุงพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. …. โดยมีหลักการปรับแก้ไขประกอบด้วย 1) ความครอบคลุม 2) ความเป็นอิสระของคณะกรรมการและหน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันทางการค้า 3) การเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้ และได้นำเสนอ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. …. ต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาด้วยเหตุผลความจำเป็น
• คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีนโยบายให้ปรับปรุงแก้ไข กฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542
ได้ถูกบรรจุในแผนการปฏิรูปกฎหมายตามนโยบายดังกล่าว ซึ่งกำหนดให้กระทรวงพาณิชย์ปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติฯ โดยคำนึงถึงความทันสมัย และเอื้อต่อศักยภาพในการแข่งขันกับต่างประเทศ ทั้งนี้ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
• คณะรัฐมนตรีมีมติให้ร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ….[1] เป็นร่างกฎหมายที่มีความสำคัญเร่งด่วน(เร่งด่วน 1) และคณะอนุกรรมการพิจารณาเร่งรัด ติดตามร่างกฎหมายในกระบวนการนิติบัญญัติ ขอให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วน
• มาตรา 35 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546[2] กำหนดให้ส่วนราชการสำรวจ ตรวจสอบ และทบทวนกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และประกาศ ที่อยู่ในความรับผิดชอบให้ทันสมัยและเหมาะสมกับสถานการณ์ ความจำเป็นทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยคำนึงถึงความสะดวก รวดเร็ว และลดภาระของประชาชนเป็นสำคัญ
• โดยที่พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน ทำให้บทบัญญัติในกฎหมายไม่สอดคล้องและครอบคลุมรูปแบบ โครงสร้าง และพฤติกรรมการประกอบธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และยังขาดเครื่องมือที่จำเป็นในการดูแลให้เกิดการแข่งขันทางการค้าอย่างเสรีและเป็นธรรม ตามแนวทางที่เป็นสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า และสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าขาดความเป็นอิสระ และถูกแทรกแซงการทำงาน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการการบังคับใช้กฎหมาย
ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบประกาศใช้บังคับพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560[3] เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2560 โดยให้ยกเลิกพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542
และให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าขึ้นเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการและไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ และให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล [4]มีคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า 7 คน และให้เลขาธิการเป็นเลขานุการคณะกรรมการ[5] การฟ้องคดีอาญาและการฟ้องคดีเรียกค่าเสียหาย ให้อยู่ในเขตอำนาจของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
สำนักงาน กขค. เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
1. รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการและอนุคณะกรรมการ
2. ติดตามพฤติกรรมของผู้ประกอบธุรกิจที่อาจก่อให้เกิดการฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้และรายงานต่อคณะกรรมการ
3. ศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ วิจิยเกี่ยวกับสินค้าการบริการ และพฤติกรรมในการประกอบธุรกิจ รวมทั้งเสนอแนะแนวทางและให้ความเห็นในการส่งเสริม พัฒนา และกำกับดูแลการประกอบธุรกิจ
4. จัดทำฐานข้อมูลขนาดตลาดสินค้าหรือบริการที่มีแนวโน้มจะก่อให้เกิดการผูกขาดตลาดตามที่คณะกรรมการกำหนด และเผยแพร่ต่อสาธารณชน
5. รับเรื่องร้องเรียนที่บุคคลใดอ้างว่าได้มีการฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ และดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานในเรื่องที่ร้องเรียนให้ได้ข้อเท็จจริงเพียงพอ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการพิจารณา ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด[6]
6. ถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง และมีทรัพยสิทธิใด ๆ
7. ก่อตั้งสิทธิหรือทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สิน
8. แลกเปลี่ยนข้อมูล ร่วมดำเนินการในการเจรจา ทำความตกลงและร่วมมือกับองค์กรหรือหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศในกิจการที่เกี่ยวกับการดำเนินงานของสำนักงาน
9. จัดให้มีหรือให้ความร่วมมือกับองค์กรอื่นในการศึกษาอบรมและพัฒนาความรู้เกี่ยวกับการแข่งขันทางการค้า
10. ประสานงานและให้ความร่วมมือกับส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้
11. รับค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎหมาย และค่าตอบแทน ค่าบริการ หรือรายได้จากการดำเนินงาน[7]
12. เผยแพร่ผลคำวินิจฉัยของคณะกรรมการต่อสาธารณชน[8][9]
13. จัดทำรายงานประจำปีแสดงผลงานและอุปสรรคในการดำเนินงานของคณะกรรมการและสำนักงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และเผยแพร่ต่อสาธารณชน
14. ปฏิบัติการตามประกาศ [10]ระเบียบ [11]มติคณะกรรมการ และปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการมอบหมาย
15. ปฏิบัติการอื่นใดที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน
สำนักงานมีเลขาธิการเป็นผู้รับผิดชอบการปฏิบัติงานของสำนักงานขึ้นตรงต่อประธานกรรมการ และเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน
ในกิจการของสำนักงานที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอกให้เลขาธิการเป็นผู้แทนสำนักงาน เพื่อการนี้เลขาธิการจะมอบอำนาจให้บุคคลใดปฏิบัติงานเฉพาะอย่างแทนก็ได้ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
ชื่อ | ตำแหน่ง |
---|---|
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิษณุ วงศ์สินศิริกุล | เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า[12] |
นายมนยศ วรรธนะภูติ | รองเลขาธิการฯ ภารกิจด้านส่งเสริม วิจัย และตรวจสอบด้านการแข่งขัน |
นายมนตรี กนกวารี | รองเลขาธิการฯ ภารกิจด้านกฎหมาย |
คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) มีอำนาจหน้าในการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจและกำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อให้มีการแข่งขันทางการค้าอย่างเสรีและเป็นธรรม โดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 กำหนดให้ กขค. มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
1. เสนอแนะต่อรัฐมนตรีในการออกกฎหมายกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้
2. ออกระเบียบหรือประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
3. กำกับดูแลการประกอบธุรกิจและกำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อให้มีการแข่งขันทางการค้าอย่างเสรีและเป็นธรรม
4. พิจารณาเรื่องร้องเรียนและสอบสวนการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
5. พิจารณาวินิจฉัยคำร้องขอตามมาตรา 59
6. วางระเบียบการสืบสวนและสอบสวนของคณะอนุกรรมการสอบสวน
7. ประกาศแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
8. ดำเนินคดีอาญาตามที่ผู้เสียหายร้องทุกข์ตามมาตรา 78
9. พิจารณากำหนดโทษปรับทางปกครองตามมาตรา 80 มาตรา 81 มาตรา 82 และมาตรา 83 รวมทั้งฟ้องคดีต่อศาลปกครอง
10. เชิญบุคคลหนึ่งบุคคลใดมาให้ข้อเท็จจริง คำอธิบาย คำแนะนำหรือความเห็น
11. เสนอความเห็นและเสนอแนะต่อรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายของรัฐด้านการแข่งขันทางการค้า
12. ให้คำแนะนำแก่หน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับกฎ ระเบียบ หรือคำสั่งที่เป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันทางการค้า ทำให้เกิดการกีดกัน จำกัดการแข่งขัน หรือลดการแข่งขันทางการค้าอันก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบธุรกิจ
13. กำหนดแผน กลยุทธ์ และแนวทางการบริหารงานของสำนักงาน
14. ออกระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับโครงสร้างองค์กร การบริหารงานบุคคล การงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน และการดำเนินงานอื่นของสำนักงาน
15. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ประกอบด้วย ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการหนึ่งคน และกรรมการอื่นอีกห้าคน ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากบุคคลที่ผ่านการคัดเลือกโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีให้เลขาธิการเป็นเลขานุการคณะกรรมการ
ชื่อ | ตำแหน่ง |
---|---|
นายไมตรี สุเทพากุล | ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า |
นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ | รองประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า |
นายสมชาติ สร้อยทอง | กรรมการการแข่งขันทางการค้า |
ดร.ปัทมา เธียรวิศิษฎ์สกุล | กรรมการการแข่งขันทางการค้า |
ดร.รักษเกชา แฉ่ฉาย | กรรมการการแข่งขันทางการค้า |
พ.ต.อ. ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล | กรรมการการแข่งขันทางการค้า |
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ | กรรมการการแข่งขันทางการค้า |
1. ฝ่ายตรวจสอบภายใน
2. สายงานบริหารองค์กร
· ฝ่ายเลขานุการสำนักงาน
· ฝ่ายการประชุมคณะกรรมการ
· ฝ่ายการคลัง
· ฝ่ายบริหารทรัพย์สินและพัสดุ
· ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและองค์กร
3. สายงานยุทธศาสตร์องค์กร
· ฝ่ายพัฒนาระบบงานด้านการแข่งขันทางการค้า
· ฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร
· ฝ่ายสื่อสารองค์กร
· ฝ่ายกิจการต่างประเทศ
4. สายงานส่งเสริมสภาพแวดล้อมการแข่งขัน
· ฝ่ายเผยแพร่ความรู้และส่งเสริมการมีส่วนร่วม
· ฝ่ายนโยบายและความสัมพันธ์ภาครัฐ
5. สายงานวิจัยระบบเศรษฐกิจและโครงสร้างตลาด
· ฝ่ายโครงสร้างและระบบธุรกิจสินค้าบริโภค
· ฝ่ายโครงสร้างและระบบธุรกิจสินค้าอุปโภค
· ฝ่ายกำกับดูแลการรวมธุรกิจ
· ฝ่ายโครงสร้างและระบบธุรกิจบริการ
6.สายงานตรวจสอบปฏิบัติการ
· ฝ่ายแสวงหาข้อเท็จจริงทั่วไป
· ฝ่ายพัฒนาและประเมินงานสืบสวนสอบสวน
· ฝ่ายแสวงหาข้อเท็จจริงทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
7. สายงานกฎหมาย
· ฝ่ายมาตรการและนิติกรรมสัญญา
· ฝ่ายบริหารงานคดี
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ....
- ↑ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546
- ↑ พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560
- ↑ การจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร
- ↑ นโยบายการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าของไทย
- ↑ การร้องเรียนและการแสวงหาข้อเท็จจริงและการดำเนินคดี
- ↑ ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ว่าด้วยเงินค่าปรับ พ.ศ. 2567
- ↑ ผลคำวินิจฉัยเรื่องพฤติกรรมการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม
- ↑ ผลคำวินิจฉัยเรื่องการรวมธุรกิจ
- ↑ ประกาศ
- ↑ ระเบียบ / ข้อบังคับ
- ↑ ข้อบังคับคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ว่าด้วยเลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2562
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- https://www.tcct.or.th
- https://www.facebook.com/TCCT.OR.TH
- https://www.instagram.com/tcct.thailand/
- https://twitter.com/tcct_thailand
- https://www.youtube.com/@tcct.thailand
- การขออนุญาต / การแจ้งผลการรวมธุรกิจ
- การขอคำวินิจฉัยล่วงหน้า
- ช่องทางร้องเรียนพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรม
- TCCT e-learning
- พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒
- เคลียร์ให้ชัด...กฎหมาย 3 ฉบับ | วิษณุ วงศ์สินศิริกุล
- ความแตกต่างระหว่างพระราชบัญญัติ การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 และ พ.ศ. 2560