โฮมสเตย์ (ภาพยนตร์)
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
โฮมสเตย์ | |
---|---|
ใบปิดภาพยนตร์ | |
กำกับ | ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ |
เขียนบท |
|
สร้างจาก | เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม (Colorful) โดย เอโตะ โมริ |
อำนวยการสร้าง |
|
นักแสดงนำ | |
กำกับภาพ | นฤพล โชคคณาพิทักษ์ |
ตัดต่อ | ชลสิทธิ์ อุปนิกขิต |
ดนตรีประกอบ | ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ |
บริษัทผู้สร้าง | |
ผู้จัดจำหน่าย | จีดีเอช ห้าห้าเก้า |
วันฉาย | 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561 |
ความยาว | 136 นาที |
ประเทศ | ไทย |
ภาษา | ไทย |
ทำเงิน | 66.75 ล้านบาท (กรุงเทพฯ ปริมณฑล และเชียงใหม่) 128.67 ล้านบาท (ทั่วประเทศ) |
ข้อมูลจาก IMDb | |
ข้อมูลจากสยามโซน |
โฮมสเตย์ (อังกฤษ: Homestay) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวดราม่า-แฟนตาซี-ระทึกขวัญ ร่วมเขียนบทและกำกับโดย ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ซึ่งบทได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยายญี่ปุ่นเรื่อง เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม (Colorful) โดย เอโตะ โมริ[1] ว่าด้วยเรื่องราวของวิญญาณที่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของเด็กหนุ่มชั้น ม.ปลาย และต้องสืบหาสาเหตุการตายของร่างตัวเองก่อนที่จะต้องตายอย่างถาวร
ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวผลิตโดยจอกว้างฟิล์ม และจัดจำหน่ายโดยจีดีเอช ห้าห้าเก้า นำแสดงโดย ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ เฌอปราง อารีย์กุล และ นพชัย ชัยนาม และเข้าฉายอย่างเป็นทางการในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561
เนื้อเรื่อง
[แก้]เรื่องย่อในบทความนี้ยาวเกินไปหรือมีรายละเอียดปลีกย่อยเกินไป โปรดปรับปรุงโดยเอาเนื้อความที่ไม่จำเป็นออกและเรียบเรียงให้กระชับขึ้น |
ในคืนที่เงียบสงัด เต็มไปด้วยสีดำ มีเสียงปริศนาเรียกร้องเหมือนชวนให้เข้าไปหา "มึงได้รางวัลนะ" นี่คือคำพูดสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่จะได้เห็นแสงไฟรำไรอยู่ตรงหน้า เขาได้ตื่นขึ้นมาในห้องดับจิตที่รอบข้างรายล้อมไปด้วยศพ ทันทีที่เขาเดินไปหาพยาบาล ร่างกายของเขาก็ถูกพาเข้าห้องผ่าตัดอย่างหนักเพื่อช่วยชีวิต และล้างพิษฟอร์มาลีนออกจากร่างกายโดยเร็วที่สุด สองวันต่อมาเขาได้ฟื้นขึ้นและได้รู้ว่าเขาได้กลับมาอยู่ในร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เขาจำอะไรไม่ได้ทุกอย่างนอกจากชื่อ "มิน" (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) ซึ่งเป็นชื่อที่แม่ (สู่ขวัญ บูลกุล) เรียกตลอดเวลาที่เขาโดนพาเข้าห้องผ่าตัด เขาตกใจมากที่ตัวเองได้กลับมามีชีวิต จึงเตลิดเปิดเปิงไปทั่วทั้งชั้น พริบตาที่เขาเดินชนคนที่ถูกชนก็ทักเขาเหมือนรู้จักกันมาก่อน "รางวัลอะไร" "นี่เรื่องจริงใช่ไหม" นี่คือสองอย่างที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขา พริบตาที่เขาปีนออกนอกหน้าต่างและกำลังจะตกตึกลงไป โลกทั้งหมดก็บิดเบี้ยว ชายร่างใหญ่คนหนึ่งที่เป็นพนักงานเช็ดกระจก (นพชัย ชัยนาม) ก็เดินเข้ามาหาเขาแบบสบาย ๆ ราวกับเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงมาก และอธิบายเรื่องราวทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ชายคนนั้นแทนสรรพนามตัวเองว่า "ผู้คุม" เค้ามีหน้าที่เพียงอย่างเดียว คือคุมทุกการกระทำของเขา จับตา และดูอย่าให้เขาฆ่าตัวตายอีกเป็นครั้งที่สอง เขาตกใจมากที่เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง แต่ผู้คุมก็ไม่ปล่อยให้เวลาเดินไปอย่างช้า ๆ แต่ให้เขาได้กลับไปใช้ชีวิตอยู่ในห้องผู้ป่วยตามปกติ แต่ไม่ทันจะได้พักผู้คุมได้กลับมาอีกครั้งในร่างนางพยาบาลสาวสวย (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) แต่มาคราวนี้ผู้คุมกลับมาบอกเรื่องราวทั้งหมดแบบละเอียด สิ่งที่เกิดขึ้นคือเขาได้กลับมาอยู่ในร่างของมินในฐานะ "โฮมสเตย์" แต่การกลับมาครั้งนี้ไม่ได้เป็นการกลับมาแบบถาวร เพราะเขามีเวลาแค่ 100 วันที่จะได้ใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง ถ้าเขาอยากอยู่ต่อ เขาต้องหาคำตอบให้ได้ว่า เจ้าของร่างที่ชื่อมิน ตายเพราะใคร? ถ้าตอบไม่ได้ เขาก็จะตายและวิญญาณเขาก็จะตายไปพร้อมกันและจะไม่ได้ไปผุดไปเกิดใหม่อีกเลย พร้อมกับให้นาฬิกาชีวิตกับเขาไว้ เขารู้ทันทีว่าเรื่องนี้เริ่มไม่ชอบมาพากลแปลก ๆ เขาจึงตัดสินใจที่จะออกสืบว่า มินตายเพราะใคร ด้วยเวลาที่เหลือเพียง 98 วัน และข้อแม้ว่าห้ามไม่ให้ใครรู้เด็ดขาดว่าเขาไม่ใช่มิน
เบาะแสแรกที่เขาสามารถหาได้ คือบ้านของมินเอง เพราะนั่นคือสถานที่ที่มินต้องใช้ชีวิตตลอด 24 ชั่วโมง แต่เมื่อเขากลับมา สภาพบ้านที่เห็นคือทุกรูปที่เกี่ยวกับมินนั้นหายไปหมด รวมถึง เม่น (ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์) ก็ไม่ค่อยจะพอใจที่มินกลับมาบ้าน เขาเริ่มค้นหาว่าอะไรพอที่จะชี้ทางไปหาสาเหตุการตายของมินได้บ้าง แต่ทุกอย่างกลับเป็นศูนย์ เพราะข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างของมินหายไปทั้งหมด แม้แต่ในห้องของมินเอง สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงอย่างเดียว คือต้องปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด นั่นคือทางเดียวที่จะเอาชนะเกมบ้า ๆ นี้ได้ เขาเริ่มกลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน และได้พบกับ ลี้ (ศรุดา เกียรติวราวุธ) คนที่น่าจะเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของมิน ลี้อธิบายว่ามินหายไปนานมากและไม่ได้สอบปิดภาคเรียนแรก แต่โชคดีที่ทางบ้านมาบอกว่ามินเข้าโรงพยาบาล ทางโรงเรียนจึงอนุโลมให้มินเข้าสอบย้อนหลังได้ ทันใดนั้นเองชมรมเชียร์ของโรงเรียนก็ได้เรียกประชุมด่วนเพื่อวางแผนการประชุมเชียร์และแปรอักษร เขาได้รู้ทันทีว่ามินมีปัญหากับคนรอบตัวจากรูปวาดที่มีความเกลียดชังต่อสังคม รวมถึงรูปวาดที่จงใจจะทำร้ายร่างกายและชีวิต ทางชมรมให้โอกาสสุดท้ายกับมินที่จะต้องวาดภาพเพื่อนำขึ้นแปรอักษร แต่คราวนี้ขอภาพที่มีความสร้างสรรค์และสื่อถึงความสุขออกมาให้ได้มากที่สุด เย็นวันนั้นเองเขาได้รับจดหมายจากผู้ที่อ้างว่าเป็นพี่รหัส เมื่อไปถึงเขาได้พบกับ พาย (เฌอปราง อารีย์กุล) หญิงสาวที่เต็มไปด้วยความน่ารัก แถมยังเรียนเก่ง และเขารู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่าทำไม เขากับพายถึงเข้ากันได้ดีมากกว่าความเป็นพี่รหัส เขาเริ่มมีความสุขที่ได้รับรางวัลนี้ และเพื่อไม่ให้พายต้องเสียใจ เขาจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนใหม่ เต็มไปด้วยความสดใส และสนุกกับชีวิตใหม่อย่างจริงจัง ไปพร้อมกับคนข้าง ๆ อย่างพาย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหลือไม่ถึง 70 วัน ผู้คุมปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในร่างของอาจารย์หมอ (ธเนศ วรากุลนุเคราะห์) มาคราวนี้ผู้คุมบอกกติกาเพิ่มเติมว่า เพราะรางวัลนี้เป็นรางวัลใหญ่ เขามีสิทธิ์ตอบคำถามนี้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าตอบถูก นาฬิกาชีวิตจะหยุดลง แต่ถ้าตอบผิด ร่างกายจะเกิดการต่อต้าน และเมื่อหมด 100 วัน เขาก็จะตายอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นจึงทำให้เขาต้องเริ่มลงมือค้นหาอย่างจริงจังว่ามินตายเพราะใคร โดยเบาะแสเริ่มต้นคือที่ชมรม
ที่ชมรมเขาได้พังล็อกเกอร์ของมินเพื่อที่จะหาว่าอะไรอยู่ข้างใน แต่ลี้กลับมาบอกว่าทุกอย่างมินฝากไว้ที่ล็อกเกอร์ของตัวเองทั้งหมด รวมถึงคอมที่มินสั่งให้ลี้เอาไปให้ที่บ้านในวันที่ 23 ตุลาคม และคนที่เอาคอมไปคือเม่น เขาจึงนึกได้ทันทีว่าในวันที่สองที่เขากลับมาบ้าน เม่นขอไปนอนห้องเพื่อนและหยิบคอมสีเทาติดไปด้วย เขาจึงบุกเข้าหอพักของเม่นเพื่อที่จะได้เอาคอมคืน เขาเปิดคอมทุกเครื่องจนได้พบกับคอมของมินที่หน้าจอมีไฟล์ไฟล์หนึ่งวางอยู่บนเดสก์ทอป เพียงแค่เปิดไฟล์และได้อ่านบรรทัดแรกจึงรู้ทันทีว่านี่คือจดหมายลาตายของมิน แต่ยังไม่ทันที่จะได้อ่านเนื้อความทั้งหมด เม่นก็กลับเข้ามาก่อนและบอกว่าจะไม่มีใครได้ใช้คอมเครื่องนี้อีก และโยนคอมทิ้งลงข้างล่างทันที เขารีบวิ่งไปรับคอมเครื่องนั้น แต่ว่าผู้คุมในร่างคุณยาย (สุดา ชื่นบาน) กลับมาช่วยเซฟเวลาเอาไว้แถมบอกว่าวิธีนี้มันขี้โกงเกินไป รับไม่ได้กับรางวัลที่ได้รับ ผู้คุมจึงพังคอมเครื่องนี้ทิ้ง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ นำคอมเครื่องนั้นกลับไปเปิดใช้อีกครั้ง จนได้อ่านจดหมายลาตายทั้งหมดของมิน
มินตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะฆ่าตัวตาย และได้วางแผนเอาไว้ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ครอบครัวของมินเป็นครอบครัวที่แย่และน่าขยะแขยงมากที่สุดในชีวิตที่มินต้องเจอ พ่อ (โรจ ควันธรรม) เดิมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มีฐานะที่มั่นคง แต่เพราะความโลภอยากเป็นเจ้าของกิจการ จึงลาออกมาขายวิตามินเสริมเต็มตัว แต่เพราะขายได้ไม่ดี เขาจึงเริ่มขโมยของในบ้านไปขายทีละชิ้นสองชิ้น ส่วน เม่น เขาน้อยใจมากที่เกิดมาเป็นน้องของเม่น เพราะสายตาที่ถูกเม่นมองมามีแต่ความอิจฉา แถมเม่นยังโกรธมากที่มินเป็นต้นเหตุที่ทำให้เม่นไม่ได้ทุนไปเรียนต่อที่เยอรมนี แถมยังต้องเลิกกับแฟนเพียงคนเดียว เม่นคงดีใจมากถ้ามินตายไป ไม่เป็นก้างขวางคอชีวิตของเม่นอีก ในบ้านนี้มินไว้ใจแม่มากที่สุด แต่แม่ก็คือคนที่หักหลังมินมากที่สุดเช่นกัน แม่คงดีใจถ้ามินไม่ตามไปอยู่ที่ระยองด้วย และสุดท้าย พาย มินสับสนกับพายมากว่าควรทำอย่างไร มินต้องฆ่าพายใช่หรือไม่? ถ้ามินไม่ฆ่า คนที่จะตายก็คือมิน...
ทันทีที่เขาอ่านจดหมายลาตายของมินจบ เขาจึงเริ่มไปเคลียร์ใจก้บคนรอบข้างทีละเรื่อง เริ่มจากคนใกล้ชิดมากที่สุดอย่างพาย ทันทีที่มินไปถึงเขาได้รู้ว่าจริง ๆ แล้ว พายถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือระบายความใคร่ของครูประจำห้องโอลิมปิก เขาทนไม่ได้เลยพาลไปชกหน้าครูเพื่อพาตัวพายออกมาจากห้องที่โสโครกแห่งนั้น เขาระบายความรู้สึกทุกอย่างออกมาทั้งหมดว่าเขาขยะแขยงพายมากที่พายเลือกเอาอนาคตทั้งหมดไปทิ้งไว้กับผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้น และเขาไม่กลัวที่จะตาย เพราะคนที่ต้องลงไปตายนั่นก็คือพาย เย็นวันนั้นเขาโดนโรงเรียนเรียกผู้ปกครองมาทำทัณฑ์บนข้อหาที่ทำร้ายร่างกายครูห้องโอลิมปิก พ่อมินโกรธมากที่มินมีนิสัยก้าวร้าวแบบนั้น เขาจึงโกรธพ่อมากและหาว่าพ่อเป็นคนที่โสโครกไม่แพ้คนอื่น ๆ และเตลิดเปิดเปิงไประยองทันที เมื่อเขาไปถึง เขาได้รู้ความจริงว่า แม่มีแฟนใหม่ที่ระยอง และมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน เขาตามไปดูอย่างผิดหวังจนแม่เห็นว่ามินตามมา เขาโกรธแม่มากและหนีกลับกรุงเทพฯ โดยไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว เขายืนทำใจอยู่บนสะพานนานมากจนผู้คุมในร่างเด็กผู้หญิง (ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล) เข้ามาทักอีกครั้ง คราวนี้เขาตัดสินใจตอบคำถามว่ามินตายเพราะทุกคน วินาทีที่เขาพูดออกไป เขาหยิบนาฬิกาชีวิตขึ้นมาดูอีกครั้ง แต่นาฬิกากลับไม่หยุดเดิน ผู้คุมจึงบอกว่าสายไปเสียแล้ว เขาตอบผิด ก่อนที่จะอวยพรให้เขามีความสุขกับเวลาที่เหลือแค่ สามวัน
สามวันสุดท้ายเขาโกรธทุกคนมาก เริ่มทำตัวเก็บกด และค่อย ๆ ระบายทุกอย่างอย่างบ้าคลั่ง เขาพูดไม่ดีกับลี้ที่มาเพราะเป็นห่วง เขาชวนพ่อออกไปกินข้าวกับแม่ที่เพิ่งกลับมาจากระยองเพื่อที่จะให้พ่อได้รู้ความจริงว่าแม่มีอีกบ้าน แม่ขอคุยกับมินเป็นการส่วนตัวเพื่อที่จะอธิบายว่าแม่ได้เลิกกับบ้านนั้นแล้ว และจะกลับมาอยู่กับมินด้วยกันที่กรุงเทพฯ แต่ไม่ทันไรรถที่แม่และเขานั่งมาถูกรถสิบล้อชน เขาบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่แม่บาดเจ็บสาหัสล้มลงกลางถนน เขาตื่นขึ้นมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งและรีบไปดูอาการแม่ เม่นมาบอกว่าจริง ๆ แล้วแม่รักมินมาก ทุกอย่างที่แม่ทำ แม่ทำเพื่อมิน รวมถึงเรื่องที่ไม่ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ เม่นก็เป็นคนตัดสินใจเองว่าจะไม่ไป ไม่ได้เกี่ยวกับมิน เขาจึงเริ่มรู้สึกผิดและกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ที่ผิดพลาดทั้งหมดให้เข้ารูปเข้ารอยก่อนที่เวลาชีวิตในโฮมสเตย์นี้จะหมดลง
เขาขอให้พายบอกความจริงเรื่องครูห้องโอลิมปิกกับผู้อำนวยการ เขากลับไปวาดรูปที่ค้างไว้ให้สำเร็จ และมอบให้เป็นของขวัญชิ้นเดียวกับพาย เขาแก้ไขทุกอย่างจนเรียบร้อยก่อนวันสุดท้ายมาถึง เขาได้เข้าไปดูการซ้อมเชียร์และแปรอักษร ลี้บอกว่ารอบนี้มีรูปของมินเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย เขาตกใจมากว่ารูปที่ถูกเลือก คือรูปเดียวกันกับรูปที่เขาวาดให้พาย แต่รูปนี้ไม่เหมือนกันตรงที่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ คือแสงสว่างที่คอยฉุดใครบางคนออกมาจากความมืด พริบตานั้นเขาจึงเริ่มจำเหตุการณ์ได้ทั้งหมด เวลาชีวิตเริ่มนับถอยหลังเข้าสู่นาทีสุดท้าย ร่างกายเริ่มต่อต้านอย่างหนักจนเขาล้มลงและได้เข้าไปในภาพของห้องมินที่เรียบร้อย นาทีนั้นเขาได้พบกับผู้คุมอีกครั้งในร่างของมิน เขาบอกกับผู้คุมว่าเขาพร้อมแล้วที่จะรับโทษ เพราะเขามารู้เอาในวินาทีสุดท้ายว่า มินตายเพราะตัวเอง และเขาก็จำทุกอย่างได้ว่าตัวเขาคือ ... มิน ... วิญญาณที่ได้รับรางวัลให้กลับมาอยู่ในร่างที่ตายแล้วของตัวเอง วินาทีที่พูดเสร็จ นาฬิกาชีวิตของมินก็หยุดลง ผู้คุมกล่าวคำยินดีว่ามินเอาชนะเกมนี้ได้แล้ว และรางวัลที่ได้รับ คือมินจะได้ใช้ชีวิตต่อไป จนกว่าร่างกายจะหมดอายุขัย
มินฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในวันที่เรื่องราวทุกอย่างจบลง วันนี้มินไม่ได้ใช้ชีวิตเป็นโฮมสเตย์ของมินอีกต่อไป แต่นี่คือรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่สวรรค์มอบให้ แม้จะเพียงแค่ชั่วคราว แต่ก็ทำให้มินได้มีความสุขมากที่สุด ที่เขาจะได้ใช้ชีวิตอีกครั้ง กับคนที่เขารัก ทุก ๆ คน
นักแสดงและตัวละคร
[แก้]ตัวละครหลัก
[แก้]- ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ รับบท ธราดล จันทรเสน (มิน) เด็กหนุ่มชั้น ม.ปลาย ที่ได้กลับมามีชีวิตหลังถูกวิญญาณเร่ร่อนเข้าสิงร่าง และต้องปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่ที่เขาได้รับ โดยตัวเขานั้นจะไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนตายได้เลย ซึ่งธีรดนย์นั้นได้มาแคสต์จากการแนะนำของโปรดิวเซอร์ และภาคภูมิก็ไม่ค่อยชอบเขาในตอนแรก แต่หลังจากที่ได้เห็นความสามารถจากการแสดงในเรื่อง โปรเจกต์ เอส เดอะซีรีส์ ตอน SOS Skate ซึม ซ่าส์ ทำให้เขาได้บทไปหลังจากมาแคสต์ไปถึงสามครั้ง นอกจากนั้นธีรดนย์ยังต้องเล่นเองเจ็บเองในการถ่ายทำฉากเปิดภาพยนตร์อีกด้วย
- เฌอปราง อารีย์กุล รับบท พริมา วงษ์สุทิน (พาย) พี่รหัสของมิน นักเรียนทุนจากสงขลาที่เข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ เป็นผู้ที่คอยติวหนังสือให้มิน จริงจัง ตั้งใจ เรียนเก่ง และเป็นคนที่ทำให้มินอยากมีชีวิตอยู่ต่อ แต่เธอก็เป็นหนึ่งในสาเหตุการตายของมินเช่นกัน ซึ่งเฌอปรางได้บทจากการเรียกมาแคสต์หลังจากที่ภาคภูมิเห็นภาพเธอจากสื่อโซเชียลมีเดียโดยที่ไม่รู้ว่าเธอเป็นสมาชิกวงบีเอ็นเคโฟร์ตีเอตอีกด้วย
- สู่ขวัญ บูลกุล รับบท ฤดี จันทรเสน แม่ของมินที่รักและห่วงใยครอบครัวอยู่เสมอ แต่ด้วยการกระทำบางอย่างของเธอกลับกลายเป็นหนึ่งในสาเหตุการตายของมินด้วย สู่ขวัญเป็นนักแสดงเพียงคนเดียวในเรื่องที่ภาคภูมิตั้งใจเลือกมาเล่นในช่วงเขียนบท และเธอได้ปฏิเสธบทนี้ไปหลายครั้งเพราะไม่อยากเล่นบทที่ลูกตาย แต่เธอก็เปลี่ยนใจและรับเล่นในภายหลัง
- ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์ รับบท ทรงพล จันทรเสน (เม่น) พี่ชายของมินที่มองว่ามินเป็นตัวปัญหาของครอบครัว เรียนดี ฉลาด และไม่พอใจในการกลับมาของมิน
- วิโรจน์ ควันธรรม รับบท พ่อของมิน อดีตอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ลาออกมาขายอาหารเสริมเต็มตัว เข้มงวด เจ้าอารมณ์ ไม่ค่อยใส่ใจครอบครัวเพราะมุ่งมั่นและทุ่มเทชีวิตให้แก่งานของตัวเองมากเกินไป
- ศรุดา เกียรติวราวุธ รับบท อมราพร แผ่นดินทอง (ลี้) เด็กสาวชั้น ม.ปลาย เพื่อนร่วมชั้นและชมรมที่สนิทกับมิน
- ผู้คุม ผู้ทำหน้าที่ควบคุมวิญญาณจากสวรรค์ให้มาอยู่ใน ร่างชั่วคราว เนื่องจากตัวละครนี้มีความสามารถที่จะเข้าสิงร่างใครก็ได้ จึงมีนักแสดงหลายคนที่มารับบทนี้ได้แก่
- นพชัย ชัยนาม รับบท ผู้คุมในร่างพนักงานเช็ดกระจก
- เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ รับบท ผู้คุมในร่างพยาบาลสาว
- ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ รับบท ผู้คุมในร่างจิตแพทย์ชื่อ รศ. นพ.ทศพล ทิพย์เทพนคร
- สุดา ชื่นบาน รับบท ผู้คุมในร่างหญิงชราที่หอพักเพื่อนเม่น
- เดวิด อัศวนนท์ รับบท ผู้คุมชายบนดาดฟ้า (ถูกตัดฉากออก)
- พงศธร จงวิลาส รับบท ผู้คุมนักมวย (ถูกตัดฉากออก)
- ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล รับบท ผู้คุมในร่างของเด็กหญิงถือร่มสีแดง
- ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ รับบท ผู้คุมในร่างมิน
ตัวละครอื่น ๆ
[แก้]- อะตอม สัมพันธภาพ รับบท ครูพัฒน์ คุณครูประจำห้องปทุมเพชรของพาย
- ธัชพล ธิติอภิชัย รับบท บรรจง พูนพิริยะ พี่ในชมรมปลอกแขนสีแดง
- ศิวัช จำลองกุล รับบท พี่ในชมรมปลอกแขนสีน้ำเงิน
- ธนกร โพธิ์วิจิตร รับบท พี่ในชมรมปลอกแขนสีเขียว
งานสร้าง
[แก้]เดิมนั้น โครงการภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยาย Colorful มีมาตั้งแต่สมัยบริษัทจีทีเอช โดยวางแผนไว้ว่าจะให้ ยงยุทธ ทองกองทุน เป็นผู้กำกับ และให้ นิธิศ ณพิชยสุทิน เป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่สุดท้ายโครงการกลับถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด[2] เนื่องมาจากความล่าช้าของการซื้อลิขสิทธิ์ต้นฉบับมาสร้าง[3] และการขัดแย้งภายในบริษัท ประกอบกับบริษัทประกาศยุติการดำเนินกิจการเมื่อปลายปี พ.ศ. 2558
ต่อมาใน พ.ศ. 2559 หลังบริษัทจีดีเอช ห้าห้าเก้าเปิดตัว บริษัทแจ้งว่าจะผลิตภาพยนตร์สองเรื่องต่อจากโครงการเดิม คือ แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว และเรื่องนี้ในปีเดียวกัน โดยวางแผนไว้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเริ่มงานสร้างในเดือนพฤษภาคมและเข้าฉายในช่วงธันวาคม แต่ด้วยการที่บริษัทต้องการถ่ายทอดพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทำให้บริษัทเปลี่ยนแผนการดำเนินงานด้วยการสร้างและฉายภาพยนตร์เรื่อง พรจากฟ้า แทน ซึ่งส่งผลให้แผนการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องถูกเลื่อนอย่างไม่มีกำหนดอีกครั้ง และทำให้ทีมงานได้ใช้เวลาที่เสียไปในการพัฒนาบทให้ดีขึ้นกว่าเดิม จนมาถึงปี พ.ศ. 2560 ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้เริ่มงานสร้างอย่างเป็นทางการ
บทภาพยนตร์
[แก้]สำหรับในการเขียนบทนั้น ทศพล จิรัศยา และอภิโชค ได้ร่วมกันเขียนบทหลังจากบริษัทได้ลิขสิทธิ์การสร้างมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาได้พัฒนาบทเป็นระยะเวลา 1 ปี ก่อนภาคภูมิและเอกสิทธิ์ได้มาร่วมเขียนบททีหลัง ในที่สุด บทก็เสร็จสมบูรณ์หลังจากที่พวกเขาพัฒนากันต่ออีก 1 ปี 7 เดือน[4]
การถ่ายทำ
[แก้]สำหรับการถ่ายทำ ทีมงานได้ถ่ายทำภาพยนตร์ในช่วงเดือนมกราคมจนถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2561 และได้ สีบาน-นฤพล โชคคณาพิทักษ์ มากำกับภาพให้ และสำหรับการถ่ายทำฉากเปิด ทีมงานได้สร้างเซตในสตูดิโอขนาดใหญ่และใช้เวลาในการถ่ายทำฉากดังกล่าวไปถึง 22 ชั่วโมง
การตัดต่อ
[แก้]สำหรับการตัดต่อ ทีมงานได้ให้ อาร์ม-ชลสิทธิ์ อุปนิกขิต ที่เคยมีผลงานในการตัดต่อภาพยนตร์เรื่อง ฉลาดเกมส์โกง มาตัดต่อให้ และได้ใช้เวลาในการตัดต่อไปถึง 6 เดือน นอกจากนั้น สำหรับฉากที่ใช้กรีนสครีน ทีมงานได้ให้บริษัท Yggdrazill ที่มีผลงานเกม Home Sweet Home มาร่วมทำคอมพิวเตอร์กราฟิกและเทคนิคพิเศษให้กับภาพยนตร์อีกด้วย[5][6]
เพลงประกอบภาพยนตร์
[แก้]สำหรับเพลงประกอบ ทีมงานได้ ป้อ-ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ มาร่วมทำเพลงประกอบให้กับจอกว้างฟิล์มอีกครั้งในรอบ 4 ปี หลังจากมีผลงานทำเพลงให้กับภาพยนตร์เรื่อง ฝากไว้..ในกายเธอ นอกจากนั้นยังทำให้ชาติชายมีผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เข้าฉายในเดือนตุลาคมถึง 2 เรื่อง ซึ่งอีกเรื่องคือ นาคี 2[7]
การประชาสัมพันธ์
[แก้]ในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 จีดีเอชได้เปิดการถ่ายทอดสดบนเฟซบุ๊ก โดยอ้างว่าจะเปิดให้รับชมภาพยนตร์ ฉลาดเกมส์โกง แบบออนไลน์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ก่อนสร้างสถานการณ์ว่าเว็บไซต์ถูกแฮกเพื่อปล่อยวีดีโอไวรัลปริศนาขึ้นมา และปิดข้อความทิ้งท้ายว่า K1189B54N หลังจากการถ่ายทอดสดจบลง ได้มีการโพสต์คลิปดังกล่าวลงในสื่อออนไลน์ ก่อนเปิดตัวนักแสดงนำในวันต่อมา[8] และทางค่ายก็ไม่เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมมานับแต่นั้น
ต่อมา ทีมงานจากจีดีเอชได้ทำการถ่ายทอดสดลงเฟซบุ๊กอีกครั้ง และได้เปิดเผยแนวภาพยนตร์และวันเข้าฉายอย่างเป็นทางการคือ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561 จนในวันที่ 19 กันยายน ปีเดียวกัน ทางค่ายได้เปิดเผยชื่อเรื่องภาพยนตร์อย่างเป็นทางการครั้งแรก[9] และได้เปิดเผยชื่อตัวละครและนักแสดงนำเพิ่มอีกหนึ่งคนคือ นพชัย ชัยนาม ซึ่งเคยแสดงนำในหนังของภาคภูมิมาแล้วกับภาพยนตร์เรื่อง คีตราชนิพนธ์ บทเพลงในดวงใจราษฎร์ ตอน ฝนตกที่ห้วยขาแข้ง
ไม่นานหลังจากทางค่ายเปิดเผยชื่อเรื่องภาพยนตร์ ค่ายได้ทำการประชาสัมพันธ์และปล่อยใบปิดภาพยนตร์ในแบบต่างๆลงสื่อโซเชียลเพิ่มเติม ด้วยการสร้างเหตุการณ์สมมติให้หนึ่งในตัวละครในเรื่องคือ ผู้คุม เข้าทำการควบคุมเพจต่างๆโดยเรียกวิธีการควบคุมนี้ว่า สิง[10] โดยมีเพจชื่อดังที่โดนควบคุมไปแล้ว 3 เพจคือ หมอแล็บแพนด้า Drama-addict และเพจทางการของเฌอปรางเอง[11] รวมถึงได้มีการปล่อยใบปิดฉบับสุดท้าย ประชาสัมพันธ์ และปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์แบบทางการในเพจ ฉลาดเกมส์โกง แทนการสร้างเพจใหม่ขึ้นมา เพื่อให้ภาพยนตร์เป็นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ระยะหนึ่ง[12] ก่อนที่จะมีงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561 ณ ลานกิจกรรมอีเดน 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
นอกจากการประชาสัมพันธ์ทางออนไลน์แล้ว จีดีเอชยังได้ร่วมมือกับสวัสดีทวีสุขเพื่อผลิตรายการพิเศษ HOMESTAY SPECIAL เจาะเบื้องหลังความมหัศจรรย์ ที่รวบรวมทุกความมหัศจรรย์จากการถ่ายทำทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ออกอากาศเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 12.30 น. ทางช่องวัน 31 เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์อีกช่องทางหนึ่ง
การออกฉายและรายได้
[แก้]การออกฉายในประเทศ
[แก้]ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวมีกำหนดฉายรอบสื่อมวลชนในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2561 ณ พารากอนซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน และมีกำหนดเข้าฉายอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 เดือนและปีเดียวกัน เมื่อนับเฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และเชียงใหม่ ภาพยนตร์เปิดตัวด้วยรายได้ 8.88 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายได้เปิดตัวที่น้อยกว่า น้อง.พี่.ที่รัก ที่ออกฉายเมื่อช่วงกลางปี หลังจากผ่านวันหยุดสุดสัปดาห์แรก (สี่วันหลังเข้าฉาย) ภาพยนตร์ทำรายได้ไปทั้งสิ้น 37.49 ล้านบาท และเมื่อครบสัปดาห์แรก (เจ็ดวันหลังเข้าฉาย) ภาพยนตร์ทำรายได้ไปทั้งสิ้น 48.66 ล้านบาท
ในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 จีดีเอชได้จัดงานแถลงข่าว HOMESTAY [เมื่อคนดูหนัง...ให้รางวัลผม] เพื่อเป็นการขอบคุณทุกเสียงตอบรับจากผู้ชมภาพยนตร์ที่ให้การสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างดี พร้อมตั้งเป้าก้าวเข้าสู่ 100 ล้านบาทในเร็ว ๆ นี้ รายได้ ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ทั่วประเทศ อยู่ที่ 121 ล้านบาท และวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 กรุงเทพ ปริมณฑล และเชียงใหม่ อยู่ที่ 66.29 ล้านบาท และปิดโปรแกรมการฉายไปด้วยรายได้ทั้งหมด 66.75 ล้านบาท
การออกฉายต่างประเทศ
[แก้]ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวได้ถูกซื้อเพื่อนำไปฉายในต่างประเทศถึง 12 ประเทศด้วยกัน โดยประเทศญี่ปุ่นที่เป็นแหล่งต้นฉบับของหนังสือก็ได้ซื้อภาพยนตร์เรื่องนี้ไปฉายอีกด้วย
รางวัล
[แก้]ปี | ผู้มอบรางวัล | สาขาที่เข้าชิง | ผลการตัดสิน |
---|---|---|---|
2562 | รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 28 | ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง |
ผู้กำกับยอดเยี่ยม (ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ) | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (สู่ขวัญ บูลกุล) | ชนะ | ||
บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
กำกับภาพยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
ลำดับภาพยอดเยี่ยม | ชนะ | ||
ออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม | ชนะ | ||
ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
ไบโอสโคป อวอร์ด 2018 | นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (สู่ขวัญ บูลกุล) | ชนะ | |
รางวัลสตาร์พิคส์ ไทยฟิล์ม อวอร์ด ครั้งที่ 16 | สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) | เสนอชื่อเข้าชิง | |
สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์) | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (สู่ขวัญ บูลกุล) | ชนะ | ||
สาขากำกับภาพยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
สาขาออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
สาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 27 | ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | |
ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ) | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (สู่ขวัญ บูลกุล) | ชนะ | ||
บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
กำกับภาพยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
ลำดับภาพยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
ออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม | ชนะ | ||
ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม | ชนะ | ||
สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ครั้งที่9 | ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | |
นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (เฌอปราง อารีย์กุล) | รองชนะเลิศ | ||
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) | รองชนะเลิศ | ||
นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (สู่ขวัญ บูลกุล) | ชนะ | ||
นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์) | รองชนะเลิศ | ||
ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ) | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม | รองชนะเลิศ | ||
คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 15 | นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์) | เสนอชื่อเข้าชิง | |
นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (สู่ขวัญ บูลกุล) | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ) | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
สื่อมวลชนดีเด่น Cathlic Media Awards ครั้งที่ 37 | ประเภทภาพยนตร์ | ได้รับรางวัล |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยายญี่ปุ่นเรื่อง เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม (Colorful) โดย เอโตะ โมริ
- ↑ หนังไทยไม่ตายหรอก[ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้]
- ↑ “โอ๋ ภาคภูมิ” ผกก. “Homestay” เผย ขอซื้อลิขสิทธิ์วรรณกรรมญี่ปุ่นของ Eto Mori ยาวนานร่วม 8 ปี!
- ↑ ร่วมกันเขียนบทหลังจากบริษัทได้ลิขสิทธิ์การสร้างมาเป็นที่เรียบร้อย[ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้]
- ↑ คอมพิวเตอร์กราฟิกและเทคนิคพิเศษ[ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้]
- ↑ "HOMESTAY - โฮมสเตย์ "มึงได้รางวัลนะ"". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-11-08. สืบค้นเมื่อ 2018-11-02.
- ↑ ทีมงานได้ ป้อ-ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ มาร่วมทำเพลงประกอบให้กับจอกว้างฟิล์ม[ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้]
- ↑ "ข่าวสั้น! กัปตันเฌอปราง ร่วมเล่นหนังเรื่องใหม่ของ GDH กับรหัสปริศนา K1189B54N". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-09-29. สืบค้นเมื่อ 2018-09-19.
- ↑ เฌอปราง BNK48 รับบทนำใน HOMESTAY หนังเรื่องใหม่จาก GDH
- ↑ "ถูกสิงเพื่อโปรโมท! มองการตลาด Homestay หนังใหม่ของ GDH ทำคนอยากโดน 'ผู้คุม' สิง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-11-08. สืบค้นเมื่อ 2018-09-22.
- ↑ "กูคือผู้คุม-เฌอปราง-bnk48". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-09-23. สืบค้นเมื่อ 2018-09-23.
- ↑ มาแล้ว! ภาพชุดแรกพร้อมเรื่องย่อ จากภาพยนตร์ HOMESTAY
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Wikipedia articles with plot summary needing attention
- All Wikipedia articles with plot summary needing attention
- ภาพยนตร์ไทย
- ภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2561
- ภาพยนตร์ชีวิตไทย
- ภาพยนตร์แฟนตาซีไทย
- ภาพยนตร์ระทึกขวัญไทย
- ภาพยนตร์ที่กำกับโดย ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ
- ภาพยนตร์โดยจีดีเอช
- ภาพยนตร์ที่มีฉากในกรุงเทพมหานคร
- ภาพยนตร์ที่มีฉากในโรงเรียน
- ภาพยนตร์เกี่ยวกับความตาย