กูมาร์คัฆ
ซากปรักหักพังของกูมาร์คัฆ มีสนามบอลอยู่ทางซ้ายและวิหารเทพโทฆิลอยู่ทางขวา[1] | |
ชื่ออื่น | อูตาตลัน |
---|---|
ที่ตั้ง | ซานตากรุซเดลกิเช จังหวัดกิเช กัวเตมาลา |
พิกัด | 15°1′24.7″N 91°10′19.16″W / 15.023528°N 91.1719889°W |
ประเภท | นิคม |
ความเป็นมา | |
สร้าง | ค.ศ. 1400 |
ละทิ้ง | ค.ศ. 1524 |
สมัย | สมัยหลังคลาสสิกตอนปลาย |
วัฒนธรรม | มายา |
หมายเหตุเกี่ยวกับสถานที่ | |
สภาพ | ซากปรักหักพัง |
กูมาร์คัฆ (กีเชะ: Qʼumarkaj) หรือ กูมาร์กาฮ์ (สเปน: Qʼumarkaj, Gumarcaj, Cumarcaj) เป็นเมืองโบราณทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดกิเช ประเทศกัวเตมาลา ชื่อเมืองนี้มีที่มาจากวลีในภาษากีเชะว่า กูมาร์คาฮ์ (Qʼumarkah) ซึ่งแปลว่า "สถานที่ที่สร้างจากต้นกกแก่"[2] กูมาร์คัฆยังเป็นที่รู้จักกันในนาม อูตาตลัน (Utatlán) ซึ่งเป็นคำแปลชื่อเมืองนี้ในภาษานาวัตล์
กูมาร์คัฆเป็นหนึ่งในเมืองที่มีอำนาจมากที่สุดของอารยธรรมมายาเมื่อชาวสเปนเข้ามาถึงภูมิภาคนี้ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16[3] เมืองนี้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรมายากีเชะในสมัยหลังคลาสสิกตอนปลาย[4] ในช่วงที่สเปนเข้าพิชิตดินแดน กูมาร์คัฆเป็นเมืองหลวงที่ค่อนข้างใหม่ โดยเมืองหลวงของอาณาจักรกีเชะเดิมตั้งอยู่ที่ฆาคาวิทส์ (ได้รับการระบุว่าตรงกับแหล่งโบราณคดีชิตินามิตในปัจจุบัน) และพิสมาชิ[5] กูมาร์คัฆได้รับการก่อตั้งขึ้นทางทิศเหนือของพิสมาชิในรัชสมัยของกษัตริย์กูกูมัทส์ (หมายถึง "งูขนนก" ในภาษากีเชะ) ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15[6] ใน ค.ศ. 1470 กูมาร์คัฆอ่อนแอลงอย่างมากจากการกบฏในหมู่ขุนนางซึ่งส่งผลให้ชาวกีเชะสูญเสียพันธมิตรที่สำคัญไป
ในทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ กูมาร์คัฆเป็นเมืองหลวงที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดของอารยธรรมมายาที่สูงในสมัยหลังคลาสสิก[7] การกล่าวถึงเมืองนี้ครั้งแรกเป็นภาษาสเปนปรากฏในจดหมายที่เอร์นัน กอร์เตส ส่งไปจากเม็กซิโก แม้ว่าแหล่งโบราณคดีนี้จะได้รับการสำรวจแล้ว แต่งานบูรณะก็ดำเนินไปได้เพียงเล็กน้อย สถาปัตยกรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ซึ่งรวมถึงสนามเล่นบอลแบบมีโซอเมริกา วิหาร และวังได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการถูกขโมยหินไปสร้างเมืองซานตากรุซเดลกิเชที่อยู่ใกล้เคียง
โครงสร้างหลักของกูมาร์คัฆได้รับการจัดวางรอบจัตุรัสแห่งหนึ่ง ได้แก่ วิหารเทพโทฆิลซึ่งเป็นเทพเจ้าจากัวร์และองค์อุปถัมภ์เมือง วิหารเทพีอาวีลิชซึ่งเป็นเทพีองค์อุปถัมภ์สายสกุลหนึ่ง วิหารเทพฆาคาวิทส์ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งขุนเขาและองค์อุปถัมภ์สายสกุลหนึ่ง และวิหารเทพกูกูมัทส์ซึ่งเป็นเทพเจ้างูขนนกและองค์อุปถัมภ์ราชวงศ์ สนามเล่นบอลแบบมีโซอเมริกาตั้งอยู่ระหว่างวังของสกุลขุนนางสำคัญสองสกุล มีวังหรือ นิมฆา กระจายอยู่ทั่วเมือง
พื้นที่กูมาร์คัฆและปริมณฑลแบ่งออกเป็นส่วนทางการเมืองสี่ส่วน โดยแต่ละส่วนเป็นของสายสกุลผู้ปกครองที่สำคัญที่สุดแต่ละสาย นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงเมืองบริวารขนาดเล็กจำนวนหนึ่งซึ่งรวมถึงจีซาลิน, พิสมาชิ, อาทาลายา และพาคามัน[8] พื้นที่ใจกลางของแหล่งโบราณคดีนี้เปิดให้ผู้คนเข้าชมและมีโครงสร้างพื้นฐานบางอย่าง เช่น พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก[9]
อ้างอิง
[แก้]บรรณานุกรม
[แก้]- Carmack, Robert M. (2001a). Kikʼulmatajem le Kʼicheʼaabʼ: Evolución del Reino Kʼicheʼ (ภาษาสเปน). Guatemala: Iximulew. ISBN 99922-56-22-2. OCLC 253481949.
- Carmack, Robert M.; John M. Weeks (April 1981). "The Archaeology and Ethnohistory of Utatlan: A Conjunctive Approach". American Antiquity. Society for American Archaeology. 46 (2): 323–341. doi:10.2307/280211. JSTOR 280211.
- Coe, Michael D. (1999). The Maya. Ancient peoples and places series (6th edition, fully revised and expanded ed.). London and New York: Thames & Hudson. ISBN 0-500-28066-5. OCLC 59432778.
- Kelly, Joyce (1996). An Archaeological Guide to Northern Central America: Belize, Guatemala, Honduras, and El Salvador. Norman: University of Oklahoma Press. ISBN 0-8061-2858-5. OCLC 34658843.
- Sharer, Robert J.; Loa P. Traxler (2006). The Ancient Maya (6th (fully revised) ed.). Stanford, CA: Stanford University Press. ISBN 0-8047-4817-9. OCLC 57577446.
- Vásquez, Rosaura; Maribel Pinto; Alexander Urízar (August 2009). "Plan de Intervención Parque Arqueológico Qʼuʼmarkaj". Ministerio de Cultura y Deportes; Dirección General de Patrimonio Cultural y Natural; Instituto de Antropología e Historia; Departamento de Monumentos Prehispánicos y Coloniales. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (Microsoft Word document)เมื่อ 2011-07-21. สืบค้นเมื่อ 2010-01-23.