ข้ามไปเนื้อหา

การเก็บเกี่ยวอวัยวะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Organ harvesting
การแทรกแซง
MeSHD020858

การเก็บเกี่ยวอวัยวะ (เรียกอีกอย่างว่า การเก็บเกี่ยวทางศัลยกรรม) เป็นหัตถการทางศัลยกรรมที่นำอวัยวะหรือเนื้อเยื่อออกเพื่อการนำกลับมาใช้ใหม่ โดยทั่วไปจะใช้สำหรับการปลูกถ่ายอวัยวะ[1]

กระบวนการ

[แก้]

หากผู้บริจาคอวัยวะเป็นมนุษย์ ประเทศส่วนใหญ่มักกำหนดให้ผู้บริจาคต้องได้รับการประกาศว่าเสียชีวิตทางกฎหมายก่อนที่จะสามารถพิจารณาสำหรับการปลูกถ่ายอวัยวะ (เช่น การบริจาคหลังการเสียชีวิตทางหัวใจ หรือ การเสียชีวิตทางสมอง) สำหรับบางอวัยวะ ผู้บริจาคยังมีชีวิตสามารถบริจาคได้ เช่น ผู้บริจาคที่มีชีวิตสามารถบริจาคไตหนึ่งข้างหรือบางส่วนของตับให้แก่ผู้รับที่มีความเข้ากันได้สูง[2]

อวัยวะไม่สามารถนำมาใช้ได้หลังหัวใจหยุดเต้นเป็นเวลานาน ดังนั้น การบริจาคหลังการเสียชีวิตทางสมองจึงเป็นวิธีที่นิยม เนื่องจากอวัยวะยังคงได้รับเลือดจากหัวใจของผู้บริจาคจนถึงไม่กี่นาทีก่อนการนำออกจากร่างกายและเก็บรักษาในน้ำแข็ง เพื่อมาตรฐานในการประเมินการเสียชีวิตทางสมอง (American Academy of Neurology (AAN) ได้เผยแพร่แนวทางในปี 2010 โดยกำหนด 3 เกณฑ์ทางคลินิก ได้แก่ การหมดสติที่ทราบสาเหตุ, ไม่มีรีเฟล็กซ์จากก้านสมอง, และการหยุดหายใจ (apnea)[3]

การบริจาคหลังการเสียชีวิตทางหัวใจ (DCD) เกิดขึ้นเมื่อศัลยแพทย์นำอวัยวะออกภายในไม่กี่นาทีหลังการปิดเครื่องช่วยชีวิต เช่น เครื่องช่วยหายใจ โดยมักเกิดจากความประสงค์ของผู้ป่วยหรือตามคำร้องขอของครอบครัว หลังปิดเครื่องช่วยชีวิตจะมีช่วงเวลารอคอย 2-5 นาทีเพื่อตรวจสอบว่าหัวใจไม่กลับมาเต้นเองก่อนที่จะเริ่มกระบวนการ[4]

หากได้รับความยินยอมจากผู้บริจาคหรือครอบครัว ขั้นตอนต่อไปคือการจับคู่ระหว่างผู้บริจาคและผู้รับ เพื่อลดโอกาสปฏิเสธอวัยวะจากระบบภูมิคุ้มกันของผู้รับ ในสหรัฐฯ การจับคู่ดำเนินการโดยองค์กร เช่น United Network for Organ Sharing[5]

การประสานงานระหว่างทีมที่ทำงานกับอวัยวะต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในกรณีการเก็บเกี่ยวหลายอวัยวะพร้อมกัน ซึ่งพัฒนามาจากการวิจัยในสัตว์ เช่น การใช้หมูเพื่อทดสอบเทคนิคการเก็บเกี่ยวอวัยวะหลายชิ้นเพื่อลดการใช้สัตว์ทดลอง[6][7]

การเก็บรักษาและขนส่ง

[แก้]

หลังเก็บเกี่ยว อวัยวะจะถูกเร่งนำส่งไปยังผู้รับหรือต้องเก็บรักษาสำหรับศึกษาภายหลัง ยิ่งปลูกถ่ายเร็วเท่าใด ผลลัพธ์ยิ่งดี ระหว่างขนส่ง อวัยวะอาจถูกเก็บในสารเย็นจัดหรือต่อเข้ากับระบบไหลเวียนแบบพิเศษเพื่อป้องกันความเสียหาย[8][9]

สำหรับหัวใจและปอด เวลาเก็บในความเย็นต้องไม่เกิน 6 ชั่วโมง ส่วนตับได้ถึง 24 ชั่วโมง[10] ขณะที่ไตสามารถเก็บได้นานขึ้นแต่ความล่าช้าอาจทำให้การทำงานของไตในผู้รับผิดปกติจนต้องใช้เครื่องฟอกไตชั่วคราว[11]

มีการพัฒนาแนวทางใหม่ เช่น การใช้เทคนิคเครื่องไหลเวียนแบบอุ่นที่ช่วยเพิ่มคุณภาพและทดสอบความเหมาะสมของอวัยวะ รวมถึงสารป้องกันการเยือกแข็งเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา[12]

ประเด็นด้านจริยธรรม

[แก้]

ในประเทศสหรัฐอเมริกา

[แก้]

การจัดหาอวัยวะในสหรัฐอเมริกาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเข้มงวดโดย United Network for Organ Sharing (UNOS) เพื่อป้องกันการจัดสรรอวัยวะอย่างไม่เหมาะสม[8] โดยมีผู้ป่วยกว่า 110,000 คนที่อยู่ในรายชื่อรอการปลูกถ่ายอวัยวะแห่งชาติ แต่ในปี 2016 มีการปลูกถ่ายอวัยวะเพียงประมาณ 33,000 ครั้งเท่านั้น[13] เนื่องจากขาดแคลนอวัยวะ มีผู้ป่วยเสียชีวิตในรายชื่อรออวัยวะประมาณ 20 คนต่อวัน[13]

การกำกับดูแล

[แก้]

การจัดหาอวัยวะได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดโดย UNOS โดยมีองค์กรจัดหาอวัยวะ (OPO) ทั้งหมด 58 แห่งในประเทศ โดยแต่ละแห่งมีหน้าที่ประเมินผู้บริจาคอวัยวะและประสานงานการจัดหาอวัยวะในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ[8]

ภูมิภาคการปลูกถ่ายอวัยวะในสหรัฐอเมริกา

[แก้]

สหรัฐอเมริกาแบ่งออกเป็น 11 ภูมิภาคการปลูกถ่ายอวัยวะ โดยมีความแตกต่างอย่างมากในระยะเวลารอคอยการปลูกถ่ายในแต่ละภูมิภาค เช่นในกรณีของ สตีฟ จอบส์ ผู้ที่ต้องเดินทางจากรัฐแคลิฟอร์เนียไปยังรัฐเทนเนสซีในปี 2009 เนื่องจากระยะเวลารอคอยสั้นกว่า[14]

HOPE Act

[แก้]

กฎหมาย HOPE (HIV Organ Policy Equity) Act ที่ผ่านในปี 2013 อนุญาตให้มีการปลูกถ่ายอวัยวะจากผู้บริจาคที่ติดเชื้อ HIV ให้กับผู้รับที่ติดเชื้อ HIV เช่นเดียวกัน โดยในปีแรกหลังการบังคับใช้ มีการปลูกถ่ายอวัยวะทั้งหมด 19 รายการ (ไต 13 รายการ และตับ 6 รายการ)[15]

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Tissue and Organ Harvesting". สืบค้นเมื่อ 2014-01-11.
  2. "Living Organ Donation | organdonor.gov". www.organdonor.gov. สืบค้นเมื่อ 2023-11-15.
  3. Principles of critical care. Hall, Jesse B.,, Schmidt, Gregory A.,, Kress, John P. (Fourth ed.). New York. 2015-06-02. ISBN 978-0071738811. OCLC 906700899.{{cite book}}: CS1 maint: others (ลิงก์)
  4. Sade, Robert M. (August 2011). "Brain death, cardiac death, and the dead donor rule". Journal of the South Carolina Medical Association (1975). 107 (4): 146–149. ISSN 0038-3139. PMC 3372912. PMID 22057747.
  5. Steinbrook, Robert (2007). "Organ Donation after Cardiac Death". New England Journal of Medicine. 357 (3): 209–213. doi:10.1056/NEJMp078066. PMID 17634455.
  6. An improved technique for multiple organ harvesting, TE Starzl, C Miller, B Broznick, Surg Gynecol Obstet. 1987 October; 165(4): 343–348.
  7. Multiple-organ harvesting for models of isolated hemoperfused organs of slaughtered pigs. C Grosse-Siestrup, C Fehrenberg, H von Baeyer. Dept. and Facilities of Experimental Animal Sciences, Humboldt University of Berlin, Germany
  8. 8.0 8.1 8.2 Schwartz's principles of surgery. Schwartz, Seymour I. (Tenth ed.). [New York]. 2014-07-16. ISBN 978-0071796750.{{cite book}}: CS1 maint: others (ลิงก์)
  9. "First clinical heart transplant performed using Stig Steen's new method". News Powered by Cision. 12 September 2017.
  10. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ :1
  11. Lager, Donna J. (2013-01-01), "9 - Pathology of Kidney Transplantation", Practical Renal Pathology, W.B. Saunders, pp. 183–202, doi:10.1016/b978-0-443-06966-6.00011-8
  12. Clavien, Pierre-Alain; Dutkowski, Philipp (2022-05-31). "Transplantation of a human liver following 3 days of ex situ normothermic preservation". Nature Biotechnology. doi:10.1038/s41587-022-01354-7.
  13. 13.0 13.1 "Organ Donation Statistics: Why be an Organ Donor? | organdonor.gov". www.organdonor.gov (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2017-12-06.
  14. Millman, Jason (2014-09-18). "The unacceptable geographic disparities in who gets a new organ". Washington Post.
  15. "At One Year Anniversary, HOPE Act Impact Continuing to be Assessed". UNOS. Nov 22, 2016.