ข้าวปาด
ข้าวปาด หรือบางพื้นที่เรียกว่า ขนมปาด เป็นขนมไทยโบราณที่มีต้นกำเนิดจากจังหวัดนครราชสีมา หรือโคราช ลักษณะของขนมข้าวปาดคล้ายคลึงกับขนมเปียกปูน แต่มีเนื้อสัมผัสที่เหนียวและหนึบกว่า ขนมนี้มีสีเขียวจากใบเตยที่ใช้แต่งกลิ่นและสี โดยทั่วไปมีส่วนประกอบหลักเพียงสามอย่าง คือ แป้งข้าวเจ้า กะทิ และน้ำตาลปี๊บ ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น ขนมข้าวปาดถือเป็นขนมโบราณที่หาได้ยากในปัจจุบัน เนื่องจากขั้นตอนการทำที่ละเอียดและใช้เวลา[1][2]
ประวัติความเป็นมาประวัติ
[แก้]ขนมข้าวปาดมีความเป็นมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย และยังคงมีการทำสืบต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยเป็นหนึ่งในขนมพื้นบ้านที่คนในท้องถิ่นนิยมทำเพื่อรับประทานและใช้ในงานบุญต่าง ๆ ขนมนี้แตกต่างจากขนมตระกูล "ทอง" ที่ได้รับอิทธิพลจากชาวโปรตุเกส เนื่องจากไม่ใช้ไข่เป็นส่วนประกอบหลัก
คำว่า "ข้าวปาด" มาจากกระบวนการทำขนม โดยหลังจากที่กวนแป้งจนสุกและเหลวพอที่จะตักได้ จะใช้วิธีการ "ปาด" ขนมจากหม้อหรือกระทะลงบนถาดหรือภาชนะ ซึ่งคำว่า "ปาด" หมายถึงการตักหรือขูดของเหลวให้เป็นแผ่นบาง ๆ และเป็นที่มาของชื่อขนมชนิดนี้[2]
ส่วนประกอบและขั้นตอนการทำ
[แก้]ขนมข้าวปาดมีส่วนประกอบหลักที่เรียบง่าย ได้แก่ แป้งข้าวเจ้า กะทิ น้ำตาลปี๊บ น้ำใบเตย (สำหรับแต่งสีและกลิ่น)
กระบวนการทำเริ่มจากการผสมแป้งข้าวเจ้ากับน้ำปูนใสแล้วนวดจนเนียน จากนั้นใส่กะทิและน้ำตาลปี๊บลงไปผสม แล้วนำไปกวนในกระทะจนแป้งสุกและเนื้อขนมข้นเหนียว จากนั้นตักหรือ "ปาด" ขนมลงบนถาดเพื่อให้เย็นและเซ็ตตัว[1]
ขนมข้าวปาดในปัจจุบัน
[แก้]ในปัจจุบัน ขนมข้าวปาดเป็นขนมที่หารับประทานได้ยาก เนื่องจากขั้นตอนการทำที่ยุ่งยากและใช้เวลา ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยนิยมทำขนมชนิดนี้เอง อย่างไรก็ตาม ยังมีการทำขนมข้าวปาดในบางพื้นที่ที่อนุรักษ์ขนมไทยโบราณ เช่น ตลาดย้อนยุค หรืองานประเพณีต่าง ๆ
ถึงแม้ขนมข้าวปาดจะไม่เป็นที่แพร่หลายเหมือนในอดีต แต่ก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของขนมไทยพื้นบ้านที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาชาวบ้านและวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวโคราชและคนอีสาน[3]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 "ขนมพื้นบ้านโบราณ ข้าวปาดงานบุญ". ทางอีศาน.
- ↑ 2.0 2.1 "ข้าวปาด อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์". ศูนย์ข้อมูลการทางวัฒนธรรม.
- ↑ "ข้าวปาด เปียกปูน – สารสนเทศท้องถิ่นอีสาน". 2017-10-31.