ศาลสูงสุดอินเดีย
ศาลสูงสุดอินเดีย Supreme Court of India भारत का उच्चतम न्यायालय | |
---|---|
สถาปนา | 28 มกราคม 1950 |
ที่ตั้ง | ติลกมรรค นิวเดลี |
พิกัด | 28°37′20″N 77°14′23″E / 28.622237°N 77.239584°E |
คติพจน์ | มีธรรมจึงมีชัย यतो धर्मस्ततो जयः Yatō Dharmastatō Jayaḥ Whence Dharma, Thence Victory |
วิธีได้มา | สรรหาโดยฝ่ายบริหาร |
ที่มา | รัฐธรรมนูญอินเดีย |
ยื่นอุทธรณ์ต่อ | ไม่มี (แต่ประธานาธิบดีอินเดียสามารถอภัยโทษ) |
วาระตุลาการ | จนกว่าอายุครบ 65 ปี |
จำนวนตุลาการ | 31 (ประธาน 1 คน ตุลาการอีก 30 คน) |
เว็บไซต์ | sci.nic.in |
ประธานศาลสูงสุดแห่งอินเดีย | |
ปัจจุบัน | พี. สตศิวัม (P. Sathasivam) |
ตั้งแต่ | 19 กรกฎาคม 2013 |
ตำแหน่งผู้นำสิ้นสุด | 26 เมษายน 2014 |
ศาลสูงสุดอินเดีย (อังกฤษ: Supreme Court of India) เป็นศาลชั้นสูงสุดแห่งสาธารณรัฐอินเดีย จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญอินเดีย ภาค 5 หมวด 4 เพื่อแทนที่ศาลกลาง (Federal Court) และคณะกรรมการตุลาการในคณะองคมนตรี (Judicial Committee of the Privy Council) ออกนั่งบัลลังก์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 มกราคม 1950[1]
รัฐธรรมนูญ มาตรา 124 ถึงมาตรา 147 กำหนดองค์ประกอบและเขตอำนาจของศาลไว้ ตามความในบทบัญญัติดังกล่าว ศาลมีอำนาจเบื้องต้นเป็นการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและชำระข้อพิพาททางปกครองเกี่ยวกับรัฐบาลกลาง นอกจากนี้ ศาลยังมีอำนาจชำระอุทธรณ์จากศาลสูง (High Court) และจากศาลอื่น ๆ ในระดับรัฐและระดับดินแดน
ตั้งแต่ปี 1937 ถึงปี 1950 บัลลังก์ของศาลอยู่ที่นเรนทรมณฑล (Chamber of Princes) ในอาคารรัฐสภา ซึ่งเคยใช้เป็นบัลลังก์ศาลกลางแห่งอินเดีย ครั้นปี 1958 จึงย้ายไปยังอาคารใหม่จนปัจจุบัน[1]
ในระยะหลัง โดยเฉพาะในปี 2008 ศาลต้องผจญเรื่องอื้อฉาวจำนวนมาก โดยเฉพาะข้อกล่าวหาว่า ตุลาการชั้นผู้ใหญ่ฉ้อราษฎร์บังหลวง[2] ทั้งยังนำภาษีประชาชนไปใช้ส่วนตัว[3] แต่งตั้งข้าราชการตุลาการโดยวิธีลับ[4] ไม่ยอมเปิดเผยสินทรัพย์ต่อสาธารณชน[5] และไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชนตามความในรัฐบัญญัติสิทธิเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร (Right to Information Act)[6] อนึ่ง เมื่อเค. จี. พลกฤษณัน (K. G. Balakrishnan) ประธานศาล แสดงความคิดเห็นว่า ตนไม่ใช่เจ้าหน้าที่บ้านเมือง แต่เป็นเจ้าหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างใหญ่หลวง[7] ขณะเดียวกัน ฝ่ายตุลาการอินเดียเองถูกประธานาธิบดีหลายคน เช่น ประติภา ปาฏีล (Pratibha Patil) และเอ. พี. เจ. อับดุล กลาม (A. P. J. Abdul Kalam) ตำหนิอย่างหนักว่า ละเลยหน้าที่[8] ทั้งมานโมฮัน ซิงห์ (Manmohan Singh) นายกรัฐมนตรี ก็ระบุว่า ปัญหาหลักของฝ่ายตุลาการ คือ การฉ้อฉลโกงกิน และเสนอแนะให้มีมาตรการเร่งด่วนเพื่อขจัด "ภัยคุกคาม" (menace) เหล่านี้[9]
นอกจากปัญหาข้างต้นแล้ว ศาลยังถูกติเตียนเรื่องทำหน้าที่เชื่องช้า สิ้นปี 2011 ปรากฏสถิติว่า มีคดีที่ชำระไม่เสร็จ 58,519 เรื่อง และในจำนวนนั้น คดี 37,385 เรื่องถูกดองไว้นานกว่า 1 ปี แต่ถ้าไม่นับคดีที่เกี่ยวพันกันแล้ว จะมีคดีค้างอยู่ 33,892 เรื่อง[10]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 History of the Supreme Court of India, Supreme Court of India
- ↑ Ex-chief justice under corruption panel scanner เก็บถาวร 2009-08-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Hindustan Times, New Delhi, 9 June 2008
- ↑ Are judges holidaying at public expense? เก็บถาวร 2013-10-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, May 2008
- ↑ The case of judicial injustice, The Indian Express, 31 March 1999
- ↑ Judges' asset declaration before CJI not for public eye: SC to CIC, The Indian Express, 6 November 2008
- ↑ RTI Act does not apply to my office: CJI เก็บถาวร 2013-11-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, The Times of India, 20 April 2008
- ↑ Is the CJI a public servant? เก็บถาวร 2013-11-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, The Times of India, 22 April 2008
- ↑ Delayed justice leading to lynching mobs: Pratibha เก็บถาวร 2013-01-03 ที่ archive.today, The Times of India, 24 February 2008
- ↑ Manmohan Singh calls for check on corruption in judiciary เก็บถาวร 2018-08-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Thaindian News, 19 April 2008
- ↑ "Supreme Court Quarterly Newsletter - Oct - Dec 2011" (PDF). Supreme Court of India. สืบค้นเมื่อ 18 September 2012.