เวสต์ไลฟ์
เวสต์ไลฟ์ | |
---|---|
เวสต์ไลฟ์ในปี 2021 (จากซ้าย - ขวา) คีแอน อีแกน, มาร์ก ฟีฮิลี, เชน ฟิแลน และ นิกกี เบิร์น | |
ข้อมูลพื้นฐาน | |
ที่เกิด | ดับลิน, ไอร์แลนด์ |
แนวเพลง | ป็อป, บัลลาด, ป็อปร็อก |
ช่วงปี | พ.ศ. 2541 – ปัจจุบัน |
ค่ายเพลง | โซนี่ มิวสิก, อาร์ซีเอเรเคิดส์, ไซโค มิวสิค, ยูนิเวอร์แซลมิวสิกกรุป |
สมาชิก | เชน ฟิแลน คีแอน อีแกน มาร์ก ฟีฮิลี นิกกี เบิร์น |
อดีตสมาชิก | ไบรอัน แมคแฟดเดน |
เว็บไซต์ | westlife.com |
เวสต์ไลฟ์ (อังกฤษ: Westlife) เป็นวงบอยแบนด์จากไอร์แลนด์ รวมวงเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2541 ประกอบไปด้วย เชน ฟิแลน, คีแอน อีแกน, มาร์ก ฟีฮิลี, นิกกี เบิร์น และอดีตสมาชิก ไบรอัน แมคแฟดเดน ซึ่งไซมอน โคเวล เป็นผู้จัดการในขณะนั้น โดยปัจจุบัน ผู้จัดการวงคือ Louis Walsh เวสต์ไลฟ์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในไอร์แลนด์และอังกฤษ รวมถึงในยุโรป แอฟริกา เอเชีย ลาตินอเมริกา และ ออสเตรเลีย เมื่อไม่นานมานี้พวกเขาได้พัฒนาวงจากทีนป็อป สู่ Adult contemporary music กับยอดขาย 36 ล้านก๊อปปี้กับ 8 อัลบั้มที่ผ่านมา เป็นวงที่มีเพลงอันดับ 1 ถึง 14 เพลงในสหราชอาณาจักร เป็นที่ 3 รองจากเอลวิส เพรสลีย์และเดอะ บีทเทิลส์ เท่าเทียบเท่ากับคลิฟ ริชาร์ด
ได้รับสองรางวัลบริทอวอร์ด กับหนึ่งรางวัลเอ็มทีวี ยุโรป มิวสิก อวอร์ดส และยังเป็นวงที่มีการแสดงสดที่สนามกีฬากลางแจ้ง (arena) ที่มากที่สุด กับเจ้าของสถิติการมีคอนเสิร์ตที่สนามเวมบลีย์มากถึง 23 ครั้ง[1]
ประวัติ
[แก้]เวสต์ไลฟ์ ฟอร์มวงในเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2541[2] โดยมีสมาชิกคือ Shane Steven Filan, Nicholas Bernard James Adam Byrne Jr., Markus Michael Patrick Feehily, Kian John Francis Egan และ Brian Nicholas McFadden โดยก่อตั้งวงที่เมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์
ก้าวแรกแห่งความสำเร็จ (2541–2542)
[แก้]ในปี 1998 Westlife ได้เปิดวงบอยแบนด์ ในสหราชอาณาจักร และในปี พ.ศ. 2542 ซิงเกิลแรกของพวกเขา "Swear It Again" วางแผงและขึ้นสู่ชาร์ตอันดับสูงสุดในไอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร และความสำเร็จของเวสต์ไลฟ์ได้ยืนยันด้วยซิงเกิลที่ 2 "If I Let You Go" ขึ้นสู่อันดับ 1 ของชาร์ตในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2542 ตามด้วย "Flying Without Wing" ในเดือนตุลาคม ฉบับนี้รวมเพลงสำหรับภาพยนตร์ของ Cutfather กับ Joe เรื่อง My Private Movie พวกเขากลายเป็นนักร้องนักโชว์อันดับ 1 ในทศวรรษใหม่ เมื่อซิงเกิลของพวกเขา "I Have a Dream"/"Seasons in the Sun" ทำลายสถิติของ Cliff Richard เพลง "The Millennium Prayer" อัลบั้มแรก ได้ใช้ชื่ออัลบั้มอย่างง่าย ๆ เวสต์ไลฟ์ วางจำหน่ายเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542 และกลายเป็นอัลบั้มยอดนิยม ขึ้นชาร์ตสูงสุดอันดับ 2 ซึ่งอัลบั้มนี้รวมเพลงซิงเกิล 4 ซิงเกิลและตามด้วย "Fool Again" ซึ่งขึ้นชาร์ตในเดือนเมษายน พ.ศ. 2543
บอยแบนด์ยอดนิยม (2543–2546)
[แก้]ไม่นานนักเวสต์ไลฟ์ก็ออกอัลบั้มใหม่ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542 Coast To Coast ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากมายในสหราชอาณาจักร และเป็นอัลบั้มที่ 4 ของประเทศที่ขายดีในรอบปี เวสต์ไลฟ์ทัวร์คอนเสิร์ตรอบสหราชอาณาจักร "ทัวร์คอนเสิร์ต Coast To Coast" อัลบั้มนี้โดดเด่นด้วยการร้องหมู่ระหว่างมารายห์ แครี ในเพลงคลาสสิกของ ฟิล คอลลินส์ "Against All Odds (Take a Look at Me Now)" และ "My Love" ทั้ง 2 ซิงเกิลขึ้นสู่อันดับ 1 ในสหราชอาณาจักร เขาสร้างสถิติ 7 ซิงเกิลที่ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตสหราชอาณาจักรในธันวาคม 2000
ในปี พ.ศ. 2544 พวกเขาเริ่มต้นเวิลด์ทัวร์ ชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า "The No Stools Tour" และหลังจากนั้นอัลบั้มที่ 3 ก็วางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2544 World Of Our Own ซึ่งมีเพลงยอดนิยมอย่าง "Queen of My Heart" และ "World of Our Own" รวมทั้งเพลงต้นฉบับอย่าง "Evergreen" ซึ่งร้องใหม่โดย Gareth Gates และ Will Young ในรายการ Pop Idol
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2545 เวสต์ไลฟ์วางแผงอัลบั้มรวมเพลงยอดนิยม Unbreakable ชุดที่ 1 และออกซิงเกิล "Unbreakable" ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 พร้อมทั้ง "Tonight" และ "Miss You Nights"
เดือนกันยายน พ.ศ. 2546 เวสต์ไลฟ์ออกซิงเกิล Hey Whatever ซึ่งขึ้นสู่ชาร์ตอันดับ 4 ในชาร์ตสหราชอาณาจักร และในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2546 อัลบั้มที่ 4 ของพวกเขา Turnaround บรรจุเพลงดัง ๆ ฉบับขับร้องใหม่ Barry Manilow อย่าง "Mandy" วางจำหน่ายพฤศจิกายน พ.ศ. 2546 และ "Obvious" ก็เป็นซิงเกิลหนึ่งในอัลบั้มนี้ ขึ้นชาร์ตอันดับ 3
ในปี พ.ศ. 2546 เวสต์ไลฟ์ได้รับรางวัล Record of the Year เป็นครั้งที่ 3 ใน 5 ปีของพวกเขากับการเป็นนักร้อง
แมคแฟดเดนออกจากวง (2547)
[แก้]วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2547 3 สัปดาห์ก่อนทัวร์คอนเสิร์ตของเวสต์ไลฟ์ Brian McFadden แยกจากวงด้วยเหตุผลเพื่ออุทิศเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น กับอดีตสมาชิกวง Atomic Kitten Kerry Katona และลูกทั้ง 2 ของเขา Molly (เกิดปี 2001) และ Lilly Sue (เกิดปี พ.ศ. 2546)
เวสต์ไลฟ์ในแบบใหม่ (2548–2554)
[แก้]ในปี พ.ศ. 2547 หลังการพักร้อนกว่า 4 เดือน พวกเขากลับมาอีกครั้งกับเพลง "You Raise Me Up" ที่นำเอาเพลงของวง Secret Garden มาทำใหม่ ในสไตล์ Gospel/Pop ซิงเกิลนี้เป็น 1 ใน ซิงเกิลของอัลบั้มที่ 7 Face To Face ในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ทั้งซิงเกิลและอัลบั้มนี้ได้ขึ้นสู่อันดับ 1 ชาร์ตสหราชอาณาจักร ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ทั้งอัลบั้มและซิงเกิลของเวสต์ไลฟ์ขึ้นสู่อันดับสูงสุดในสัปดาห์เดียวกัน รวมทั้งซิงเกิลนี้ยังได้รับรางวัลเพลงแห่งปีของสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นศิลปินที่ได้รางวัลเพลงแห่งปีของสหราชอาณาจักรมากที่สุดถึง 4 ปี (รางวัลนี้เริ่มเมื่อปี พ.ศ. 2541 - No Matter What ของ Boyzone) คือ ปี พ.ศ. 2542 - Flying Without Wing, ปี 2543 - My Love, ปี 2546 - Mandy และปี 2548 - You Raise Me Up นอกจากนี้ยังมีเพลง "When You Tell Me That You Love Me" ซึ่งได้บันทึกเสียงเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549 กับเจ้าของเพลงอย่าง Diana Ross (เคยมีการนำมาร้องใหม่โดย Dolly Parton และ Julio Iglesias)[3] นอกจากนี้ก็ได้ออกซิงเกิลที่ 3 "Amazing" อีกด้วย
ปลายปี พ.ศ. 2549 เวสต์ไลฟ์กับสตูดิโออัลบั้มที่ 8 ของเขา ซึ่งร่วมกับ Sony BMG The Love Album ซึ่งเป็นอัลบั้มรวมเพลงที่นำมาขับร้องใหม่ทั้งหมดจากต้นฉบับเดิม ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มคือ บทเพลงที่นำมาขับร้องใหม่ของ Bette Midler "The Rose" ซึ่งเป็นซิงเกิลที่ 14 ของพวกเขาที่ขึ้นสู่อันดับ 1 ในสหาชอาณาจักร ทำให้พวกเขาเป็นที่ 3 รองจากเอลวิส เพรสลีย์และเดอะ บีทเทิลส์ เท่าเทียบเท่ากับคลิฟ ริชาร์ด
เวสต์ไลฟ์ยังจัดทัวร์คอนเสิร์ตครั้งใหม่ "คอนเสิร์ตทัวร์ The Love" เริ่มเมื่อกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 ที่เมือง เพิร์ท, ออสเตรเลีย ซึ่งทัวร์ครั้งนี้ก็ได้จัดในอีกหลาย ๆ เมืองในออสเตรเลีย ก่อนจะไปที่แอฟริกาใต้, สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์ และสิ้นสุดที่ดับลิน เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม
Back Home อัลบั้มที่ 9 ของพวกเขา อัลบั้มนี้รวมทั้งเพลงเก่าที่นำมาทำใหม่และเพลงใหม่ ซึ่งอัลบั้มนี้เวสต์ไลฟ์ได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์หลายคนได้แก่ Steve Mac, Quiz Larossi, Jorgen Elofsson and Maratone[4] ซึ่งออกจำหน่ายในวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 และ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ในประเทศไทย[4] พร้อมทั้งซิ้งเกิล "Home" ต้นฉบับ เป็นเพลงของ Michael Buble กำหนดจำหน่าย 29 ตุลาคม 2007
ประกาศยุบวง (2554–2555)
[แก้]เมื่อเดือนตุลาคม 2011 เวสต์ไลฟ์ได้ประกาศแยกวงในปี 2012 หลังการทัวร์คอนเสิร์ต Greatest Hits ซึ่งจัดขึ้นที่สนามกีฬาโครค พาร์ค (Croke Park Stadium) ในดับลิน เมื่อวันที่ 22-23 มิถุนายน 2012 โดยมีผู้ชม 85,000 คน
กลับมารวมวง (2561)
[แก้]เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวสต์ไลฟ์ประกาศกลับมารวมวง โดยจะมีซิงเกิลใหม่ที่เขียนโดยเอ็ด ชีแรนและการทัวร์คอนเสิร์ตในปี พ.ศ. 2562[5] ต่อมาในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2562 เวสต์ไลฟ์ออกซิงเกิล "เฮลโลมายเลิฟ"[6] การทัวร์คอนเสิร์ตครั้งที่ 13 ของพวกเขา The Twenty Tour จะเริ่มที่เมืองเบลฟาสต์ ไอร์แลนด์เหนือในเดือนพฤษภาคม ปีเดียวกัน[7]
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวสต์ไลฟ์ออกซิงเกิล "สตาร์ไลต์" ซิงเกิลนำของอัลบั้มที่ 12 ไวลด์ดรีมส์ ซึ่งออกจำหน่ายในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564[8]
สมาชิก
[แก้]- เชน ฟิแลน (Shane Filan; 1998–2012, 2018–ปัจจุบัน)
- มาร์ก ฟีฮิลี (Mark Feehily; 1998–2012, 2018–ปัจจุบัน)
- นิกกี เบิร์น (Nicky Byrne; 1998–2012, 2018–ปัจจุบัน)
- คีแอน อีแกน (Kian Egan; 1998–2012, 2018–ปัจจุบัน)
อดีตสมาชิก
[แก้]- ไบรอัน แมคแฟดเดน (Brian McFadden; 1998–2004)
ผลงานของเวสต์ไลฟ์
[แก้]- Westlife (1999)
- Coast to Coast (2000)
- World of Our Own (2001)
- Turnaround (2003)
- Allow Us to Be Frank (2004)
- Face to Face (2005)
- The Love Album (2006)
- Back Home (2007)
- Where We Are (2009)
- Gravity (2010)
- Spectrum (2019)
- Wild Dreams (2021)
คอนเสิร์ตทัวร์ของเวสต์ไลฟ์
[แก้]ปี | ชื่อทัวร์ | รูปแบบ/ชื่อสื่อบันทึกการแสดง |
---|---|---|
2544 | คอนเสิร์ตทัวร์แวร์ดรีมส์คัมทรู (อังกฤษ: Where Dreams Come True Tour) |
วีซีดี/ดีวีดี : แวร์ดรีมส์คัมทรูทัวร์ |
2545 | คอนเสิร์ตทัวร์เวิลด์ออฟอาวเวอร์โอน (อังกฤษ: World Of Our Own Tour) |
ไม่มี |
2546 | คอนเสิร์ตทัวร์เดอะเกรเทสฮิตส์ (อังกฤษ: The Greatest Hits Tour) |
วีซีดี/ดีวีดี :อันเบรกเอเบิล - เดอะเกรเทสฮิตส์ทัวร์ |
2547 | คอนเสิร์ตทัวร์เทิร์นอะราวด์ (อังกฤษ: Turnaround Tour) |
วีซีดี/ดีวีดี : เทิร์นอะราวด์ทัวร์ |
2548 | คอนเสิร์ตทัวร์เดอะนัมเบอร์วันส์ (อังกฤษ: The No.1's) |
วีซีดี/ดีวีดี : เดอะนัมเบอร์วันส์ทัวร์ |
2549 | คอนเสิร์ตทัวร์เฟซทูเฟซ (อังกฤษ: Face to Face Tour) |
ดีวีดี : ไลฟ์อินเวมบลี |
2550 | คอนเสิร์ตทัวร์เดอะเลิฟ (อังกฤษ: The Love Tour) |
ไม่มี |
2551 | คอนเสิร์ตทัวร์แบ็กโฮม (อังกฤษ: Back Home Tour) |
Live At Croke Park Stadium |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Westlife เก็บถาวร 2007-11-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน sonybmg.co.th
- ↑ Westlife announce split after 14 years together
- ↑ "ข้อมูลอัลบั้ม Face to Face". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-05-15. สืบค้นเมื่อ 2008-01-26.
- ↑ 4.0 4.1 "ข้อมูลอัลบั้ม Back Home". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-11-12. สืบค้นเมื่อ 2007-11-19.
- ↑ "Westlife Teams Up With Ed Sheeran for New Single Ahead of Reunion Tour". Billboard. 4 October 2018. สืบค้นเมื่อ 8 October 2018.
- ↑ "Westlife บอยแบนด์ยุคมิลเลนเนียมกลับมาแล้วในรอบ 8 ปีกับ Hello My Love". Fungjaizine. 11 January 2019. สืบค้นเมื่อ 14 February 2019.
- ↑ "Westlife Return With 'The Twenty Tour' New 2019 Tour Celebrating 20 Years Of Westlife OFFICIAL PRESS RELEASE". 18 October 2018. สืบค้นเมื่อ 18 October 2018.
- ↑ Lovejoy, Hannah (14 October 2021). "Westlife announce "uplifting" new album Wild Dreams". Smooth Radio. สืบค้นเมื่อ 14 October 2021.