ผู้ใช้:Klui2543/เดอะ กาเซ็ท (วงดนตรี)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Klui2543/เดอะ กาเซ็ท
การแสดงของเดอะกาเซ็ทในปี 2015
การแสดงของเดอะกาเซ็ทในปี 2015
เว็บไซต์the-gazette.com

เดอะ กาเซ็ท (ญี่ปุ่น: ガゼットโรมาจิGazetto) (ปัจจุบันเปลี่ยนจาก the Gazette เป็น the GazettE) เป็นวงดนตรีแนววิชวลเค ร็อคที่ก่อตั้งช่วงต้นปี พ.ศ.2545 จากจังหวัดคานางาวะในประเทศญี่ปุ่น ในปัจจุบันทางวงได้เซ็นสัญญาอยู่กับค่ายเพลงอย่าง Sony Music Records

ประวัติของวง[แก้]

พ.ศ.2545 : ปณิธานและงานในช่วงแรก[แก้]

วงได้เริ่มก่อตั้งที่จังหวัดคานางาวะในปี พ.ศ.2545 โดยมี (รุกิ -นักร้องนำ) (เรอิตะ -มือเบส) และ (อุรุฮะ -มือกีตาร์) เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกคนต่างได้เดินในเส้นทางของวิชวลเคด้วยตัวเองมาแล้วหลายครั้ง จนในครั้งนี้พวกเขาตัดสินใจว่า เดอะ กาเซ็ท จะเป็นวงดนตรีวงสุดท้ายแล้วสำหรับชีวิตนักดนตรีของพวกเขา ต่อมาพวกเขาได้มือกีตาร์อีกคนอย่าง (อาโออิ) และ (ยูเนะ) ที่เพิ่งแยกออกจากวงอย่าง Artia ในตำแหน่งมือกลอง แล้วจึงได้รวมตัวกันเป็น เดอะ กาเซ็ท อย่างเป็นทางการในช่วงมกราคม ปี พ.ศ.2545

ในเริ่มแรกพวกเขาได้เซ็นสัญญากับค่าย Matina และได้ปล่อยซิงเกิ้ลแรกอย่าง "Wakaremichi" รวมถึงวิดีโอตัวแรก ในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2545 และอีกครั้งหนึ่งในเดือนมิถุนายน ส่วนในช่วงเดือนกันยายนพวกเขาก็ได้ปล่อยเพลง "Kichiku Kyoushi (32 sai Dokushin) no Nousatsu Kouza"และวิดีโอโปรโมทเพลง (PV) ตัวที่สองออกมา ต่อมาพวกเขาก็ได้มีการเล่นเดี่ยวครั้งแรกในเดือนตุลาคม และในช่วงวันคริสมาสต์ของปีนั้นก็ได้มีอัลบั้มรวมเพลงจาก 5 ศิลปินออกจำหน่าย โดยเพลงของพวกของอย่าง "Okuribi" ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

พ.ศ.2546-2547: มือกลองคนใหม่ กับอัลบั้ม Cockayne Soup และ Disorder[แก้]

ยูเนะ ได้ลาออกจากวงในช่วงต้นปี พ.ศ.2546 โดยที่ทางวงก็ได้ ไค (ซึ่งเป็นสมาชิกวงวิชวลอย่าง Mareydi†Creia) มาเป็นมือกลองและก็ได้อาสาที่จะเป็นหัวหน้าวงนับจากนั้น ไม่นานนับจากนั้น เดอะ กาเซ็ท ก็ได้เปลี่ยนไปอยู่กับค่าย PS Comapany และได้ออก EP แรกของวงในชื่อ Cockayne Soup ต่อมาพวกเขาได้ออกทัวร์ครั้งแรกกับวง Hanamuke ซึ่งทั้งสองวงก็ได้มาเล่นดนตรีร่วมกันบนเวทีถึงสองเพลง

ส่วนในครั้งที่สองพวกเขาก็ได้มีวงที่ตามมาร่วมอย่าง Vidoll ซึ่งในนิตยสาร Cure ที่เป็นนิตยสารที่เจาะกลุ่มไปทางวงดนตรีวิชวลเค ก็ได้ยกเรื่องราวของทั้งสองวงมารวมอยู่ในคอลลัมน์พิเศษประจำปักษ์เดือนพฤศจิกายนด้วย

ในช่วงปลายเดือน ธันวาคม พ.ศ.2546 พวกเขาได้ไปเล่นที่งานเดียวกับวงดนตรีอีกวงอย่าง Deadman ก่อนที่ในวันที่ 28 ของเดือนเดียวกันนั้น พวกเขาจะได้ไปเล่นดนตรีที่งาน Fool's Mate magazine's Beauti-fool's Fest หลังจากนั้นก็ได้มีดีวีดีบันทึกการแสดงสดภายในงานออกมาวางจำหน่ายในเวลาต่อมา

ในปีพ.ศ.2547 วันที่ 16 เดือนมกราคม วงของพวกเขาได้ไปแสดงเดี่ยวในงาน Shibuya-AX โดยในภายหลังจะมีดีวีดีบันทึกการแสดงสดออกมาวางจำหน่ายในชื่อ Tokyo Saihan -Judgment Day- จากนั้นพวกเขาก็ได้ออก EP ลำดับที่ห้าอย่าง Madara ซึ่งสามารถขึ้นไปอยู่บนลำดับที่สองของ Oricon Indie Charts ได้ในเวลานั้น ซึ่งต่อมาวันที่ 26 เดือนพฤษภาคม ก็ได้มีดีวีดีเพลงของ Madara ตามออกมา ซึ่งในนั้นประกอบไปด้วย วิดีโอเพลงทั้งหมดหกเพลง และสารคดีในกองถ่าย และในเดือนเดียว เดอะ กาเซ็ท ก็ได้ถูกพูดถึงในคอลลัมน์พิเศษประจำเดือนของ Shoxx magazine's Expect Rush III ซึ่งเป็นหนังสือแคตตาล็อกรวมเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มนักดนตรีวิชวลเคอิสระ

ในวันที่ 25 เดือนสิงหาคม พ.ศ.2547 ดีวีดีเสิร์ตครั้งที่สองของพวกเขาอย่าง Heisei Bamka ก็ได้ออกวางจำหน่าย และต่อมาในเดือนกันยายนและตุลาคมของปีนั้น พวกเขาก็ได้ไปออกทัวร์กับเหล่าเพื่อนร่วมค่าย PS Comapany อย่าง Kra และ BIS และแล้วในวันที่ 13 เดือนตุลาคมในปีเดียวกัน พวกเขาก็ได้ออกสตูดิโออัลบั้มอย่าง Disorder ซึ่งก็สามารถขึ้นไปอยู่ 1 ใน 5 อันดับเพลงหมวดอินดี้ของ Oricon Daily Charts ได้เลยทีเดียว

พ.ศ.2548-2549: อัลบั้ม Nil และ Nameless Liberty Six Guns tour[แก้]

ในช่วงต้นปี พ.ศ.2548 เดอะ กาเซ็ท ได้เริ่มต้นทัวร์ช่วงฤดูใบไม้ผลิไปทั่วประเทศญี่ปุ่น ในชื่อ Standing Tour 2005 Maximum Royal Disorder โดยที่สถานที่สุดท้ายของการแสดงในทัวร์จัดขึ้นที่ ชิบุย่า โคไคโด ในวันที่ 17 เดือนเมษายน ซึ่งในที่ 9 เดือนมีนาคมในปีเดียวกันนั้น เดอะ กาเซ็ท ก็ได้ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่อย่าง "Reila"

หลังจากที่ได้ปล่อยดีวีดีบันทึกการแสดงสดคอนเสิร์ตของพวกเขาที่เพิ่งเริ่มจัดไปเมื่อช่วงต้นปี ทางวงก็ได้ออก EP ลำดับที่หกอย่าง Gama และได้เริ่มออกทัวร์ครั้งใหม่ในชื่อ the Standing Tour 2005 (Gama) the Underground Red Cockroach ต่อมาในวันที่ 20 เดือนตุลาคมในปีนั้น เดอะกาเซ็ทก็ได้ปล่อยสมุดภาพเล่มแรกของพวกเขา ในชื่อ Verwelktes Gedicht ซึ่งจะมีแผ่นซีดีเพลง "Kare Uta" (枯詩; Withered Poem) ที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟแถมมากับสมุดภาพของวงอีกด้วย และในวันที่ 7 เดือนธันวาคม ปี พ.ศ.2548 ทางวงก็ได้ปล่อยซิงเกิ้ลแรกภายใต้ชื่อค่าย PS Company อย่าง "Cassis"และได้ไปถ่ายทำวิดีโอโปรโมทเพลงนี้ถึงที่ประเทศออสเตรียเลยทีเดียว ซึ่งต่อมาในช่วงปลายปี วันที่ 11 เดือนธันวาคม เดอะ กาเซ็ท ก็ได้ไปแสดงในงาน Peace and Smile Carnival 2005 Tour ร่วมกันวงอื่นๆภายในสังกัดของ PS Company เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 5 ปีของค่าย

โลโก้ของ เดอะ กาเซ็ท

ในปี พ.ศ.2549 ชื่อของวงที่แต่เดิมเคยเขียนเป็นแบบอักษรภาษาญี่ปุ่นก็ได้เปลี่ยนมาเป็นการถอดอักษรแบบโรมันแทน และแล้วในวันที่ 8 เดือนกุมภาพันธ์ ทาง เดอะ กาเซ็ท ก็ได้ปล่อยสตูดิโออัลบั้มลำดับที่สองในชื่อ Nil ออกมา ไม่นานจากนั้นพวกเขาก็ได้เริ่มออกทัวร์ครั้งใหม่ในประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ Standing Tour 2006 Nameless Liberty Six Guns โดยที่สถานที่จัดการแสดงที่สุดท้ายของทัวร์จัดที่ สนามกีฬาต่อสู้ญี่ปุ่น ต่อมาในเดือนพฤษภาคม พวกเขาได้ปล่อยอัลบั้มรวมผลงานเพลงชิ้นแรกออกมา โดยใช้ชื่อว่า Dainihon Itangeishateki Noumiso Gyaku Kaiten Zekkyou Ongenshuu ซึ่งในอัลบั้มรวมผลงานเพลงครั้งนี้จะประกอบด้วยเพลงที่ถูกปล่อยออกมาตั้งแต่ในช่วงปีพ.ศ.2545 จนถึง 2547 หลังจากนั้นหนึ่งเดือน พวกเขาก็ได้ปล่อยดีวีดรวมวิดีโอประกอบเพลงชุดที่สองออกมา ในชื่อ Film Bug I ต่อมาในเดือนกรกฎาคม เดอะ กาเซ็ท ได้ไปแสดงบนเวทีงาน Beethovenhalleในเมืองบ็อน ประเทศเยอรมันนี ซึ่งก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขามีงานแสดงบนเวทีต่างประเทศ โดยที่คอนเสิร์ตของพวกเขาก็ได้จัดขึ้นร่วมกันกับงานรวมพลคนรักอนิเมะและมังงะของ AnimagiC ด้วย

ต่อมาในเดือนสิงหาคม เดอะ กาเซ็ท ได้จัดงานเทศกาลดนตรี ภายใต้ชื่อ Gazerock Festival in Summer 06 (Burst into a Blaze) ที่ โตเกียว บิ๊กไซท์ เวสท์ฮอลล์ และในเดือนต่อมา ทางวงก็ได้ปล่อยซิงเกิ้ลออกมาสองเพลง อย่าง "Regret" ในวันที่ 25 เดือนตุลาคม และ "Filth in the Beauty" ในวันที่ 1 เดือนพฤศจิกายน เพื่อที่จะโปรโมทซิงเกิ้ลใหม่ทั้งสองเพลง พวกเขาตัดสินใจที่จะเริ่มทัวร์ครั้งใหม่อย่าง Tour 2006-2007 Decomposition Beauty ซึ่งในคราวนี้พวกเขาก็ได้ประกาศสถานที่จัดงานที่สุดท้ายระหว่างออกทัวร์ โดยคราวนี้สถานที่จัดคือ โยโกฮาม่า อารีน่า

พ.ศ.2550-2552: อัลบั้ม Stacked Rubbish และ Dim[แก้]

ในต้นปี พ.ศ.2550 ซิงเกิ้ลอย่าง "Hyena" ก็ได้ถูกปล่อยออกมา โดยที่เพลงอีกเพลงหนึ่งในซิงเกิ้ล "Hyena" (เป็นเพลง B-side คือเพลงที่ไม่ใช่เพลงหลักของซิงเกิ้ล) อย่าง "Chizuru" (千鶴?, A Thousand Cranes) ก็ได้ถูกนำไปใช้ประกอบภาพยนตร์สยองขวัญของประเทศเกาหลี เรื่อง Apartment และแล้วสตูดิโออัลบั้มลำดับที่สามอย่าง Stacked Rubbish ก็ได้ตามออกมาหลังจากนั้นในวันที่ 4 กรกฎาคม โดยที่อัลบั้มนี้สามารถไปติดอยู่อันดับที่ 2 ได้ภายในวันเดียวกันที่ออกจำหน่าย ซึ่งต่อมาก็ได้มีทัวร์คอนเสิร์ตเพื่อเป็นการโปรโมตอัลบั้มในระยะยาว ภายใต้ชื่อ Tour 2007-2008 Stacked Rubbish (Pulse Wriggling to Black) โดยที่เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ในปีพ.ศ.2550 ไปจนถึงเดือนเมษายนของปีถัดไป ในระหว่างการทัวร์ช่วงเดือนตุลาคม เดอะ กาเซท ก็ได้ออกทัวร์ไปที่กลุ่มประเทศยุโรปเป็นครั้งแรก โดยพวกเขาได้ไปแสดงที่ ประเทศอังกฤษ ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมันนี ในวันที่ 19 และ 20 เดือนเมษายน ปีพ.ศ.2551 สถานที่จัดแสดงที่สุดท้ายของทัวร์ครั้งนี้คือ สนามกีฬาในร่มแห่งชาติโยโยงิ

ในช่วงต้นปี พ.ศ.2551 เดอะ กาเซ็ท ได้ร่วมมือกับทาง GemCery ในการเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาและโปรโมทสินค้าของจิวเวอรี่ โดยในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พวกเขาก็ได้ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่อย่าง "Guren" (紅蓮?, Crimson Lotus) ซึ่งก็สามารถขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 3 ใน Oricon Charts ได้ในเวลาไม่นาน

จากนั้นในวันที่ 6 เดือนสิงหาคม ดีวีดีบันทึกการแสดงสดของพวกเขาอย่าง Stacked Rubbish Grand Finale (Repeated Countless Error) ก็ได้ออกวางจำหน่าย

และต่อมาซิงเกิ้ล "Leech" ก็ได้ถูกปล่อยออกมาในวันที่ 12 พฤศจิกายน โดยซิงเกิ้ลนี้ก็สามารถขึ้นไปอยู่บนอันดับ 2 ของ Oricon Charts ในช่วงเวลานั้นได้เลยทีเดียว

โดยที่ก่อนหน้านั้นวันที่ 14 กรกฎาคม ทางวงก็ได้ไปร่วมแสดงในงาน Music Japan 2008 (เป็นรายการทีวี ทางช่อง NHK) ซึ่งก็มีวงอื่นๆ เช่น Alice Nine, Plastic Tree, LM.C and Muccมาร่วมในงานด้วย

และย้อนกลับไปวันที่ 23 สิงหาคม เดอะ กาเซ็ทได้จัดงานเทศกาลดนตรี ในชื่อ Gazerock Festival in Summer 08 (Burst into a Blaze) ที่ ฟูจิคิว โคนิเฟอร์ฟอเรสท์

ตลอดช่วงเดือนตุลาคม เดอะ กาเซ็ท ก็ได้ไปทัวร์อีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้เป็นแฟนคลับทัวร์ ที่จัดขึ้นภายใต้ชื่อ Standing Live Tour 08 (From the Distorted City) ซึ่งชื่อดังกล่าวอ้างอิงมาจากเพลง "Distorted Daytime" จากซิงเกิ้ล "Leech" โดยเปรียบเมืองโตเกียวดั่ง 'เมืองที่บิดเบี้ยว' (Distorted City) ซึ่งคำดังกล่าวพยายามจะสื่อถึงสภาพสังคมเลวร้ายและวิกฤตการณ์ทางกฎหมายที่ครอบงำประเทศญี่ปุ่นอยู่ ณ ขณะนั้น

ในวันที่ 15 เดือนพฤศิจกายน ของปี พ.ศ. 2551 นั้น เดอะ กาเซ็ท ได้จัดโชว์ลับๆครั้งแรกของพวกเขาขึ้นที่ สถานี ชินจูกุ โดยที่ตอนแรกคาดว่าจะมีผู้เข้าชมประมาณ 250 คน แต่กลับกลายเป็นว่ามึจำนวนมากถึง 7,000 กว่าคนที่เข้าร่วมในครั้งนี้ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดที่เคยมีมาของวง แต่ด้วยจำนวนผู้คนที่มากมายตามท้องถนนบริเวณนั้น ทำให้การแสดงต้องหยุดลงอย่างกระทันหันหลังเล่นไปได้แค่สองเพลง

การแสดงของ เดอะ กาเซ็ท ใน โตเกียว เมื่อปี พ.ศ.2551

ในวันที่ 3 เดือนมกราคม พ.ศ.2552 เดอะ กาเซ็ทได้ไปร่วมแสดงในงาน Peace and Smile Carnival 2009 Tour ที่จัดขึ้นที่ นิปปง บูโดกัง ซึ่งทัวร์ครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของค่าย โดยภายในงานก็ยังมีวงอีกหลายวงภายใต้สังกัด PS Company มาร่วมกันแสดงเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองด้วย ภายในงานครั้งนี้ เดอะ กาเซ็ท ได้ประกาศว่าพวกเขาจะปปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ที่มีชื่อว่า Distress and Comaในวันที่ 25 เดือนพฤษภาคม ซึ่งก่อนหน้านั้นก็จะมีการแสดงเฉลิมฉลองครบรอบ 7 ปีของวงอย่าง Live 09 (7-Seven-) ที่ Makuhari Messe

ต่อมาทางวงได้ปล่อยสตูดิโออัลบั้มอย่าง Dim ในวันที่ 15 กรกฎาคม ในปีพ.ศ.2552 ภายในเดือนเดียวกันหลังจากปล่อยอัลบั้มใหม่พวกเขาก็ได้เริ่มจัดทัวร์คอนเสิร์ตไปทั่วญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อน โดยจุดหมายปลายทางในครั้งนี้คือ ไซตามะ ซูเปอร์อารีน่า ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 เดือนกันยายนของปีนั้น และต่อมาในวันที่ 7 เดือนตุลาคม ซิงเกิ้ลใหม่อย่าง "Before I Decay" ก็ได้ถูกปล่อยออกมา ซึ่งหลังจากนั้น วันที่ 24 เดือนคุลาคม เดอะ กาเซท ก็ได้ไปแสดงบนเวทีที่ V Rock Festival 2009 ที่ได้จัดขึ้นที่ Makuhari Messe

ในเดือนธันวาคม เดอะ กาเซ็ท ก็ได้จัดงานแสดงสดขึ้นในวันคริสมาสต์อีฟ เพื่อเป็นการส่งท้ายปี ภายใต้ชื่อ Live 09 (A Hymn of the Crucifixion) ซึ่งจัดขึ้นที่ โตเกียว บิ๊กไซท์

พ.ศ.2553-2554: สัญลักษณ์ที่เปลี่ยนไป และ อัลบั้ม Toxic[แก้]

เมื่อวันที่ 17 เดือนมีนาคม พ.ศ.2553 ทางวงได้เริ่มทัวร์ในชื่อ Standing Live Tour 10 (The End of Stillness) หลังจากทัวร์ทางวงก็ได้ประกาศซิงเกิ้ลและทัวร์รูปแบบสดครั้งใหม่อย่าง Tour 10 Nameless Liberty Six Bullets ที่จะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม โดยในทัวร์นี้จะจัดเป็นเวลา 2 วันต่อกันที่ นิปปง บูโดกัง โดยที่ในขณะนั้นเองทางวงก็ได้ประกาศที่จะย้ายจากค่าย King Records มายัง Sony Music Records และเพลงอย่าง "Shiver" ก็เป็นเพลงแรกของเดอะ กาเซ็ทที่ปล่อยออกมาหลังจากที่ย้ายไปอยู่กับ Sony Music Records โดยที่เพลงนี้ได้ถูกเลือกไปเป็นเพลงสำหรับเปิดเรื่อง(OP) Kuroshitsuji II (Black Butler) อีกด้วย และในวันที่ 4 เดือนสิงหาคมปีนั้น พวกเขาก็ได้ออกดีวีดีรวมวิดีโอประกอบเพลงของพวกเขาในชื่อ Film Bug II ซึ่งในนั้นก็จะประกอบไปด้วยวิดีโอโปรโมทเพลงจำนวน 10 เพลง ตั้งแต่ "Regret" จนถึง "Before I Decay".

หลังจากที่ปล่อยเพลงอย่าง "Shiver" ทางวงก็ได้ประกาศสถานที่สุดท้ายของ Tour 10 Nameless Liberty Six Bullets ว่าจะจัดขึ้นที่ โตเกียว โดม และก็ได้ประกาศถึงซิงเกิ้ลที่กำลังจะปล่อยใหม่จำนวน 2 เพลงคือ "Red" และ "Pledge"

ในเดือนมีนาคม พ.ศ.2554 ทางวงได้เริ่มทัวร์พิเศษสำหรับแฟนคลับเท่านั้น อย่าง Live Tour 11 (Two Concept Eight Nights -Abyss/Lucy-) และ 9th Birth (Day 9 -Nine-) ที่ Zepp Tokyo ในวันที่ 10 มีนาคมของปีนั้น และต่อมาเมื่อวันที่ 23 เดือนมีนาคม เดอะ กาเซ็ทก็ได้ปล่อยอัลบั้มรวมTraces Best of 2005-2009 และดีวีดีบันทึกการแสดงสดThe Nameless Liberty at 10.12.26 Tokyo Dome ออกมา

แต่เนื่องจากเหตุการณ์ภัยพิบัตอย่างแผ่นดินไหวได้เกิดที่ญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคมในปีนั้นจึงต้องเลื่อนการวางจำหน่ายสินค้าดังกล่าวออกไป และได้ปล่อยออกมาในภายหลังเมื่อวันที่ 6 เมษายนแทน

เมื่อในวันที่ 25 เดือนพฤาภาคม ซิงเกิ้ล "Vortex" ก็ได้ถูกวางจำหน่าย และต่อมาในเดือนกรกฎาคม รุกิ และ อาโออิก็ได้ไปเข้าร่วมในงาน PS Carnival Tour 2011 Summer 7 Days โดยที่รุกิได้เข้าร่วมงานด้วยวงชื่อ "Lu/V" ส่วนวงของอาโออิมีชื่อ "Aoi with Bon:cra-z" จากนั้นเดอะ กาเซ็ทก็ได้กลับมาแสดงร่วมกันอีกทีในงาน 2011 Summer Sonic festival ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 13 ถึง 14 เดือนสิงหาคม ที่โตเกียว และโอซาก้า และอีกครั้งในงาน Inazuma Rock Festival 2011 ร่วมกับวง TM Revolution

หลังจากนั้น ในวันที่ 31 สิงหาคม เดอะ กาเซ็ทก็ได้ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ของพวกเขา "Remember the Urge" และในวันที่ 5 ตุลาคม พวกเขาก็ได้ปล่อยอัลบั้มใหม่อย่าง Toxic พร้อมทั้งประกาศงานทัวร์ครั้งใหม่ ในชื่อ Live Tour11 Venomous Cell ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 10 ตุลาคม ที่ The International Forum Hall A โตเกียว ในทัวร์ครั้งนี้เองทำให้วงต้องเดินทางไปมากกว่า 27 เมือง และทำการแสดงทั้งหมด 28 ครั้งจนกระทั่งหมดปีพ.ศ.2554 ต่อมาในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2555 ทัวร์ครั้งสุดท้ายก็ได้จัดขึ้นที่ โยโกฮาม่า อารีน่าภายใต้ชื่อ Tour11-12 Venomous Cell -the Finale- Omega และในวันที่ 3 เดือนตุลาคม เดอะ กาเซ็ทก็ได้รับรางวัล "ศิลปินที่มีคนเรียกร้องเข้ามามากที่สุดประจำปี 2010" จาก J-Melo Awards 2011

พ.ศ.2555 : อัลบั้ม Division และ Groan of Diplosomia tour[แก้]

ในคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของ the Venomous Cell tour เดอะ กาเซ็ทประกาศว่าพวกเขาจะจัดคอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 10 ปี ภายใต้ชื่อ Standing Live 2012 10th Anniversary -The Decade- ที่ Mukuhari Messe ในวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2555 และยังได้ประกาศถึงอัลบั้มใหม่ที่จะออกวางจำหน่ายในวันที่ 29 สิงหาคมในปีเดียวกัน อย่าง Division ส่วนในประเทศอังกฤษ และยุโรปในจะวางจำหน่ายวันที่ 1 เดือนตุลาคม ซึ่งจัดจำหน่ายโดย JPU Records ต่อมาก็ได้มีทัวร์ Live Tour12 -Division- Groan of Diplosomia 01 ซึ่งจัดตั้งแต่วันที่ 8 เดือนตุลาคม ไปจนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายนของปีนั้น โดยทีอัลบั้ม Division เองก็ได้ถูกนำไปโปรโมทระหว่างที่ออกทัวร์ด้วย

หลังจากที่เสร็จทัวร์ดังกล่าว พวกเขาก็ได้เริ่มต้นออกทัวร์ครั้งใหม่สำหรับเหล่าแฟนคลับโดยเฉพาะ ในชื่อ Standing Live Tour12 -Heresy Presents- Heterodoxy โดยที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม จนถึง 29 สิงหาคม พ.ศ.2555

ระหว่างนั้น เดอะ กาเซ็ทก็ได้ไปแสดงบนเวทีงาน A-Nation Musicweek 2012 ที่สนามกีฬาแห่งชาติโยโยกิ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม และหลังจากนั้นวันที่ 16 และ 17 กันยายน พวกเขาก็ได้ไปเล่นดนตรีที่ Kishidan Banpaku 2012 ที่จังหวัดชิบะ และในวันที 11 เดือนตุลาคม พวกเขาก็ได้ไปร่วมงานเทศกาลดนตรีที่มีชื่อว่า Rising Sun Rock Festival 2012 ที่เอโซะ

จากนั้นเมื่อวันที่ 9 เดือนมกราคม พ.ศ.2556 เดอะ กาเซ็ทก็ได้ปล่อยดีวีดีบันทึกการแสดงสด 10th Anniversary: The Decade ที่ได้บันทึกบรรยากาศภายในงานไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งคอนเสิร์ตดังกล่าวได้จัไปแล้วเมื่อวันที่ 10 มีนคม พ.ศ.2555 ที่ Makuhari Messe และหลังจากนั้นทางวงก็ได้ประกาศทัวร์ครั้งแรกของปี ในชื่อ Live Tour13 Division Groan of Diplosomia 02 ซึ่งจะจัดวันที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2556 ที่ซัปโปโร ชิมินฮอลล์ และจะจบลงด้วยงาน the Gazette Live Tour12-13 Division Groan of Diplosomia Melt ที่จะจัดขึ้นวันที่ 10 เดือนมีนาคม พ.ศ.2556 ที่ ไซตามะ ซุเปอร์อารีน่า

จากนั้น เดอะ กาเซ็ทก็ได้ไปแสดงบนเวทีงาน Russian rock festival Kubana ที่เมืองอะนาปา ณ บริเวณทะเลดำ โดยที่งานนี้จัดขึ้นมาแล้วเป็นครั้งที่ห้า และงานนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 7 สิงหาคม พ.ศ.2556 โดยที่ในงานมีศิลปินดาวรุ่งจากนานาชาติมากมายเข้ามาร่วม เช่น Die Ärzte, Scooter, the Guano Apes, Bullet For My Valentine, System of a Down เป็นต้น โดยการไปในครั้งนี้เป็นครั้งแรกสำหรับ เดอะ กาเซ็ท ที่ได้ไปเยืยนในรัสเซียและเป็นการไปต่างประเทศครั้งแรกในรอบหลายปีนับตั้งแต่ทัวร์ในยุโรป ในปีพ.ศ.2550 และต่อมาเมื่อวันที่ 24 เดือนกุมภาพันธ์ ในปีนั้น เดอะ กาเซ็ทก็ได้รับรางวัล "ศิลปินที่มีคนเรียกร้องเข้ามามากที่สุดประจำปี 2012" จาก J-Melo Awards 2012 เป็นครั้งที่สอง

พ.ศ.2556-2557: อัลบั้ม Beautiful Deformity และ Magnificent Malformed Box tour[แก้]

หลังจากคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายในงานฉลองครบรอบ 11 ปีของวง เดอะ กาเซ็ทได้ประกาศแผนงานของพวกของในปีนี้ โดยที่พวกเขามีแผนจะวางจำหน่ายดีวีดีบันทึกการแสดงสดจาก Live Tour12-13 Division Final Melt ในวันที่ 26 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2556 จากนั้นไม่นานในเดือนสิงหาคม ทางวงก็ได้ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ในชื่อ "Fadeless" และต่อมาในวันที่ 23 เดือนคุลาคมพวกเขาก็ได้ปล่อยอัลบั้มใหม่ ในชื่อ Beautiful Deformity ออกมา จากนั้นเดอะ กาเซ็ทก็ได้ประกาศทัวร์ครั้งใหม่เพื่อที่จะโปรโมทอัลบั้มและซิงเกิ้ลที่เพิ่งออกมาภายใต้ชื่อ The Gazette Live Tour13 Beautiful Deformity Magnificent Malformed Box โดยที่ทัวร์ครั้งนี้มีตั้งแต่วันที่ 2 พฤศิจกายน ไปจนถึง 28 ธันวาคม พ.ศ.2556

ในช่วงทัวร์ระดับโลกของพวกเขา เดอะ กาเซ็ทก็ได้เดินทางกลับที่ยุโรปอีกครั้งเพื่อไปเล่นคอนเสิร์ต และต่อมาในเดือนกันยายน พวกเขาก็ได้เดินทางไปยังกลุ่มประเทศละติน-อเมริกา จำนวน 4 ประเทศอย่าง เม็กซิโก ชิลี อาร์เจนตินา และบราซิล นอกจากนั้นพวกเขายังได้ไปแสดงที่ฝรั่งเศส 2 ครั้ง เยอรมันนี 2 ครั้ง และ ฟินแลนด์ 1 ครั้งด้วย

ในช่วงปีพ.ศ.2557 เดอะ กาเซ็ทได้ทัวร์ดนตรีที่แบ่งออกเป็นสามตอนโดยใช้ชื่อว่า "Redefinition" เพื่อเป็นการรำลึกถึงเพลงจากอัลบั้มในอดีตของพวกเขาและในงานครั้งนี้จำกัดเฉพาะคนที่เป็นสมาชิก Heresy เท่านั้น ต่อมาในเดือนมีนาคม พวกเขาจัดแสดงคอนเสิร์ตภายใต้ทัวร์ดังกล่าวอย่าง Disorder and NIL ("Nameless Liberty Disorder Heaven") จากนั้นในเดือนกรกฎาคมก็เป็นตอนที่สองของทัวร์อย่าง Stacked Rubbish and DIM ("Pulse Wriggling to Dim Scene") และตอนสุดท้ายในเดือนพฤศจิกายนอย่าง "Groan of Venomous Cell" ซึ่งมีเพลงจากอัลบั้ม Toxic และ Division โดยที่ทัวร์ในครั้งเริ่มต้นขึ้นในวันที่ครบรอบ 12 ปีของวงพอดี เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้ลงมือลงแรงทำงานร่วมกันจนประสบความสำเร็จได้มามากกว่า 1 ทศวรรษแล้ว โดยที่เพิ่งแสดงจบโชว์แรกไปในงาน "Groan of Venomous Cell" รุกิก็ได้ออกมาบอกว่าทัวร์ทั้งสามตอนจะถูกรวมเอาไว้และจัดจำหน่ายในรูปแบบดีวีดีบ๊อกซ์ ในชื่อ "STANDING LIVE TOUR14 HERESY LIMITED — 再 定 義 — COMPLETE BOX" ซึ่งจะออกวาง ณ วันที่ 11 เดือนมีนาคม พ.ศ.2558

และเมื่อวันที่ 24 เดือนธันวาคม พ.ศ.2559 ทาง Sony ก็ได้ปล่อย Film Bug lll ซึ่งในในก็มีวิดีโอประกอบเพลง "To Dazzling Darkness" ของเดอะ กาเซ็ทรวมไว้อยู่ด้วย

พ.ศ.2558–2559: ฉลองครบรอบ 13 ปีของวง และ โปรเจกต์: Dark Age[แก้]

ในวันที่ 10 เดือนมีนาคม พ.ศ.2558 เดอะ กาเซ็ท ได้จัดงานฉลองครบรอบ 13 ปี ที่สนามกีฬาต่อสู้ญี่ปุ่น ภายในงานครั้งนี้พวกเขาได้จัดนิทรรศการพิเศษซึ่งจะแบ่งพื้นที่แสดงนิทรรศการออกเป็นหลายๆส่วน คือ พื้นที่จัดแสดงเครื่องดนตรี(จำลอง)ของสมาชิกภายในวง พื้นที่แสดงอัตประวัติของวง และพื้นที่สำหรับให้เหล่าแฟนคลับเขียนข้อความส่งถึงศิลปิน โดยที่งานนิทรรศการครั้งนี้จัดขึ้นสำหรับทุกคนซึ่งรวมถึงเหล่าแฟนคลับหลายๆคนที่ไม่ได้มาร่วมในงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วย

การแสดงของ เดอะ กาเซ็ท PlayStation Theatre เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2016

หลังจากงานฉลองครบรอบ 13 ปีของวงจบลง เดอะ กาเซ็ท ก็ได้ประกาศธีมในปีนี้อย่าง "Project: Dark Age" โดยที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด 13 ขั้นตอนและทั้งหมดจะมีความเกี่ยวเนื่องกัน (Musical Cycle) โดยที่ทั้งหมดนี้จะมีบทนำจองเรื่องราวและฉากจบสุดท้ายอันยิ่งใหญ่

โดยที่ขั้นแรก คือ อัลบั้มอย่าง Dogma

ขั้นที่สอง คือ ทัวร์โปรโมทอัลบั้ม โดยใช้ชื่อว่า "Dogmatic -Un-"

ขั้นที่สาม คือการออกซิงเกิ้ลอย่าง Ugly ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 เดือนพฤศจิกายนในปีนั้น

ขั้นที่สี่ คือ ทัวร์ที่ใช้ชื่อว่า "Dogmatic -Due-" ซึ่งจัดตั้งแต่วันที่ 1 เดือนธันวาคมในปีนั้นไปจนถึงวันที่ 24 เดือนมกราคม พ.ศ.2559

ขั้นที่ห้า คือ DOGMATIC tour final ที่เผยตอนช่วงท้ายเดือนธันวาคมของปี ซึ่งจัดขึ้นที่ สนามกีฬาในร่มแห่งชาติโยโยงิ เมื่อวันที่ 28 เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2559

ในขั้นที่หกนั้นก็ถูกเปิดเผยมาพร้อมกัน คือ ซิงเกิ้ล Undying ซึ่งวางจำหน่ายเมื่อ 27 เดือนเมษายน พ.ศ. 2559

เนื่องจากการจัดทัวร์ "Dogmatic" เดอะ กาเซ็ทจึงได้เดินทางไปที่ สหรัฐอเมริกาและแคนาดา เป็นครั้งแรกของอาชีพนักดนตรีเพื่อการแสดงสดบนเวที จึงถือว่าครั้งนี้คือขั้นที่เจ็ดของโปรเจกต์

หลังจากนั้นวงก็ได้เดินทางไปทัวร์ที่ ไต้หวันและจีน (นับเป็นขั้นที่แปด) และที่ ฝรั่งเศส เยอรมันนี ฟินแลยด์ และรัสเซีย (นับเป็นขั้นที่เก้า)

ขั้นที่สิบ คือ การประกาศว่าจะมีการวางจำหน่ายดีวีดีบันทึการแสดงสดของ "Dogmatic -Final-" และในขั้นที่ 11 คือการประกาศหลังจากนั้นเกี่ยวกับทัวร์ที่จะจัดขึ้นที่ญี่ปุ่น ในชื่อ "Dogmatic -Another Fate-"

และเดือนพฤศจิกายน เดอะ กาเซ็ท ได้ไปขึ้นแสดงที่ Knotfest Japan เป็นงานสุดท้ายของปี พ.ศ.2559

พ.ศ.2561-2562: อัลบั้ม Ninth และ การแยกตัวออกจาก PS Company[แก้]

เดอะ กาเซ็ท ได้ปล่อยสตูดิโออัลบั้มลำดับที่เก้าอย่าง Ninth ออกมาเมื่อวันที่ 13 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2561 เพื่อให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นจึงได้มีวิดีโอประกอบเพลงเพื่อเป็นบทนำเข้าสู่เพลงในอัลบั้มอย่าง "Falling" และได้นำวิดีโอดังกล่าวลงไว้ที่เว็บทางการ (Official) ของวงเมื่อวันที่ 10 มีนาคมในปีนั้น ทั้งนี้เพื่อเป็นเครื่องย้ำเตือนว่า เดอะ กาเซ็ท ได้ครบรอบ 16 ปีนับตั้งแต่วันตั้งวงมาแล้ว และเมื่อมีการปล่อยอัลบั้มนี้ผ่านการดาวน์โหลด อัลบั้ม Ninth สามารถขึ้นไปอยู่บนอันดับหนึ่งของ iTunes rock charts ในประเทศ เบลารุส ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส ฮังการี โปแลนด์ ตุรกี และ สวีเดน และยังสามารถขึ้นไปอยู่ในสิบอันดับในประเทศ บัลแกเรีย เยอรมันี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส รัสเซีย สโลวาเกีย และ สเปน

เมื่อวันที่ 29 เดือนมิถุนายนในปีนั้น เดอะ กาเซ็ท ได้ประกาศว่าพวกเขาได้ตั้งบริษัทอิสระของพวกเขาขึ้นในชื่อ "HERESY Inc." และได้แยกตัวออกจาก PS COMPANY Co. Ltd.

ต่อมาในวันที่ 19 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2561 ได้มีการเริ่มเฟสแรกของ Ninth Tours โดยใช้ชื่อว่า (LIVE TOUR 18-19 PHASE #01: PHENOMENON) โดยจัดขึ้นในที่แห่งหนึ่งซึ่งใหญ่ขนาดใหญ่เท่ากับห้องประชุม ซึ่งได้จบลงไปแล้วเมื่อวันที่ 4 เดือนกันยายน พ.ศ.2561

ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2019 ทัวร์เฟสที่สองก็ได้เริ่มต้นขึ้น ในชื่อ(LIVE TOUR 18-19 THE NINTH PHASE #02: ENHANCEMENT) โดยจัดขึ้นในที่แห่งหนึ่งซึ่งมีขนาดกลาง ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจบลงไปแล้วเมื่อวันที่ 11 เดือนธันวาคมในปลายปีนั้น โดยที่ในงานพวกเขาก็ได้มีการประกาศถึงทัวร์เฟสที่สี่ที่จะตามมาในภายหลัง

จากที่มีการประกาศในงานทัวร์เฟสที่สอง WORLD TOUR 19 THE NINTH PHASE #04 -99.999- จะเริ่มจัดขึ้นในเดือนเมษายน พ.ศ.2562 ซึ่งทัวร์ครั้งนี้ยังครอบคลุมไปถึงประเทศ สหรัฐอเมริกา แคนนาดา เม็กซิโก อาร์เจนตินา ชิลี บราซิล อังกฤษ (สหราชอาณาจักร) ฝรั่งเศส เยอรมันนี และ รัสเซีย

โดยที่ก่อนหน้านั้นก็ได้มีงานทัวร์ในเฟสที่สาม (LIVE TOUR 18-19 THE NINTH PHASE #03: 激情は獰猛~GEKIJOU WA DOUMOU~) ขึ้น ซึ่งในคราวนี้จัดขึ้นใน smaller venues เพื่อที่จะได้มีความใกล้ชิดกับเหล่าแฟนคลับมากขึ้น จากที่พวกเขาพยายามจัดงานในพื้นที่ที่เล็กลงตั้งแต่ในเฟสแรกของงานจนถึงคราวก่อน แท้จริงแล้วพวกเขาเตรียมที่จะจัดงานแสดงสดพิเศษสำหรับเหล่าแฟนคลับที่เป็นสมาชิกโดยเฉพาะขึ้น โดยมีการจัดไปแล้วเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ.2562

ในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2562 ก็ได้เป็นการเริ่มต้นทัวร์ระดับโลกของพวกเขา โดยที่ในทัวร์ครั้งนี้จัดขึ้นใน 13 เมืองของ 10 ประเทศ ใน 3 ทวีปอย่าง สหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ซึ่งสถานที่แรกที่พวกเขาไปคือ ลอส แองเจเลส ในประเทศสหรัฐอเมริกาและเป็นการกลับไปเยือนครั้งแรกในรอบ 3 ปี จากนั้นก็เป็นที่ในเมืองลอนดอน ณ สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นเมืองที่ตั๋วนั้นสามารถถูกขายได้หมด และยังเป็นการกลับไปครั้งแรกในรอบ 12 ปีด้วย ทัวร์ครั้งนี้จบลงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2562 ที่ประเทศไต้หวันซึ่งเป็นการทัวร์ครั้งที่สองของทัวร์ครั้งนี้

วันที่ 10 เดือนสิงหาคม พ.ศ.2562 เดอะ กาเซ็ทได้ไปแสดงบนเวทีงาน Rock In Japan Festival 2019 ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน (วงของพวกเขาไปเล่นงานนี้ติดกันนับตั้งแต่ปี 2017 ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว)

และเมื่อวันที่ 15 เดือนสิงหาคม พ.ศ.2562 เดอะ กาเซ็ทก็ได้สานต่อทัวร์ของพวกเขาในเฟสที่ห้าภายใต้ชื่อ LIVE TOUR18-19 THE NINTH PHASE #05: 混血 โดยจัดขึ้นที่ Yokosuka Arts Theatre ในงานครั้งนี้บัตรถูกขายหมดในเวลาไม่นานเนื่องจากเหล่าแฟนคลับต่างรอคอยการกลับมาของพวกเขา และเพราะในครั้งนี้เพลงที่พวกเขานำมาเล่นก็มีทั้งเพลงเก่าที่ชวนคิดถึงและเพลงใหม่จากอัลบั้มล่าสุดด้วย อีกทั้งนี่ยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับทัวร์สุดท้ายของปีด้วย

ในวันที่ 23 เดือนกันยายนในปีเดียวกัน เดอะ กาเซ็ทได้เปลี่ยนการแต่งตัวและการแต่งหน้าทำผมของพวกเขาใหม่เพื่อทัวร์ครั้งสุดท้ายของปี และก่อนหน้านี้ในวันที่ 7 ของเดือนนั้นพวกเขาได้ประกาศที่จะจับมือกับทางโยโกฮาม่าในโปรเจกต์ (the GazettE × Yokohama Collaboration Project) โดยที่จะมีการทำตั๋ววันลายพิเศษสำหรับสายรถไฟที่วิ่งอยู่ในเมืองโยโกฮาม่า(สายมินาโตมิไร) มีร้านอาหารที่ตกแต่งในรูปแบบย่านคนจีน(ไชน่าทาวน์) และกิจกรรมรวบรวมแสตมป์พร้อมของรางวัลอีกมากมาย โดยที่กิจกรรมนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 เดือนกันยายน ไปจนถึงวันที่ 23 ของเดือนเป็นวันสุดท้าย

สมาชิกวง[แก้]

ในปัจจุบัน

  • รุกิ (ルキ) - นักร้องนำ,เล่นกีตาร์บางครั้ง (พ.ศ.2545- ปัจจุบัน)
  • อุรุฮะ (麗) - ลีดกีตาร์ (พ.ศ.2545- ปัจจุบัน)
  • อาโออิ (葵) - ริทึ่มกีตาร์, กีตาร์อะคูสติก, ร้อง (2002- ปัจจุบัน)
  • เรอิตะ (れいた) - เบส (2002– ปัจจุบัน)
  • ไค (戒) - กลองเพอร์คัชชัน, นักร้องสนับสนุน, หัวหน้าวง (2546- ปัจจุบัน)

อดีต

  • Yune ยูเนะ (由寧) - มือกลอง (2545-2546)

รายชื่อเพลงของวง[แก้]

ผลงานเพลงของเดอะ กาเซ็ท
สตูดิโออัลบั้ม9
อัลบั้มรวมเพลง3
อัลบั้มวิดีโอ39+
อีพี6
ซิงเกิล24
สตูดิโออัลบั้ม (Studio albums)
ชื่ออัลบั้ม วันวางจำหน่าย ภายใต้ชื่อค่าย อันดับ ใน Oricon Charts อันดับใน TWN
Combo Charts
Disorder 13 ตุลาคม 2547 PS Company 19 -
Nil 8 กุมภาพันธ์ 2549 King Records / JPU Records 4 17
Stacked Rubbish 4 กรกฎาคม 2550 King Records / JPU Records 3 16
Dim 15 กรกฎาคม 2552 King Records / JPU Records 5 11
Toxic 5 ตุลาคม 2554 Sony Music / JPU Records 6 -
Division 29 สิงหาคม 2555 Sony Music / JPU Records 4 -
Beautiful Deformity 23 ตุลาคม 2558 Sony Music / JPU Records 8 -
Dogma 26 สิงหาคม 2558 Sony Music / JPU Records 3 -
Ninth 13 มิถุนายน 2561 Sony Music / JPU Records 3 -
อีพี (EP: Extended Play records)
ชื่อ วันวางจำหน่าย ภายใต้ชื่อค่าย ลำดับใน Oricon Charts
Cockayne Soup May 28, 2003 PS Company 99
Akuyuukai (悪友會 ~あくゆうかい~; Meeting Bad Company) June 25, 2003 PS Company 100
Spermargarita (スペルマルガリィタ) July 30, 2003 PS Company 78
Hankou Seimeibun (犯行声明文; Letter of Responsibility) October 1, 2003 PS Company 62
Madara (斑蠡 ~MADARA~) March 30, 2004 PS Company 38
Gama (蝦蟇 (がま); Toad) August 3, 2005 PS Company 24
ซิงเกิ้ล (Singles)
ชื่อซิงเกิ้ล วันวางจำหน่าย ภายใต้ชื่อค่าย ลำดับใน Oricon Charts
Wakaremichi (別れ道; Crossroads) April 30, 2002 Matina
Kichiku Kyoushi (32sai Dokushin) no Nousatsu Kouza August 30, 2002 Matina
Gozen 0-ji no Trauma Radio November 1, 2003 Matina 273
Zakurogata no Yuuutsu (ザクロ型の憂鬱; Pomegranate Shaped Melancholy) July 28, 2004 PS Company 23
Zetsu (舐~zetsu~; Lick) July 28, 2004 PS Company 24
Miseinen (未成年; Minor) July 28, 2004 PS Company 25
Dainippon Itangeishateki Noumiso Chuzuri Zecchou Zekkei Ongenshuu July 28, 2004 PS Company 102
reila March 9, 2005 PS Company / JPU Records 8
Cassis December 7, 2005 King Records / JPU Records 6
Regret October 25, 2006 King Records / JPU Records 9
Filth in the beauty November 1, 2006 King Records / JPU Records 5
Hyena February 7, 2007 King Records / JPU Records 4
Guren (紅蓮; Crimson Lotus) February 13, 2008 King Records / JPU Records 3
Leech November 12, 2008 King Records / JPU Records 2
Distress and Coma March 25, 2009 King Records / JPU Records 3
Before I Decay October 7, 2009 King Records / JPU Records 2
Shiver July 21, 2010 Sony Music 2
Red September 22, 2010 Sony Music 6
Pledge December 15, 2010 Sony Music 2
Vortex May 25, 2011 Sony Music 5
Remember the Urge August 31, 2011 Sony Music 6
Fadeless August 21, 2013 Sony Music / JPU Records 4
Ugly November 18, 2015 Sony Music / JPU Records 16
Undying April 27, 2016 Sony Music / JPU Records 10
อัลบั้มรวม (Compilation albums)
ชื่ออัลบั้มรวม วันวางจำหน่าย ภายใต้ชื่อค่าย ลำดับใน Oricon Charts TWN

AST ASIA
Dainihon Itangeishateki Noumiso Gyaku Kaiten Zekkyou Ongenshuu May 3, 2006 King Records 34
Best Album Traces Best of 2005 - 2009 April 6, 2011 King Records / JPU Records 19
Traces Vol.2 March 8, 2017 Sony Music / JPU Records 8 1
อัลบั้มรวมศิลปิน (Compilations)
  • Yougenkyou (妖幻鏡, Moon) (December 25, 2002, Eternal)
    • (ในเพลง "Okuribi" (おくり火))
  • Kaleidoscope (May 1, 2003, PS Company)
    • (ในเพลง "Back Drop Junkie [Nancy]" and "Akai One Piece" (赤いワンピース))
  • Hanamuke & Gazette Live (男尻ツアーファイナル) (May 6, 2003, PS Company)
    • (ในเพลง "Machibouke no Kouen de" (待ちぼうけの公園))
  • Japanesque Rock Collectionz (July 28, 2004)
    • (ในเพลง "Okuribi" (おくり火))
  • Rock Nippon Shouji Nori ko Selection (ロックNIPPON 東海林のり子セレクション) (January 24, 2007)
    • (ในเพลง "Cassis")
  • Fuck the Border Line (Tribute for Kuroyume) (February 16, 2011, Avex Trax)
    • (ในเพลง "C.Y.Head")
  • Under Cover II (Tribute to TM Revolution) (February 27, 2013)
    • (ในเพลง "Shakin' Love")
หนังสือ (ฺBooks)
  • "Verwelktes Gedicht" Photobook (October 20, 2005, PS Company)
    • (มีเพลง "Kare Uta"(枯詩; Withered Poem))
  • "Nil Band Score" Book (April 28, 2006, King Records)
  • "Dainippon Itan Geisha-teki Noumiso Gyaku Kaiten Zekkyou Ongen Shuu Band Score" Book (March 13, 2007, King Records)
  • "Stacked Rubbish Band Score" Book (March 1, 2008, King Records)
  • "Dim Band Score" Book (September 14, 2009, King Records)
  • "Traces Best of 2005-2009 Band Score" Book (October 1, 2012, King Records)
  • "Toxic Band Score" Book (October 1, 2012, Sony Music Entertainment Japan)
  • "Division Band Score" Book (February 3, 2013, Sony Music Entertainment Japan)
  • "Beautiful Deformity Band Score" Book (December 28, 2013, Sony Music Entertainment Japan)
  • "the GazettE World Tour 13 39395Mile" Photobook (March 10, 2014, PS Company)
อื่นๆ (Other Releases)
  • "Doro Darake no Seishun" (泥だらけの青春。; เยาวชนที่มีหลังคาคลุมโคลน ) (8 ตุลาคม 2546)
  • "Juuyon sai no Knife" (十四歳のナイフ; มีดอายุ สิบสี่ปี ) (11 กันยายน 2004, King Records)
  • "Chigire" (チギレ; ฉีกขาด ) (10 สิงหาคม 2548, King Records)

รายชื่อสื่อรูปแบบวิดีโอของวง[แก้]

ดีวีดีบันทึกการแสดงสดสด (Live DVD)
ชื่อบันทึกการแสดง วันวางจำหน่าย ภายใต้ชื่อคค่าย ลำดับ บน Charts
Matina Sai Shusho -Final Prelude- (Various artists) April 10, 2003 Matina
Tokyo Saiban -Judgment Day- (東京裁判〜JUDGMENT DAY〜) April 28, 2004 PS Company 33
Madara (斑蠡〜MADARA〜) May 26, 2004 PS Company 54
Heisei Banka (平成挽歌) August 25, 2004 PS Company 45
Standing Tour 2005 Final [M.R.D] at 2005.4.17 Shibuya Kokaido Live (渋谷公会堂) July 6, 2005 PS Company 25
Standing Live Tour 2006 [Nameless Liberty.Six Guns...] Tour Final at Nippon Budokan (日本武道館) September 6, 2006 King Records 9
Tour 2006-2007 [Decomposition Beauty] Final Meaningless Art That People Showed at Yokohama Arena June 13, 2007 King Records 5
Tour 2007-2008 Stacked Rubbish Grand Finale [Repeated Countless Error] in Yoyogi National Gymnasium August 6, 2008 King Records 3
Peace & Smile Carnival Tour 2005 (~笑顔でファッキュー~) December 24, 2008 King Records 83
Peace & Smile Carnival Tour 2009 at Nippon Budokan (日本武道館) April 15, 2009 King Records 7
Tour09 -Dim Scene- Final at Saitama Super Arena December 16, 2009 King Records 13
The Nameless Liberty 10.12.26 at Tokyo Dome April 6, 2011 Sony Music 10
Tour11-12 Venomous Cell Finale Omega Live at 01.14 Yokohama Arena May 9, 2012 Sony Music 1
The Gazette 10th Anniversary The Decade at 03.10 Makuhari Messe January 9, 2013 Sony Music 4
Live Tour 12-13 [Division] Final Melt Live at 03.10 Saitama Super Arena June 26, 2013 Sony Music 10
The Gazette World Tour 13 Documentary February 26, 2014 Sony Music 6
Live Tour 13-14 [Magnificent Malformed Box] Final Coda Live at 01.11 Yokohama Arena May 21, 2014 Sony Music 3
Standing Live Tour 14 HERESY LIMITED- 再 定 義 -Complete Box March 11, 2015 Sony Music 34
the GazettE LIVE TOUR 15-16 DOGMATIC FINAL -漆黒- LIVE AT 02.28 国立代々木競技場第一体育館(初回生産限定盤) November 21, 2016 Sony Music 2
The Gazette World Tour 16 Documentary Dogmatic -Trois- January 25, 2017 Sony Music 25
HALLOWEEN NIGHT 17 THE DARK HORROR SHOW SPOOKY BOX 2 アビス -ABYSS- LUCY -ルーシー- LIVE AT 10.30 AND 10.31 TOYOSU PIT TOKYO February 28, 2018 Sony Music 10
แผ่นซีดีรวบรวมเพลงโปรโมท (PV Compilation)
ชื่อแผ่นซีดี วันวางจำหน่าย ภายใต้ชื่อค่าย ลำดับ บน Charts
Film Bug I June 7, 2006 King Records 10
Film Bug II August 4, 2010 King Records 7
Film Bug III December 24, 2014 Sony Music 25
ม้วนวิดีโอเทป (VHS : Video Home System)
  • Sentimental Video (センチメンタルビデオ) (April 30, 2002)
  • Shichoukaku Shitsu (視聴覚 質) (August 30, 2002)
  • Kenka Jouto (喧嘩上等) (April 29, 2003)
  • Hyakkiyagyou (百鬼夜行) (October 1, 2003)

[[หมวดหมู่:กลุ่มดนตรีที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2545]] [[หมวดหมู่:บทความที่มีข้อความภาษาญี่ปุ่น]]

  1. "The GazettE at AllMusic"
  2. 2.0 2.1 Daisuke Kikuchi (18 October 2012). "Fans of the GazettE spread news abroad". The Japan Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 December 2013. สืบค้นเมื่อ 11 November 2016.
  3. Eremenko, Alexey. "The Gazette – Stacked Rubbish". AllMusic. All Media Network. สืบค้นเมื่อ 11 December 2015.
  4. the GazettE at Sputnik Music