การฆาตกรรมครอบครัวบุญทวี
การฆาตกรรมครอบครัวบุญทวี | |
---|---|
สถานที่ | บ้านเลขที่ 162 หมู่ 8 ตำบลชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ประเทศไทย |
วันที่ | 25 เมษายน พ.ศ. 2540 |
เป้าหมาย | ครอบครัวบุญทวี |
ประเภท | การรัดคอ การจับตัวประกัน การฆาตกรรมหมู่ บุกรุกบ้าน การฆ่ายกครัว การปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ การฆาตกรรมเด็ก |
อาวุธ | ผ้าปูที่นอน ปืนขนาด .38 เชือกผูกรองเท้า เน็กไท สายไฟ ผ้าขาวม้า ผ้า เชือก |
ตาย | 5 |
ผู้ก่อเหตุ | เรืองศักดิ์ ทองกุล สงกรานต์ แก้วอุบล |
เหตุจูงใจ | ต้องการเงิน 1 ล้านบาทที่นายประภาสขายที่ดินมาได้ |
การฆาตกรรมครอบครัวบุญทวี หรือ คดีฆ่ายกครัวบุญทวี เป็นคดีปล้นฆ่าครอบครัวบุญทวีโดยการรัดคอและแขวนคอกับราวบันได โดยผู้ก่อเหตุคือนายเรืองศักดิ์ ทองกุล หรือศักดิ์ ปากรอและมีเพื่อนของเรืองศักดิ์คือนายสงกรานต์หรือจ้อง แก้วอุบลเป็นคนดูต้นทาง โดยคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2540[1] ซึ่งเรืองศักดิ์ ทองกุลถูกตัดสินประหารชีวิต ส่วนสงกรานต์ซึ่งเป็นคนดูต้นทางถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่ศาลฎีกาได้ลดโทษเรืองศักดิ์เหลือจำคุกตลอดชีวิตและเขาได้พ้นโทษจากเรือนจำใน พ.ศ. 2553 ก่อนจะถูกลอบยิงที่ถนนร่วมไทย 2[2][3]และเสียชีวิตขณะนำตัวส่งโรงพยาบาลสะเดาเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558[4]
การฆาตกรรม
[แก้]ในวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2540 นางกิ้มอิ้น บุญทวี อายุ 71 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนายประภาส บุญทวีได้เดินออกจากบ้านพักไปที่บ้านของประภาส บุญทวี อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสถานีอนามัยตำบลปากระวะ เพราะทุกวันหยุดลูกชายของประภาสจะมาหาที่บ้านของกิ้นอิ้น แต่วันนี้ลูกชายของประภาสกลับก็ไม่ได้มาที่บ้าน ในช่วงสายนางกิ้มอิ้นจึงเดินไปที่บ้านของประภาส นางกิ้มอิ้นได้เปิดประตูของบ้านของประภาสพร้อมกับตะโกนร้องเรียก แต่ประตูไม่ได้ล็อก หลังจากเปิดประตูเข้าไปในบ้านนางกิ้มอิ้มก็พบกับนายประภาสและลูกของประภาส 3 คนถูกแขวนคอกับราวบันไดทางขึ้นชั้น 2[5] หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุและพบกับศพ 4 ศพของนายประภาส บุญทวีอายุ 42 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและลูกชาย 3 คนของนายประภาสประกอบด้วย เด็กชายกัมปนาท บุญทวีอายุ 13 ปี , เด็กชายปราบ บุญทวีอายุ 12 ปี และเด็กชายชัชวาลย์ บุญทวี อายุ 10 ปี ในสภาพศพถูกแขวนคอกับราวบันได[6]และได้พบศพของนางเจียมจิต บุญทวีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของอำเภอควนเนียงภายในห้องนอนใหญ่ที่ชั้น 2 ในสภาพศพถูกรัดคอด้วยเน็กไท[7]และมีเชือกมัดมือและมัดเท้าและปิดปาก ซึ่งผลการชันสูตรศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 5 คนระบุว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกทำร้ายร่างกายก่อนจะฆาตกรรมและไม่พบเศษอาหารและยาพิษหรือยานอนหลับในกระเพาะอาหารของเหยื่อทั้ง 5 ราย[8] [9]
การสืบสวนและการจับกุม
[แก้]เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบห้องนอน 3 ห้องของชั้น 2 ภายในที่เกิดเหตุ ได้พบร่องรอยของการรื้อค้นและผ้าปูที่นอนถูกฉีกเป็นเส้น ซึ่งบางส่วนนำมาใช้ในการก่อเหตุและทรัพย์สินภายในห้องได้หายไปหลายรายการ ส่วนในครัวมีอาหารพร้อมรับประทานตั้งโต๊ะไว้ 1 ชุดและไม่พบร่องรอยการต่อสู้ที่ตัวศพ ส่วนศพทั้ง 5 ศพแพทย์สันนิษฐานว่าได้เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 10-15 ชั่วโมง ซึ่งจากหลักฐานที่พบซึ่งประกอบกับเวลาที่เสียชีวิต จึงคาดว่าเวลาที่เสียชีวิตเป็นช่วงหัวค่ำของวันที่ 25 เมษายน ในขณะที่คนในครอบครัวกำลังจะทานข้าวเย็นแต่ได้ถูกคนร้าย ซึ่งคาดว่าเป็นคนที่รู้จักกันเป็นอย่างดีบุกเข้ามาก่อเหตุฆาตกรรม หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำญาติของนายประภาส ทำให้ทราบว่านายประภาสนอกจากจะทำงานที่สาธารณสุขของจังหวัด แล้วยังเป็นนายหน้าค้าที่ดินซึ่งมีฐานะร่ำรวยและมีที่ดินส่วนตัวและที่ดินมรดกจำนวนมาก[10] หลังจากเกิดเหตุประมาณ 1 สัปดาห์ได้มีผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่งเข้าพบกับชุดสืบสวนพร้อมกับให้เบาะแส โดยอ้างว่าในช่วงเวลาที่เกิดเหตุได้เห็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นคนหนึ่งซึ่งคนในย่านนั้นรู้จักดีในชื่อว่า ไอ้แหวง หรือชื่อจริงคือ นายสว่าง สุวรรณมณี ซึ่งตำรวจได้กระจายกำลังออกติดตามและเชิญตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้มาสอบสวน ซึ่งสว่างได้ยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุสว่างเข้าไปใกล้กับละแวกบ้านของประภาสจริง แต่ไม่ได้ไปที่บ้านประภาสเพราะว่ามีนัดตั้งวงดื่มเหล้ากับกลุ่มคนรู้จักที่ริมทะเลซึ่งไม่ห่างจากที่เกิดเหตุมาก หลังจากตำรวจได้พยายามตรวจสอบคำให้การของสว่างอย่างละเอียดจึงได้พบกับพยานที่ยืนยันตรงกันหลายปากว่าสิ่งที่สว่างบอกตำรวจเป็นเรื่องจริงทำให้สว่างจึงรอดพ้นจากการตกเป็นผู้สงสัยในคดีฆาตกรรมครอบครัวบุญทวี แต่สว่างเคยก่อคดีฆาตกรรมนายสน บุญล้วนที่อำเภอสิงหนคร ซึ่งเป็นน้าเขยของตัวเองเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2539 ทำให้สว่างถูกแจ้งข้อหาฆ่าคนตายในคดีฆาตกรรมนายสน บุญล้วน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของกองปราบปรามได้ลงพื้นที่ปูได้พรมแกะรอยคนร้ายในละแวกบ้านหลังเกิดเหตุและพบกับชายอายุ 70 ปี ซึ่งเป็นพยานได้ในข้อมูลกับตำรวจว่า "ตอนเย็นวันนั้นผมจะเข้าไปคุยที่บ้านหมอ ผมเห็นชายวัยรุ่น 2 คน ซึ่งวัยรุ่นคนหนึ่งมีสีผิวสีคล้ำและมีส่วนสูงประมาณ 168 เซนติเมตรและอีกคนสูงราว 170 เซนติเมตรได้จับเด็กๆ มัดมือมัดเท้า แต่ยังไม่แขวนคอซึ่งตอนนั้นหมอยังไม่กลับบ้านและคนผิวคล้ำหันมาเห็นผมซึ่งเขายังยิ้มให้ผมด้วย ผมกลัวมากจึงเดินเลี่ยงกลับบ้านโดยไม่กล้าบอกใคร" ซึ่งจากเบาะแสที่ได้และร่องรอยการรื้อค้น ทำให้ตำรวจได้ให้น้ำหนักมาในเรื่องฆ่าชิงทรัพย์[11] จึงพยายามสอบถามจากคนรอบข้าง กระทั่งได้ข้อมูลจากญาติและเพื่อนสนิทว่าสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึงพร้อมกับจี้เล็กๆของนางเจียมจิต บุญทวีหายไปและพระเครื่องจำนวนหลายร้อยองค์ซึ่งเป็นพระเครื่องที่ประภาสจัดสร้างร่วมกับเจ้าอาวาสวัดป่าขาดซึ่งประภาสมักนำมาให้คนรู้จักได้หายไปหมดทุกองค์[8] ต่อมาในวันที่ 18 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบตัวผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งที่มีพระเครื่องของประภาสที่หายไปในวันเกิดเหตุ ซึ่งผู้ต้องสงสัยได้ให้การว่าได้รับพระเครื่องมาจากนายเรืองศักดิ์ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลจนทราบว่าศักดิ์ ปากรอเป็นฉายาของนายเรืองศักดิ์ ทองกุลซึ่งเป็นน้องชายของผู้ใหญ่บ้านในในอำเภอธารโต[12]ต่อมาตำรวจได้เบาะแสว่าเรืองศักดิ์ไปพักอยู่กับน้าสาวที่ตัวเมืองสงขลา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปยังบ้านหลังนั้นแต่เรืองศักดิ์ได้ออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อ 6 ชั่วโมงที่แล้ว ซึ่งน้าสาวของเรืองศักดิ์ได้ให้เบาะแสกับตำรวจว่า เรืองศักดิ์ไปที่จังหวัดกาญจนบุรีเพื่อไปขออยู่กับน้าอีกคน[13] ในวันที่ 21 พฤษภาคมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปที่บ้านน้าชายของเรืองศักดิ์ แต่ยังไม่พบเรืองศักดิ์ จนกระทั่งเรืองศักดิ์ศักดิ์นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างกลับมา ซึ่งในมือถือหนังสือพิมพ์ ตำรวจจึงเข้าจับกุมเรืองศักดิ์พร้อมของกลางเป็นพลอยแดง 9 เม็ด นิล 5 เม็ดและเข็มกลัดตราสัญลักษณ์ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งเรืองศักดิ์สารภาพว่าเป็นคนร้ายและมีผู้ร่วมก่อเหตุชื่อสงกรานต์[14]
ผู้ก่อเหตุ
[แก้]เนติราษฎร์ นพวงศ์ | |
---|---|
เรืองศักดิ์ ทองกุล | |
เกิด | เรืองศักดิ์ ทองกุล 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 [15] ตำบลปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ประเทศไทย |
เสียชีวิต | 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 (40 ปี) อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ประเทศไทย |
สาเหตุเสียชีวิต | บาดเเผลกระสุนปืนลูกโม่ที่หน้าอก |
สัญชาติ | ไทย |
ชื่ออื่น | ศักดิ์ ปากรอ |
การศึกษา | มัธยมศึกษาปีที่ 3 |
อาชีพ | มือปืนรับจ้าง มือปืนคุ้มกันนักการเมือง เพาะพันธุ์ไม้ส่ง (หลังจากพ้นโทษ) |
มีชื่อเสียงจาก | การฆาตกรรมครอบครัวบุญทวี |
บุตร | 1 |
บทลงโทษ | ประหารชีวิตเปลี่ยนเป็นจำคุกตลอดชีวิต เเต่ได้รับการลดโทษเหลือ 13 ปี |
รางวัลนำจับ | 200,000 บาท |
สถานะการจับกุม | ถูกจับกุม |
คู่หู | สงกรานต์ แก้วอุบล (ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต;ถูกปล่อยตัวแล้ว) |
ระยะเวลาลอยนวล | 40 วัน |
รายละเอียด | |
ผู้เสียหาย | 12 - 14+ คน |
ตาย | 7 - 9+ คน |
วันที่ถูกจับ | 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 |
จำคุกที่ | เรือนจำกลางบางขวาง เรือนจำกลางสงขลา |
เรืองศักดิ์ ทองกุล หรือ ศักดิ์ ปากรอ (5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 - 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558) มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านปากรอ ตำบลปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เรืองศักดิ์มีนิสัยร่าเริงและพูดโน้มน้าวใจคนเก่ง เรืองศักดิ์เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แต่เรียนต่อเทคนิคไม่จบแต่เรืองศักดิ์ชอบแสดงตัวเป็นผู้มีการศึกษาสูง ซึ่งเรืองศักดิ์ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่งและชอบพักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์และชอบมั่วสุมกับผู้ที่มีอายุน้อยกว่า ซึ่งก่อนการก่อเหตุฆาตกรรมครอบครัวบุญทวีเรืองศักดิ์ได้ก่อคดีปล้นและชิงทรัพย์หลายครั้งซึ่งทุกครั้งที่ก่อเหตุเรืองศักดิ์จะจับเหยื่อมัดมือและมัดเท้า ซึ่งเรืองศักดิ์ยังมีประวัติในการกระทำความผิดตั้งแต่เรืองศักดิ์อายุ 17-18 ปีและเรืองศักดิ์ยังเป็นน้องชายของผู้ใหญ่บ้านในในอำเภอธารโต[16][17][12]
ประวัติ
[แก้]เมื่อเรืองศักดิ์อายุ 5 ขวบ เรืองศักดิ์ได้ถูกโจรปล้นบ้านในขณะที่เรืองศักดิ์อยู่บ้านคนเดียวและถูกจับมัดด้วยมุ้งแล้วขังไว้ในบ้าน จนกระทั่งพ่อแม่กลับจากทำนาในตอนเย็น พ่อแม่จึงแก้มัดให้ ต่อมาเมื่อเรืองศักดิ์อายุ 16 ปี เรืองศักดิ์ทะเลาะกับเพื่อนบ้านเรื่องวัวของเพื่อนบ้านมากินผักที่ปลูกไว้ เรืองศักดิ์จึงใช้เชือกผูกคอวัวแล้วชักรอกวัวขึ้นไปแขวนคอวัวบนต้นไม้จนตาย [12]และเรืองศักดิ์ยังเคยไปเข้าร่วมกับโจรสลัดปล้นเรือประมงซึ่งเรืองศักดิ์ได้จับเหยื่อมัดและโยนลงทะเล[18] เรืองศักดิ์จึงมีความชำนาญด้านการใช้เงื่อนเป็นพิเศษ [19] ซึ่งก่อนหน้าที่จะเหตุฆาตกรรมครอบครัวบุญทวีนี้เรืองศักดิ์ยังได้ก่อเหตุปล้นฆ่าและเชือดคอพนักงานหญิงของโรงรับจำนำในจังหวัดพัทลุงและการข่มขืนและสังหารเด็กหญิงอายุ 14 ปีด้วยการแขวนคอในอำเภอปากพะยูนและเรืองศักดิ์กับพรรคพวกยังได้ปล้นสถานีบริการน้ำมันในอำเภอปากพะยูนรวมถึงเรืองศักดิ์ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีปล้นฆ่าผู้ใหญ่บ้านในอำเภอปากพะยูน [20] ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นห้องพักของเขาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้พบกับภาพโปสเตอร์ที่จับเด็กมาแขวนกับราวตากผ้าโดยใช้ไม้หนีบที่ขาของเด็กและโปสเตอร์ของวงดนตรีเมกาเดธ [21]
คำสารภาพ
[แก้]ระหว่างการรอผลตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ตำรวจชุดคลี่คลายคดีที่นำโดยพลตำรวจโทวีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ได้เบิกตัวเรืองศักดิ์ ทองกุลมาสอบปากคำ ซึ่งเรืองศักดิ์ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้เป็นคนร้ายที่ก่อเหตุฆาตกรรมครอบครัวบุญทวี ทำให้พลตำรวจโทวีระศักดิ์ต้องเปลี่ยนวิธีเป็นการใช้หลักจิตวิทยาโดยการพูดกับเรืองศักดิ์ว่า "ใจถึง ใจกล้า" ทำให้เรืองศักดิ์ยอมรับสารภาพด้วยสีหน้าท่าทางที่ภาคภูมิใจ เรืองศักดิ์ได้สารภาพว่าวางแผนก่อเหตุมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ครั้งแรกผู้ร่วมก่อเหตุไม่กล้า ซึ่งการก่อเหตุครั้งที่ 2 เรืองศักดิ์ได้พาสงกรานต์หรือจ้อง แก้วอุบล ซึ่งเรืองศักดิ์รู้จักสงกรานต์ระหว่างที่เรืองศักดิ์พักอาศัยอยู่ในหอพักใกล้โรงเรียน ซึ่งเรืองศักดิ์ชักชวนสงกรานต์ให้ไปกับเรืองศักดิ์แต่ไม่บอกกับสงกรานต์ว่าจะไปไหน [22] เมื่อเวลาประมาณ 15.00 นาฬิกาของวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2540 เรืองศักดิ์และสงกรานต์ได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในบ้านและคอยอยู่หน้าบ้านเพื่อรอชิงทรัพย์เนื่องจากทราบข่าวว่าประภาสเพิ่งขายวัวชนและได้เงินมา 1 ล้านบาท ซึ่งเรืองศักดิ์รู้จักประภาสเป็นอย่างดีและยังเคยติดต่อซื้อที่ดินและเล่นพนันวัวลานด้วยกัน หลังจากนั้นเด็กชายชัชวาลย์และเด็กชายปรนนท์ซึ่งเป็นลูกของนายประภาสได้เห็นเรืองศักดิ์ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา เรืองศักดิ์จึงได้แกล้งขอน้ำดื่มและให้เด็กชายปรนนท์ไปตักน้ำมาให้ ในขณะที่เด็กชายปรนนท์กำลังจะส่งขันน้ำให้ เรืองศักดิ์จึงชักปืนขนาด .38 จี้ที่ศีรษะของเด็กชายปรนนท์แล้วล็อกตัวก่อนจะมัดมือมัดเท้าและมัดปากแล้วนำไปขังภายในห้องชั้น 2 ซึ่งสงกรานต์ลากตัวเด็กชายชัชวาลย์ขึ้นไปรวมในห้องเดียวกับกับเด็กชายปรนนท์และมัดเท้ามัดมือและมัดปากโดยให้สงกรานต์เป็นคนคุมเด็กภายในห้อง หลังจากนั้นเรืองศักดิ์ได้ลงมาคอยประภาสที่หน้าบ้าน พอนายประภาสกลับที่บ้าน เรืองศักดิ์จึงเดินเข้าไปยกมือไหว้ทักทายประภาส โดยเรืองศักดิ์อ้างว่าจะมาขอปรึกษาเรื่องรถหาย ประภาสจึงชวนเรืองศักดิ์เข้าไปนั่งในบ้าน เรืองศักดิ์จึงชักปืนออกมาจ่อที่ศีรษะและตะโกนเรียกสงกรานต์ให้ใช้เชือกมัดมือไพล่หลังแล้วนำตัวไปขังไว้รวมกับลูกชาย ต่อมาเด็กชายกัมปนาทขี่รถจักรยานยนต์กลับมาบ้านเรืองศักดิ์จึงจับตัวเด็กชายกัมปนาทแล้วมัดมือมัดเท้าและปากไปไว้ในห้องเดียวกัน ต่อมานางเจียมจิตรกลับมาบ้านเรืองศักดิ์ใช้ปืนจี้และจับนางเจียมจิตรมัดมือมัดเท้าไปขังไว้ในห้องนอนชั้นสองพร้อมกับข่มขู่ให้บอกที่ซ่อนเงินแต่นางเจียมจิตรไม่ยอมบอก [23] เรืองศักดิ์จึงพยายามจะข่มขืนเจียมจิตร แต่เจียมจิตรขัดขืน เรืองศักดิ์จึงใช้เน็กไทของประภาสรัดคอ แล้วจับหัวของเจียมจิตรกระแทกกับเตียงเหล็กจนเลือดออก แล้วบีบคอเจียมจิตรจนเสียชีวิตหลังจากนั้นเรืองศักดิ์และสงกรานต์ได้รื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้านแล้วมาใส่ถุงพลาสติก หลังจากรื้อค้นเสร็จได้นำกรรไกรและมีดมาปอกสายไฟเพื่อช็อตประภาสและลูกทั้งหมด 2 ครั้ง แต่ไม่สามารถช็อตได้เพราะบ้านของประภาสติดตั้งระบบเซฟทีคัทจึงเปลี่ยนวิธีโดยนำประภาสและลูกเรียงกันที่หน้าห้องนอนโดยเริ่มจากแขวนคอประภาสด้วยเชือกผูกรองเท้าแล้วผลักออกจากชั้น 2 แต่เชือกขาดทำให้ประภาสวิ่งหนีแต่ก็ถูกเรืองศักดิ์จับตัวได้แล้วถูกจับกลับมาแขวนคอกับราวบันไดอีกครั้งจนเสียชีวิตก่อนจะแขวนคอลูก 3 คนของประภาสกับราวบันไดจนเสียชีวิตแล้วหลบหนีไป[12] ซึ่งจากการสอบสวนสงกรานต์ สงกรานต์ได้รับสารภาพว่าได้ร่วมมือกับเรืองศักดิ์ฆ่าครอบครัวของประภาส ซึ่งสงกรานต์กับเรืองศักดิ์ได้ไปดูลาดเลาก่อนก่อเหตุเพียงวันเดียวและเรืองศักดิ์บอกว่าบ้านนี้รวยมีเงินจากการขายที่ดินและยังได้ยินคนในบ่อนพนันวัวพูดว่าประภาสขายที่ดินได้เงินล้านกว่าบาท ส่วนสาเหตุที่ต้องฆาตกรรมเนื่องจากทั้งหมดจำหน้าได้จึงต้องฆ่าปิดปาก [24]
การพิจารณาคดีและคำตัดสิน
[แก้]ศาลจังหวัดสงขลาได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ประหารชีวิตเรืองศักดิ์และจำคุกตลอดชีวิตสงกรานต์ หลังจากศาลอ่านคำพิพากษา หน้าของสงกรานต์ได้ซีดเผือดไปเพราะรู้ว่าตัวเองต้องได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต ส่วนเรืองศักดิ์ไม่ได้สะทกสะท้านต่อคำตัดสินและยังยิ้มบางๆ อีกด้วย ต่อมาวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2541 ศาลอุทรณ์ภาค 3 ได้พิพากษายืนให้ประหารชีวิตเรืองศักดิ์และจำคุกตลอดชีวิตสงกรานต์ ซึ่งเรืองศักดิ์ได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เรืองศักดิ์จึงฎีกาเพื่อลดโทษ [12] ต่อมาศาลฎีกาได้แก้คำตัดสินของศาลอุทธรณ์จากให้ประหารชีวิตเรืองศักดิ์เป็นให้จำคุกตลอดชีวิตเรืองศักดิ์ เนื่องจากคำให้การชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของเรืองศักดิ์เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีจึงลดโทษเรืองศักดิ์ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 จึงลดโทษจากประหารชีวิตเป็นจำคุกตลอดชีวิต [25][26]
หลังจากพ้นโทษ
[แก้]หลังจากที่ศาลฎีกาตัดสินจำคุกตลอดชีวิตเรืองศักดิ์และได้ถูกส่งตัวไปยังเรือนจำกลางบางขวาง ก่อนจะได้รับอภัยโทษหลายครั้งจนถูกย้ายมายังเรือนจำกลางสงขลาและพ้นโทษในปี พ.ศ. 2553 หลังจากนั้นเรืองศักดิ์ก็ได้เปลี่ยนตนเองเป็นเนติราษฎร์ นพวงศ์และเข้าอยู่ในซุ้มมือปืนรับจ้างในอำเภอสิงหนครและยังทำหน้าที่ดูแลนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ของอำเภอสิงหนคร [27] ต่อมาเนติราษฎร์จะย้ายที่อยู่ของตนเองไปยังอำเภอสะเดา และมีลูกชาย 1 คน ซึ่งเนติราษฎร์ได้ย้ายที่อยู่ของตนเองเพื่อทำหน้าที่คุ้มกันผู้อิทธิพลในพื้นที่ตำบลสำนักขาม โดยได้ประกอบอาชีพทำสวนเพื่อเพาะพันธุ์ไม้ส่งไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งก่อนหน้านี้เนติราษฎร์เคยถูกลอบยิงมาแล้ว 1 ครั้งแต่ก็รอดชีวิตมาได้[28] รวมทั้งเนติราษฎร์ยังเคยถูกจับกุมได้คดีบุกรุกป่าสงวนในอำเภอสะเดา หลังจากนั้นเนติราษฎร์จึงมาทำธุรกิจบ่อดินลูกรังที่ตำบลปริก [29] ต่อมาในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ในขณะที่เนติราษฎร์กำลังเดินออกจากบ้านมาขึ้นจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน คนร้ายอย่างน้อย 2 คนขับรถเก๋งสีขาวมาจอดหน้าบ้าน ก่อนจะลดกระจกแล้วยิงใส่เนติราษฎร์ 2 นัดที่หลังก่อนที่คนร้ายจะขับรถหนีไป ซึ่งญาติของเนติราษฎร์ได้นำตัวเนติราษฎร์ส่งโรงพยาบาลสะเดาแต่เนติราษฎร์ได้เสียชีวิตระหว่างการนำตัวส่งโรงพยาบาล [30] ซึ่งตำรวจได้คาดว่าเหตุจูงใจในการฆาตกรรมน่าจะเกิดจากความขัดแย้งส่วนตัวหรือการเข้าไปขัดผลประโยชน์เกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมายของกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อำเภอสะเดา [5][31] แต่ในปัจจุบันยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้[32]
ในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 พลตำรวจเอกพงศ์ปณต ชูแก้ว ผู้กำกับการตำรวจกองปราบกองกำกับการ 6 พร้อมกับชุดปฏิบัติการพิเศษนำหมายค้นของศาลจังหวัดสงขลาเข้าตรวจค้นบ้านของพิมล ทองกุล พี่ชายของเรืองศักดิ์ ที่ตำบลปากรอ เพื่อจับกุมนายอภินันท์ ทองกุล แต่อภินันท์ไหวตัวทันสามารถหลบหนีไปได้ จากการตรวจค้นพบอาวุธปืนอาก้าจำนวน 1 กระบอก, กระสุนปืนขนาด 5.56 จำนวน 39 นัด, กระสุนปืนขนาด 7.62 มม. จำนวน 59 นัด, แม็กกาซีนปืนอาก้า จำนวน 2 ซอง, อาวุธปืนยาวติดกล้องเล็งขนาด .22 คล้ายกับปืนเอ็ม4 คาร์บิน จำนวน 1 กระบอก, กระสุนปืนขนาด.22 จำนวน 20 นัด และซองกระสุน 1 ซอง[33] เพิ่มศีลให้การว่าอาวุธปืนเป็นของเรืองศักดิ์พี่ชาย ไม่ใช่ของเขา[34][35][36]
ในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 ตรวจอาวุธปืนอาก้าที่ยึดได้จากบ้านของเพิ่มศีลพบว่าเป็นอาวุธปืนไปตรงกับอาวุธปืนที่ใช้ยิงพงศกร หวานแก้ว รองนายกเทศมนตรีตำบลนาสีทองจนเสียชีวิตบนรถจี๊ป เชอโรกี เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ที่ริมถนนสายยนตรการกำธร ตำบลท่าชะม่วง อำเภอรัตภูมิ[37] เจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยว่าเรืองศักดิ์อาจเป็นคนร้ายในคดีฆาตกรรมพงศกร[38] โดยเจ้าหน้าที่จะติดตามตัวของเพิ่มศีลมาสืบสวนเพิ่มเติมกับที่มาของอาวุธปืนและส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมพงศกร[39][40]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ย้อนคดีสุดเหี้ยม ฆ่าเรียง 5 ศพ เชือกแขวน ยิ้มสะท้าน 'ศักดิ์ ปากรอ'
- ↑ ยิงดับศักดิ์ ปากรอมือฆ่า5ศพบุญทวี ตร.มุ่งปม ขัดแย้งกับ ผู้อิทธิพล ที่สะเดา[ลิงก์เสีย]
- ↑ เหี้ยมซ่อนเหี้ยม ย้อนรอยฆ่ายกครัว 5 ศพ หลอนยิ้มสยอง "ศักดิ์ ปากรอ" ฆาตกรโหด
- ↑ ย้อน 4 คดี "ฆ่ายกครัว"
- ↑ 5.0 5.1 กฎแห่งกรรมมีจริง! “ศักดิ์ ปากรอ” อดีตผู้ต้องหาฆ่าแขวนคอ 5 ศพ ถูกดักยิงดับอนาถหน้าบ้านพัก (ชมคลิป)
- ↑ ย้อนรอย'ฆ่ายกครัว'สุดเหี้ยม เลือดเย็น-ดุดัน-ทรพี-โรคจิต
- ↑ ย้อน 4 คดี "ฆ่ายกครัว"
- ↑ 8.0 8.1 แกะรอยจากพระเครื่อง จับมือฆ่า 5 ศพครอบครัว 'บุญทวี' (ตอน 1)
- ↑ ย้อนคดีสุดเหี้ยม ฆ่าเรียง 5 ศพ เชือกแขวน ยิ้มสะท้าน 'ศักดิ์ ปากรอ'
- ↑ ศักดิ์ 5 ศพถึงชุดพราง 8 ศพ : วงค์ ตาวัน
- ↑ 25 เม.ย. 2540 ย้อนคดีโหด กับบทเรียนกงกรรมนอกคุก
- ↑ 12.0 12.1 12.2 12.3 12.4 แกะรอยจากพระเครื่อง จับมือฆ่า 5 ศพครอบครัว 'บุญทวี' (ตอน 2)
- ↑ 25 เม.ย. 2540 ย้อนคดีโหด กับบทเรียนกงกรรมนอกคุก!!
- ↑ ย้อนคดีสุดเหี้ยม ฆ่าเรียง 5 ศพ เชือกแขวน ยิ้มสะท้าน 'ศักดิ์ ปากรอ'
- ↑ คดีฆ่า “ศักดิ์ ปากรอ” ตำรวจมุ่งปมขัดแย้งผู้มีอิทธิพลและธุรกิจมืดด่านชายแดน (ชมคลิป)
- ↑ จากไอ้ศักดิ์ 5 ศพถึง 2 ผัวเมียทมิฬ แขวนคอฆ่า 2 ด.ญ. สยองซ้ำสงขลา[ลิงก์เสีย]
- ↑ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐปีที่ 48 ฉบับที่ 14366 วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2540
- ↑ ศักดิ์ 5 ศพถึงชุดพราง 8 ศพ : วงค์ ตาวัน
- ↑ 25 เม.ย. 2540 ย้อนคดีโหด กับบทเรียนกงกรรมนอกคุก!!
- ↑ รอยยิ้มสังหาร 5 ศพ สิงหนคร นาทีที่28:09-30:12
- ↑ หนังสือพิพม์ไทยรัฐปีที่48 ฉบับที่14366 วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภามคม พ.ศ.2540
- ↑ ศักดิ์ 5 ศพถึงชุดพราง 8 ศพ : วงค์ ตาวัน
- ↑ 25 เม.ย. 2540 ย้อนคดีโหด กับบทเรียนกงกรรมนอกคุก!!
- ↑ ย้อนคดีสุดเหี้ยม ฆ่าเรียง 5 ศพ เชือกแขวน ยิ้มสะท้าน 'ศักดิ์ ปากรอ'
- ↑ ย้อน 4 คดี "ฆ่ายกครัว"
- ↑ ย้อนคดีสุดเหี้ยม ฆ่าเรียง 5 ศพ เชือกแขวน ยิ้มสะท้าน 'ศักดิ์ ปากรอ'
- ↑ มือปืนบุกยิง ปิดตำนาน "ศักดิ์ ปากรอ"
- ↑ ยิงดับ"ศักดิ์ ปากรอ"อดีตผู้ต้องหาคดีฆ่าแขวนคอ5ศพ
- ↑ ยิงดับ 'ศักดิ์ ปากรอ' ปิดฉากมือฆ่ายกครัว 5 ศพ เมื่อ 18 ปีก่อน
- ↑ ย้อนคดีสุดเหี้ยม ฆ่าเรียง 5 ศพ เชือกแขวน ยิ้มสะท้าน 'ศักดิ์ ปากรอ'
- ↑ คดีฆ่า “ศักดิ์ ปากรอ” ตำรวจมุ่งปมขัดแย้งผู้มีอิทธิพลและธุรกิจมืดด่านชายแดน (ชมคลิป)
- ↑ ย้อนคดีสุดเหี้ยม ฆ่าเรียง 5 ศพ เชือกแขวน ยิ้มสะท้าน 'ศักดิ์ ปากรอ'
- ↑ “บิ๊กต่อ” สั่งลุยปราบมาเฟีย-มือปืนทั่วประเทศ ป.โชว์รวบน้อง “ศักดิ์ ปากรอ” ยึดอาก้า-กระสุนอื้อ
- ↑ บุกค้น 183 จุดล้างบางมาเฟียทั่วประเทศ ตะครุบหลาน ‘ศักดิ์ ปากรอ’ อดีตฆาตกรฆ่ายกครัว
- ↑ 'บิ๊กต่าย' พอใจผลกวาดล้างผู้มีอิทธิพล 183 จุด รับมีบางเป้าหมายหนีไปได้ ยันไม่มีข่าวรั่ว
- ↑ “บิ๊กต่อ” สั่งลุยปราบมาเฟีย-มือปืนทั่วประเทศ ป.โชว์รวบน้อง “ศักดิ์ ปากรอ” ยึดอาก้า-กระสุนอื้อ
- ↑ ยิงถล่ม รองนายก ทต.นาสีทอง ดับ
- ↑ เล็งขยายผล! ปืนอาก้าบ้านน้อง ‘ศักดิ์ ปากรอ’ พบใช้ยิงถล่มรองนายกเทศบาลนาสีทอง
- ↑ พบอาก้ายึดจากบ้านน้องชาย “ศักดิ์ ปากรอ” เคยก่อคดีมาแล้ว
- ↑ ปืนอาก้าบ้านน้อง 'ศักดิ์ ปากรอ' พบใช้ยิงถล่มรองนายกเทศบาลนาสีทอง