วัดอ่างแก้ว (กรุงเทพมหานคร)
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
วัดอ่างแก้ว | |
---|---|
![]() อุโบสถในปี พ.ศ.2566 | |
![]() | |
ชื่อสามัญ | วัดอ่างแก้ว |
ที่ตั้ง | เลขที่ 30 ถนนเทอดไท แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 10160 |
นิกาย | มหานิกาย |
พระประธาน | หลวงพ่อโต (ด้านหน้าโบสถ์) |
เจ้าอาวาส | พระครูเขมาภิรม (เกษม สิริวฑฺฒโน) |
![]() |
วัดอ่างแก้วเป็นวัดหนึ่งในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร สังกัดคณะสงฆ์ มหานิกายมีพระเกจิอาจารย์ที่สำคัญ คือท่านพระครูพรหมโชติวัฒน์ ที่ร่ำลือเรื่องพุทธคุณ บริเวณวัด ตั้งอยู่ริมคลองภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ทิศเหนือติดต่อกับคลองภาษีเจริญ ตลอดแนวยาว 114 เมตร ทิศตะวันออกติดคลองขวาง มีอีกชื่อหนึ่งว่าคลองโคนอนระยะ 142 เมตร ทิศใต้มีความยาว 117ติดต่อกับถนนพัฒนาการ (เดิม) ปัจจุบันคือถนนเทอดไท ทิศตะวันตกติดต่อกับ โรงเรียนวัดอ่างแก้ว (จีบ ปานขำ) ระยะ 117 เมตรและที่ดินเอกชน ลักษณะพื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่มติดคลองทั้งด้านหน้าและด้านข้าง มีกำแพงก่ออิฐถือปูนกั้นตรงชิดถนน เป็นเขตประตูเข้าออกของวัด วัดนี้มีลักษณะพิเศษคือ ด้านหน้าวัดนั้นมีลานสนามทราย ซึ่งเป็นวัดนี้เป็นวัดที่มีลานทรายด้านหน้าพระอุโบสถเหลือเพียงแห่งเดียวในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีมาแต่โบราณ ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ไทย (วันสงกรานต์) ทุก ๆ ปี จะมีประเพณีก่อพระเจดีย์ทรายขึ้นที่ลานทรายแห่งนี้ และสรงนำหลวงพ่อโต อีกทั้งยังมีจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถเรื่องพุทธประวัติที่สวยงามอีกด้วย
ประวัติความเป็นมาของวัด[แก้]
วัดอ่างแก้วเป็นวัดโบราณ บางตำรากล่าวว่ามีครั้งกรุงศรีอยุธยา แล้วมาทำการบูรณะขึ้นอีกทีในสมัยรัชกาลที่ 3 บางตำราว่าสร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2419 ตั้งแต่ได้ขุดคลองภาษีเจริญได้ 8 ปี โดยท่านเจ้าคุณพระภาวนาโกศลเถระ (รอด) ซึ่งแต่เดิมท่าได้จำพรรษาอยู่ที่วัดโคนอน ซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลจากวัดอ่างแก้วนี้นัก ได้บอกบุญแก่ชาวบ้านให้ซื้อที่ดินและสัมภาระในการสร้างวัดนี้ขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ความดีของท่าน เมื่อครั้งหลังการสร้างวัดต่อมาได้มีผู้มีจิตศรัทธาในสมัยนั้นบริจาคเรือนไทยไม้สักให้อีกหลายหลัง (ในปัจจุบันนี้ยังมีอยู่หลายหลัง) เมื่อไดจัดการเรียบร้อยแล้วจึงให้พระภิกษุที่เป็นสัทธิวิหาริกของท่านจำนวน 5 รูป มาอยู่จำพรรษา และแต่งตั้งให้พระอธิการเบี้ยว อินฺทสุวณฺโณ เป็นเจ้าอาวาส การสร้างอุโบสถได้กระทำการสร้างต่อมา และเสร็จเรียบร้อยเมื่อปีฉลู พ.ศ. 2420 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปีเดียวกัน วัดอ่างแก้วนี้จึงมีเขตวิสุงคามสีมา กว้าง 19.25 เมตร ยาว 30.72 เมตร พร้อมทั้งทำการผูกพัทธสีมาในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2421
- เกี่ยวกับชื่อวัดเดิมที่มีประวัติว่าทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของบริเวณที่สร้างอุโบสถ เดิมทีที่ดินมีลักษณะเป็นอ่างน้ำใสขังอยู่ ท่านเจ้าคุณพระภาวนาโกศลจึงถือเอาลักษณะที่ดินแห่งนั้น มาตั้งเป็นนามวัดว่า “วัดอ่างแก้ว” และไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาจนตราบเท่าทุกวันนี้
- ประวัติทางการศึกษาของวัดในสมัยโบราณแต่เดิมมา วัดอ่างแก้วได้สนับสนุนให้พระภิกษุสามเณรได้ไปศึกษาพระปริยัติธรรมจากสำนักเรียนต่าง ๆ ได้ตามอัธยาศัยเพื่อสำหรับการศึกษาของชาติ ด้วยความต้องการของบุตรหลานของประชาชนในย่านบางหว้า ได้มีโรงเรียนที่จะทำให้ให้บุตรหลานได้มีโอกาสเรียนหนังสือ มีความรู้ อ่านออกเขียนได้ในระดับประถมศึกษา จึงได้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนวัดอ่างแก้ว โดยในระยะแรกใช้ศาลาวัดเป็นที่ศึกษาเล่าเรียน ตั้งแต่ปี 2475 และต่อมาวัดได้ให้ที่ดินสร้างโรงเรียนประชาบาลภายในวัด (ซึ่งในปัจจุบันคือโรงเรียนอ่างแก้ว (จีบ ปานขำ)) พร้อมทั้งสิ่งเสริมการศึกษาของกุลบุตรกุลธิดาด้วย
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4b/%282023%29_%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7_%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%95%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%8D_%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3_%2826%29.jpg/220px-%282023%29_%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7_%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%95%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%8D_%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3_%2826%29.jpg)
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/f/f8/%282023%29_%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7_%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%95%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%8D_%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3_%2825%29.jpg/220px-%282023%29_%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7_%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%95%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%8D_%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3_%2825%29.jpg)
รายนามเจ้าอาวาสตั้งแต่อดีต - ปัจจุบัน[แก้]
- รูปที่ 1 พระอธิการเบี้ยว อินฺทสุวณฺโณ เป็นเมื่อ พ.ศ. 2420 ถึง พ.ศ. 2464
- รูปที่ 2 พระอธิการพลอย สุวณฺโณ
- รูปที่ 3 พระอธิการอุ่น พฺรหฺมสโร เป็นเมื่อ พ.ศ. 2479 ถึง พ.ศ. 2487
- รูปที่ 4 พระครูพรหมโชติวัฒน์ (บุญมี พฺรหฺมโชติโก) เป็นเมื่อ พ.ศ. 2487 ถึงพ.ศ. 2524
- รูปที่ 5 พระครูเขมาภิรม (เกษม สิริวฑฺฒโน) เป็นเมื่อ พ.ศ. 2526
- รูปที่ 6 พระครูพินิจสุนทรกิจ เป็นเมื่อ พ.ศ. 2555-ปัจจุบัน