คะน้าเม็กซิโก
คะน้าเม็กซิโก | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Angiosperms |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Eudicots |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Rosids |
อันดับ: | Malpighiales |
วงศ์: | Euphorbiaceae |
สกุล: | Cnidoscolus |
สปีชีส์: | C. aconitifolius |
ชื่อทวินาม | |
Cnidoscolus aconitifolius (Mill.) I.M.Johnst. | |
Subspecies | |
C. aconitifolius subsp. aconitifolius[1][2] | |
ชื่อพ้อง | |
Cnidoscolus chayamansa McVaugh[3] |
คะน้าเม็กซิโก, ผักโขมต้น, ชายา (สเปน: chaya) หรือที่ในคอสตาริกาเรียกว่า ชิสกัสกิล (chiscasquil)[5] เป็นไม้พุ่มหลายปีชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์เดียวกับยางพาราและสบู่ดำ เชื่อว่ามีถิ่นกำเนิดในคาบสมุทรยูกาตันของเม็กซิโก[3] มีลำต้นอวบน้ำซึ่งจะคายน้ำยางขาวออกมาเมื่อถูกตัด ทรงพุ่มมีขนาดใหญ่ โตเร็ว สามารถสูงได้ถึง 6 เมตร แต่มักถูกลิดกิ่งก้านออกให้สูงประมาณ 2 เมตรเพื่อให้เด็ดใบมาใช้ประโยชน์ง่ายขึ้น ใบกว้าง มีแฉกตั้งแต่ 3 แฉกขึ้นไป คะน้าเม็กซิโกเป็นผักกินใบยอดนิยมชนิดหนึ่งในตำรับอาหารเม็กซิโก กัวเตมาลา และอเมริกากลาง (บริเวณที่ได้รับอิทธิพลจากตำรับอาหารมายา)
คะน้าเม็กซิโกเป็นแหล่งที่ดีของโปรตีน, วิตามิน, แคลเซียม, โพแทสเซียม และเหล็ก และยังเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ของสารต้านอนุมูลอิสระ[6] ที่จริงแล้ว ใบคะน้าเม็กซิโกยังมีระดับสารอาหารสูงกว่าผักใบเขียวชนิดใด ๆ ที่ปลูกบนดินถึง 2–3 เท่าอีกด้วย[7][8] อย่างไรก็ตาม ใบคะน้าเม็กซิโกดิบนั้นมีพิษเนื่องจากมีสารกลูโคไซด์ซึ่งจะปลดปล่อยสารพิษจำพวกไซยาไนด์ออกมา จึงจำเป็นต้องทำให้สุกก่อนรับประทาน โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการทำให้สุกเพื่อลดฤทธิ์ของสารที่เป็นพิษให้อยู่ในระดับปลอดภัย[3] การต้มในภาชนะอะลูมิเนียมอาจทำให้น้ำต้มเป็นพิษและก่อให้เกิดอาการท้องร่วงได้[8]
คะน้าเม็กซิโกสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลายอย่าง วิธีปรุงดั้งเดิมอย่างหนึ่งในเม็กซิโกและอเมริกากลางจะนำใบไปแช่น้ำแล้วต้มไฟอ่อนประมาณ 20 นาที จากนั้นเสิร์ฟกับน้ำมันหรือเนย นอกจากนี้ยังมีการนำใบที่หั่นและทำให้สุกแล้วไปคลุกข้าวรับประทานกับอาหารรสจัด, นวดผสมกับมันฝรั่งบดแล้วทอด, นวดผสมกับแป้งข้าวโพดแล้วจี่เป็นตอร์ตียาหรือนึ่งเป็นตามัล, ผสมกับมะเขือเทศ หัวหอม ผักชี และพริกหั่นลูกเต๋าทำเป็นเครื่องจิ้ม หรือนำใบอ่อนและยอดอ่อนที่หนานุ่มไปต้มแล้วปรุงรับประทานอย่างผักโขม เป็นต้น
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 "EOL Search: Cnidoscolus aconitifolius". Encyclopedia of Life. 4 June 2010. สืบค้นเมื่อ 28 June 2010.
- ↑ 2.0 2.1 "Search Results for: Cnidoscolus aconitifolius". Global Biodiversity Information Facility. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-09-22. สืบค้นเมื่อ 28 June 2010.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 G.J.H. Grubben; O.A. Denton, บ.ก. (2004). Plant Resources of Tropical Africa. PROTA Foundation. 2 (Vegetables): 200–201. ISBN 978-90-5782-147-9.
- ↑ "Taxon: Cnidoscolus aconitifolius (Mill.) I. M. Johnst". Germplasm Resources Information Network. United States Department of Agriculture. 1997-05-22. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 October 2012. สืบค้นเมื่อ 2011-05-31.
- ↑ Ross, Marjorie (2001). Entre el comal y la olla: fundamentos de gastronomía costarricense (ภาษาสเปน). San José, Costa Rica: UNED. p. 104. ISBN 9789968311281.
- ↑ Kuti, J. O.; Konuru, H. B. (2004). "Antioxidant Capacity and Phenolic Content in Leaf Extracts of Tree Spinach (Cnidoscolus spp.)". Journal of Agricultural and Food Chemistry. 52 (1): 117–21. doi:10.1021/jf030246y. PMID 14709023.
- ↑ Kuti, Joseph O.; Torres, Eliseo S. (1996). J. Janick (บ.ก.). "Potential nutritional and health benefits of tree spinach". Progress in New Crops: 516–520.
- ↑ 8.0 8.1 "Chaya, the Maya miracle plant". Mexconnect. October 2009. สืบค้นเมื่อ 2011-05-31.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Cnidoscolus aconitifolius
- Chaya - NUS Community, Bioversity International