ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร
ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร | |
---|---|
ใบปิดภาพยนตร์ฉบับภาษาไทย | |
กำกับ | ดั๊ก ลีแมน |
เขียนบท | คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่ เจซ บัตเทอร์เวิร์ธ จอห์น-เฮนรี บัตเทอร์เวิร์ธ |
อำนวยการสร้าง | เออร์วิน สตอฟฟ์ ทอม ลาสซัลลี เจฟฟรี ซิลเวอร์ เกรกอรี จาคอบส์ เจสัน ฮอฟฟ์ส |
นักแสดงนำ | ทอม ครูซ เอมิลี บลันต์ บิลล์ แพกซ์ตัน เบรนแดน กลีสัน |
กำกับภาพ | ดีออน บีบิ |
ตัดต่อ | เจมส์ เฮอร์เบิร์ต ลอรา เจนนิงส์ |
ดนตรีประกอบ | คริสตอฟ เบคก์ |
ผู้จัดจำหน่าย | วอร์เนอร์บราเธอร์สพิกเจอร์ส |
วันฉาย |
|
ความยาว | 113 นาที[1] |
ประเทศ | สหรัฐ[2] |
ภาษา | อังกฤษ |
ทุนสร้าง | 178 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[3] |
ทำเงิน | 370.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[3] |
ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร (อังกฤษ: Edge of Tomorrow) คือ ภาพยนตร์อเมริกันปี พ.ศ. 2557 แนวนิยายวิทยาศาสตร์ทหาร กำกับโดย ดั๊ก ลีแมน นำแสดงโดย ทอม ครูซ และเอมิลี บลันต์ และเขียนบทโดย คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่ เจซ บัตเทอร์เวิร์ธ และจอห์น-เฮนรี บัตเทอร์เวิร์ธ
เนื่อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกดัดแปลงมาจากไลต์โนเวลเรื่อง ออลยูนีดอิสคิล ของฮิโระชิ ซะกุระซะกะ โดยมีฉากหลังเป็นโลกมนุษย์ในปี พ.ศ. 2563 เล่าเรื่องของบิล เคจ (แสดงโดยครูซ) ทหารจากหน่วยประชาสัมพันธ์กองทัพที่ถูกลงโทษให้ไปร่วมรบในสงครามครั้งใหญ่ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ต่างดาวเผ่าที่ชื่อ “มิมิก” ที่มาบุกโลกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 เขาถูกสังหารในสงครามครั้งนั้น แต่ก็กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในวันก่อนหน้าที่จะเกิดสงครามหนึ่งวัน หลังจากนั้น ทุกครั้งที่เขาเสียชีวิตเขาจะกลับมาฟื้นที่เดิมเวลาเดิม และต้องดำเนินชีวิตเช่นเดิม เคจจึงแก้ปัญหาด้วยการร่วมมือกับริตา วราทัสกี (แสดงโดยบรันต์) นักรบหญิงจากหน่วยรบพิเศษ เพื่อหาทางเอาชนะมิมิกและหลุดพ้นจากวังวนดังกล่าว
ภาพยนตร์เรื่องนี้ผลิตโดยบริษัทวอร์เนอร์บราเธอร์ส ร่วมกับบริษัท 3 อาร์ตส์เอนเตอร์เทนเมนต์ บริษัทวิซมีเดีย และบริษัทวิลเลจโรดโชว์ เริ่มถ่ายทำช่วงปลายปี พ.ศ. 2555 ที่ประเทศอังกฤษ เข้าฉายเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2557 ใน 28 ประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร บราซิล เยอรมนี สเปน อินโดนีเซีย ฯลฯ และฉายเมื่อวันที่ 6 มิถุนายนของปีเดียวกันเพิ่มอีก 36 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย จีน รัสเซีย ฯลฯ โดยทำรายได้กว่า 370 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกเป็นส่วนใหญ่
เนื้อเรื่องย่อ
[แก้]ในปี พ.ศ. 2558 มนุษย์ต่างดาวเผ่าที่ถูกเรียกว่า “มิมิก” เดินทางมารุกรานโลกและบุกยึดภาคพื้นทวีปยุโรปเอาไว้ ฝ่ายมนุษย์ได้จัดตั้งกองกำลังพันธมิตรป้องกันโลก (United Defense Force หรือ UDF) เพื่อทำสงครามกับมิมิก ซึ่งได้รับชัยชนะเพียงครั้งเดียวที่สมรภูมิเวอร์ดัน ประเทศฝรั่งเศส
5 ปีต่อมา ในประเทศอังกฤษ พลเอก บริกแฮม (เบรนแดน กลีสัน) ผู้บัญชาการสูงสุดของ UDF สั่งการให้พันตรี วิลเลียม เคจ (ทอม ครูซ) จากหน่วยประชาสัมพันธ์ของกองทัพ ลงสนามรบที่ฝรั่งเศสร่วมกับพลทหารเพื่อบันทึกภาพปฏิบัติการดังกล่าว เคจปฏิเสธเนื่องจากตนไม่ได้ถูกฝึกมาให้ทำงานภาคสนามพร้อมกับข่มขู่ว่าจะป้ายความผิดให้บริกแฮมหากปฏิบัติการครั้งนี้ล้มเหลว เมื่อได้ฟังดังนั้น บริกแฮมจึงสั่งจับกุมและลดยศเคจเป็นพลทหาร และส่งไปปฏิบัติหน้าที่ที่แนวหน้าร่วมกับกองทหารหมู่เจ ภายใต้การบังคับบัญชาของจ่าสิบเอก แฟเรลล์ (บิลล์ แพกซ์ตัน)
หนึ่งวันต่อมา เคจลงสนามรบและพบว่ากองทัพของมนุษย์ถูกมิมิกลอบโจมตีจนพ่ายแพ้ เขาฆ่ามิมิกตัวใหญ่ด้วยระเบิดได้ แรงระเบิดทำให้เลือดของมิมิกตัวนั้นสาดใส่เขา และเขาก็ตายไปพร้อมกันด้วย
ทันทีที่เขาตาย เขากลับตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเช้าวันที่ถูกส่งตัวมายังหมู่เจพร้อมกับความทรงจำที่ได้รับจากสนามรบ เขาพยายามบอกทุกคนให้รู้ชะตากรรมของตัวเองในการรบแต่ไม่มีใครเชื่อ ทำให้เขาต้องร่วมรบแล้วตาย และฟื้นขึ้นมาในวันก่อนหน้าจะเกิดสงครามอีกครั้ง เคจตกอยู่ในวังวนนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนทำให้เขามีทักษะในการรบเพิ่มขึ้นและสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในสนามรบได้อย่างแม่นยำ จนกระทั่งในการรบครั้งหนึ่ง เขาได้พบกับสิบเอกหญิง ริตา วราทัสกี (เอมิลี บลันต์) นักรบที่มีฝีมือและชื่อเสียงจากสมรภูมิเวอร์ดัน เมื่อเธอเห็นการเคลื่อนไหวและวิธีการต่อสู้ของเคจที่ก้าวหน้ากว่าคนอื่น ๆ เธอก็รู้ทันทีว่าเคจกำลังตกอยู่ในวังวนเวลาอย่างที่เธอเคยเป็น เธอจึงบอกเขาให้ไปพบเธอตอนที่ “ตื่น” อีกครั้ง แล้วทั้งคู่ก็เสียชีวิตจากแรงระเบิดในสงคราม
เมื่อเคจฟื้นขึ้น เขาได้ไปพบกับวราทัสกีและแนะนำตัวกับเธออีกครั้ง เธอพาเขาไปพบ ดร. คาร์เตอร์ (โนอาห์ เทย์เลอร์) ผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยาของมิมิก คาร์เตอร์อธิบายให้เคจฟังว่า มิมิกจะทำงานเหมือนผึ้ง โดยหากตัวจ่าฝูงที่เรียกว่า “อัลฟา” ถูกฆ่า ตัวนางพญาที่เรียกว่า “โอเมกา” จะย้อนเวลาชีวิตให้ตัวที่ถูกฆ่ากลับไปหนึ่งวันก่อนหน้านั้นเพื่อสร้างข้อได้เปรียบในการต่อสู้ โดยสาเหตุที่เคจสามารถย้อนเวลาได้เหมือนกับมิมิกที่ถูกฆ่า เป็นเพราะว่าเคจได้รับเลือดของมิมิกตัวที่เขาฆ่าตายในสมรภูมิครั้งแรก เช่นเดียวกันกับวราทัสกีที่เคยมีความสามารถนี้เมื่อครั้งทำสงครามที่สมรภูมิเวอร์ดัน แต่สุดท้ายก็สูญเสียมันไปหลังจากที่เธอถูกถ่ายเลือดหลังได้รับบาดเจ็บ
หลังจากนั้น วราทัสกีได้ฝึกการต่อสู้ให้เคจ แต่เคจมักล้มเหลวในการฝึกจนทำให้วราทัสกีต้องฆ่าเขาเพื่อให้กลับไปเริ่มต้นใหม่อยู่หลายครั้ง ด้วยความผิดหวังจากความล้มเหลวดังกล่าว เขาถอนตัวจากการฝึกและหลบหนีไปยังกรุงลอนดอน แต่ก็พบกับกลุ่มมิมิกที่วางแผนเข้าโจมตีลอนดอนในวันนั้นพอดีจนทำให้เขาเสียชีวิตอีกครั้ง
หลังจากการตายครั้งนั้น เคจเห็นนิมิตว่ามิมิกโอเมกาอาศัยอยู่ในเขื่อนแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมนี (ซึ่งคาร์เตอร์อธิบายสาเหตุที่เกิดนิมิตครั้งนี้ว่า เกิดจากการที่โอเมกาพยายามจะหาตำแหน่งของเคจ) จากเบาะแสดังกล่าว ทำให้เคจและวราทัสกีใช้เวลาในหลาย ๆ ลูปชีวิตของเคจในการหาเส้นทางจากสนามรบไปยังเขื่อนดังกล่าว
ก่อนที่จะถึงเขื่อน วราทัสกีถูกสังหารโดยมิมิก เคจจึงตัดสินใจออกล่าโอเมกาเพียงลำพัง แต่ก็พบว่าการเดินทางไปเขื่อนเป็นเพียงแผนลวงของมิมิกเท่านั้น ที่เขื่อนเขาถูกลอบจอมตีจากมิมิกอัลฟา แต่เขาตัดสินใจฆ่าตัวตายเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้อัลฟาทำลายความสามารถในการย้อนเวลาของเขา
เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง เคจและวราทัสกีตัดสินใจลักลอบเข้าไปในกระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร เพื่อขอเครื่องมือค้นหาตำแหน่งโอเมกาตัวต้นแบบจากบริกแฮม บริกแฮมยอมให้เครื่องมือดังกล่าวกับเคจ แต่ก็สั่งการทหารให้ตามจับกุมทั้งสองไว้ เคจพบว่าโอเมกาอยู่ใต้ฐานพีระมิดลูฟวร์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ก่อนที่เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการจับกุม เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและถูกถ่ายเลือด ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถย้อนเวลาได้อีกต่อไป
เขาได้รับการช่วยเหลือจากวราทัสกีให้ออกจากโรงพยาบาลแห่งนั้น ทั้งสองไปขอความร่วมมือจากทหารในหมู่เจให้ช่วยไปทำลายโอเมกาที่ปารีส ทั้งหมดตอบตกลงและเดินทางไปปารีสพร้อมกัน พวกเขาทำสงครามกับฝูงมิมิกที่นั่นจนทำให้ทหารหลายนายเสียชีวิต และเปิดทางให้เคจกับวราทัสกีสามารถเข้าไปยังฐานที่มั่นของโอเมกาได้ ทั้งสองพบกับอัลฟาตัวหนึ่งที่เข้ามาโจมตี โดยสามารถฆ่าวราทัสกีและทำร้ายเคจจนบาดเจ็บสาหัส แต่ก่อนที่เคจจะเสียชีวิตเขาได้หย่อนสายระเบิดมือไปที่โอเมกาและฆ่ามันได้ในที่สุด
ร่างของเคจจมลงไปยังแหล่งน้ำที่โอเมกาอาศัยอยู่และได้รับเลือดของโอเมกาเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ความสามารถในการย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง เขาย้อนเวลากลับไปในวันที่พบกับบริกแฮมครั้งแรก บริกแฮมประกาศทางโทรทัศน์ว่ามิมิกหยุดการเคลื่อนไหวแล้วหลังจากที่มีพลังงานลึกลับบางอย่างเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันในปารีส ส่วนเคจ ซึ่งได้ยศพันตรีกลับคืนมาอีกครั้ง เดินทางไปพบวราทัสกี ก่อนจะทักทายกันในตอนจบ
นักแสดง
[แก้]- ทอม ครูซ แสดงเป็น พันตรี วิลเลียม “บิลล์” เคจ
- เอมิลี บลันต์ แสดงเป็น สิบเอกหญิง ริตา โรส วราทัสกี
- บิลล์ แพกซ์ตัน แสดงเป็น จ่าสิบเอก แฟเรลล์
- เบรนแดน กลีสัน แสดงเป็น พลเอก บริกแฮม
- คิกค์ เกอร์รี แสดงเป็น กริฟฟ์
- Dragomir Mrsic แสดงเป็น คันต์ซ
- ชาร์ลอตต์ ไรลีย์ แสดงเป็น แนนส์
- โทนี เวย์ แสดงเป็น คิมเมล
- โจนัส อาร์มสตรอง แสดงเป็น สกินเนอร์
- ฟรานซ์ ดราเมห์ แสดงเป็น ฟอร์ด
- มะซะโยะชิ ฮะเนะดะ แสดงเป็น ทะเกะดะ
- โนอาห์ เทย์เลอร์ แสดงเป็น ดร. คาร์เตอร์
การผลิต
[แก้]ภาพยนตร์เรื่องนี้ผลิตโดยบริษัทวอร์เนอร์บราเธอร์สและวิลเลจโรดโชว์พิกเจอร์ส ร่วมกับบริษัทโปรดักชัน 3 อาร์ตส์เอนเตอร์เทนเมนต์และวิซโปรดักชันส์ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 178 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[4]
บทภาพยนตร์
[แก้]บทภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากไลต์โนเวลญี่ปุ่นเรื่อง ออลยูนีดอิสคิล ของฮิโระชิ ซะกุระซะกะ[5] ซึ่งบริษัทวิซมีเดียถือลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนือโดยเริ่มจัดจำหน่ายในปี พ.ศ. 2552 โดยเออร์วิน สตอฟฟ์ เจ้าของบริษัท 3 อาร์ตส์เอนเตอร์เทนเมนต์ สนใจเนื้อเรื่องของไลต์โนเวลเรื่องนี้และขอซื้อลิขสิทธิ์ดังกล่าวมาสร้างเป็นบทภาพยนตร์[6] โดยสตอฟฟ์ได้ว่าจ้างดันเต ฮาร์เปอร์ มาทำหน้าที่ร่างบทภาพยนตร์ร่างแรกเพื่อนำเสนอขายสตูดิโอภาพยนตร์[7] ซึ่งต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ. 2553 บริษัทวอร์เนอร์บราเธอร์สตกลงซื้อลิขสิทธิ์ในร่างดังกล่าวเป็นเงินทั้งสิ้น 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[8] และจ้างดั๊ก ลีแมน เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ในเดือนสิงหาคมของปีเดียวกัน[5]
เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2554 วอร์เนอร์ว่าจ้างโจบี แฮโรลด์ มาเขียนบทร่างที่สอง[9] โดยก่อนการถ่ายทำ 6 เดือน ลีแมนได้พิจารณาตัดทอนบทร่างนี้ออกสองในสามส่วน และให้เจซ บัตเทอร์เวิร์ธ และจอห์น-เฮนรี บัตเทอร์เวิร์ธ นำไปเขียนใหม่ ก่อนที่จะเปลี่ยนผู้เขียนบทอีกครั้งเป็นไซมอน คินเบิร์ก และเปลี่ยนอีกครั้งเป็นคริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่ ในท้ายที่สุด[10]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Edge of Tomorrow (12A)". bbfc.co.uk. British Board of Film Classification. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 1, 2014. สืบค้นเมื่อ May 1, 2014.
- ↑ "Edge of Tomorrow (2014)". British Film Institute. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 12, 2015. สืบค้นเมื่อ June 16, 2014.
- ↑ 3.0 3.1 "Edge of Tomorrow". boxofficemojo.com. Box Office Mojo. September 11, 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 12, 2016. สืบค้นเมื่อ April 16, 2016.
- ↑ Brent Lang. "Tom Cruise, Angelina Jolie Test Star Power at International B.O. With ‘Edge of Tomorrow,’ ‘Maleficent’". Variety. 23 May 2014. สืบค้นเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2560.
- ↑ 5.0 5.1 Dave McNary. "Doug Liman to direct ‘All You Need Is Kill’". Variety. 23 August 2010. สืบค้นเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2560.
- ↑ "Edge of Tomorrow: About The Production". Cinema Review Magazine. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2560.
- ↑ Neeti Sarkar. "‘Be true to yourself’". The Hindu. 3 April 2014. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2560.
- ↑ Mike Fleming Jr. "Warners Makes 7-Figure Spec Deal For Japanese Novel 'All You Need Is Kill'". Deadline. 5 April 2010. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2560.
- ↑ Dave McNary. "Joby Harold rewriting WB’s ‘Kill’". Variety. 21 June 2011. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2560.
- ↑ Chris Lee. "Doug Liman hopes his wild loop means a hit with 'Edge of Tomorrow'". Los Angeles Times. 31 May 2014. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2560.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เว็บไซต์ทางการ
- ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส
- ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร ที่ออลมูวี
- ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร ที่ทีซีเอ็มมูวีเดตาเบส
- ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร ที่บ็อกซ์ออฟฟิศโมโจ
- ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร ที่รอตเทนโทเมโทส์
- ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร ที่เมทาคริติก
- ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร ที่สยามโซน.คอม