ราเอ็ล เฮียร์ช
ราเอ็ล เฮียร์ช (เยอรมัน: Rahel Hirsch; 15 กันยายน 1870 – 6 ตุลาคม 1953) เป็นแพทย์ชาวเยอรมันและอาจารย์ประจำวิทยาลัยแพทยศาสตร์ชาริเตในเบอร์ลิน ในปี 1913 เธอกลายมาเป็นสตรีคนแรกในอาณาจักรปรัสเซียที่ได้รับแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์วิชาแพทยศาสตร์[1]
ชีวประวัติ
[แก้]ราเอ็ล เฮียร์ช เกิดเมื่อ 15 กันยายน 1870 ที่เมืองฟรังค์ฟวร์ทอัมไมน์ เป็นหนึ่งในลูกสิบเอ็ดคนของ เมนเดิล เฮียร์ช (1833–1900) ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีประจำชุมชนชาวยิวในฟรังค์ฟวร์ทอัมไมน์ พ่อของเมนเดิลคือ ซัมโซน รัฟฟาเอล เฮียร์ช แรบไบคนสำคัญ
ระหว่างปี 1885 ถึง 1889 ราเอ็ล เฮียร์ช เข้าศึกษาที่วีสบาเดิน และทำงานเป็นครูจนถึงปี 1898 เนื่องในเวลานั้น ไรค์เยอรมันไม่อนุญาตให้สตรีศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ เธอจึงออกเดินทางไปศึกษาต่อแพทยศาสตร์ที่ซือริช ในปี 1899 เธอเดินทางมาศึกษาต่อที่ไลป์ซีก และสตราส์บูร์ก จนจบการศึกษาวุฒิแพทยศาสตร์ในปี 1903
ในปี 1906 เธอเป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกที่สาธิตให้เห็นว่าอนุภาคของแข็งขนาดเล็กกว่า 0.1 มิลลิเมตรสามารถซึมผ่านไตและเข้าวู่ปัสสาวะได้ ก่อนหน้านี้เป็นที่เชื่อกันแค่ว่ามีเพียงของเหลวเท่านั้นที่ผ่านไตได้ เธอถูกเยาะเย้ยที่สภาผู้อำนวยการของชาริเตและงานค้นคว้าของเธอถูกปฏิเสธ กระทั่งปี 1957 เก. โฟล์คไฮเมอร์ (G. Volkheimer) ซึ่งประจำอยู่ที่ชาริเตมาพบผลงานของเธอและนำออกมาตีพิมพ์สู่สาธารณะ และตั้งชื่อให้ว่า "เฮียร์ชเอฟเฟคท์" (Hirsch Effekt)[2]
จากนั้นเธอได้ถูกจ้างทำงานประจำคลินิกแพทย์ระจำมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน ที่ชาริเต เป็นแพทย์เพิ่มพูนทักษะ (intern) เธอถือเป็นสตรีคนที่สองที่ชาริเตจ้าง และทำงานเป็นผู้ช่วยให้กับศาสตราจารย์ด้านสรีรวิทยา ฟรีดริค เคราเซอ (Friedrich Krause)[3] และต่อมาได้ทำงานร่วมดับศัลยแพทย์ เอิร์นสท์ ฟอน แบร์คมันน์ (Ernst von Bergmann) และนักกายวิภาคศาสตร์ วิลเฮล์ม ฟอน วัลเดเยร์-ฮาร์ทซ์ (Wilhelm von Waldeyer-Hartz)[2]
ในปี 1908 เฮียร์ชได้รับการแต่งตั้งเป๋นหัวหน้าพอลีคลินิกประจำคลินิกแพทย์ของชาริเต กระนั้นเธอไม่เคยได้รับว่าจ้างเป็นพนักงานเงินเดือน หลังถูกแทนที่ตำแหน่ง เธอออกจากชาริเตและเปิดคลินิกอายุรกรรมของตนเองในเบอร์ลิน[3] ที่คลินิกเอกชนของเธอ เธอมีอุปกรณ์รังสีเอ็กซ์รวมถึงมีลูกค้าที่รำ่รวยซึ่งช่วยให้เธอสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย[2]
เฮียร์ชได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ในปี 1913 เป็นสตรีคนแรกในปรัสเซียที่ได้ตำแหน่งนี้[3] และในปี 1914 เธอตีพิมพ์ผลการศึกษาชื่อ “อุบัติเหตุและอายุรกรรม” [3]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Fraulein Now Professor. Rachel Hirsch The First Woman Physician To Gain That Title". New York Times. November 16, 1913. สืบค้นเมื่อ 2010-07-19.
Unusual honors have been won by Hirsch, who is the first woman physician in Germany to acquire the coveted title of Professor. ...
- ↑ 2.0 2.1 2.2 Petra, Lindner (27 February 2009). "Rahel Hirsch, 1870-1953". Jewish Women's Archive. สืบค้นเมื่อ 17 April 2020.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 "Rahel Hirsch". Charité. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-06. สืบค้นเมื่อ 2024-03-11.