เจ้าหญิงไอโกะ โทชิโนะมิยะ
เจ้าหญิงไอโกะ | |
---|---|
โทชิโนะมิยะ | |
เจ้าหญิงไอโกะ เมื่อ พ.ศ. 2565 | |
ประสูติ | 1 ธันวาคม พ.ศ. 2544 โรงพยาบาลสำนักพระราชวัง โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น |
ราชวงศ์ | ญี่ปุ่น |
พระบิดา | จักรพรรดินารูฮิโตะ |
พระมารดา | จักรพรรดินีมาซาโกะ |
ราชวงศ์ญี่ปุ่น |
---|
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เจ้าชายมาซาฮิโตะ ฮิตาจิโนะมิยะ |
เจ้าหญิงไอโกะ โทชิโนะมิยะ (ญี่ปุ่น: 敬宮愛子内親王; โรมาจิ: Toshi-no-miya Aiko Naishinnō; ประสูติ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2544) เป็นพระราชธิดาพระองค์เดียวในสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ กับสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ และเป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ กับสมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ[1]
พระประวัติ
[แก้]เจ้าหญิงไอโกะประสูติเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2544 ณ โรงพยาบาลสำนักพระราชวัง เวลา 14:43 น. ตามเวลาท้องถิ่น เป็นพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวในสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ กับสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ ขณะทั้งสองยังดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารและมกุฎราชกุมารี ตามลำดับ[2][3] เมื่อแรกประสูติมีความยาวพระวรกาย 49.6 เซนติเมตร และน้ำหนัก 3,103 กรัม และประสูติกาลขณะที่พระชนกมีพระชนมายุ 41 ปี และพระชนนีมีพระชนมายุ 37 ปี เบน ฮิลส์ (Ben Hills) นักข่าว ผู้เขียนหนังสือ เจ้าหญิงมาซาโกะ : นักโทษแห่งบัลลังก์เบญจมาศ (Princess Masako: Prisoner of the Chrysanthemum Throne) ระบุว่าจักรพรรดินีมาซาโกะทรงพระครรภ์เจ้าหญิงไอโกะด้วยการปฏิสนธินอกร่างกาย[4]
พระชนกและพระชนนีทรงตั้งพระนามพระธิดาด้วยพระองค์เอง (ปรกติจะได้รับพระราชทานพระนามจากสมเด็จพระจักรพรรดิ) โดยนำมาจากคำสอนของเม่งจื๊อ นักปรัชญาชาวจีน ความว่า
"ผู้ที่ให้ความรักก็จะได้ความรักตอบ ผู้ที่ให้ความเคารพก็จะได้ความเคารพตอบ" (愛人者人恆愛之,敬人者人恆敬之。)
พระนาม "ไอโกะ" (愛子) ประกอบด้วยตัวคันจิสองตัวคือ "ความรัก" (愛) กับ "เด็ก" (子) รวมกันมีความหมายว่า "บุคคลอันเป็นที่รัก"[5] ส่วนพระอิสริยยศและราชทินนาม "โทชิโนะมิยะ" (敬宮 toshi-no-miya) มีความหมายว่า "บุคคลผู้ควรแก่การเคารพ"[5]
พระองค์เข้ารับการศึกษาระดับปฐมวัย ณ โรงเรียนกากูชูอิง เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2549[6] จึงจบการศึกษาระดับปฐมวัยเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2551[7] ทรงศึกษาต่อในระดับประถมศึกษา ณ สถานศึกษาเดิมในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 แล้วเข้าศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในเดือนเมษายน พ.ศ. 2557[8] ระดับมัธยมศึกษาตอนมัธยมศึกษาตอนปลายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2560[2][9]
พ.ศ. 2561 เจ้าหญิงไอโกะทรงเข้าเรียนภาคฤดูร้อนของวิทยาลัยอีตัน สหราชอาณาจักร[10] หลังเสด็จกลับญี่ปุ่น พระองค์เปี่ยมไปด้วยความมั่นพระทัยยิ่ง ทรงรับเป็นโฆษกของคณะเต้นรำในโรงเรียน แหล่งข่าวแห่งหนึ่งที่อ้างว่าสนิทสนมกับพระราชวังระบุว่าเจ้าหญิงไอโกะทรงให้กำลังใจพระชนนี ที่ดำรงพระอิสริยยศเป็นจักรพรรดินี[11] เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ทรงศึกษาต่อด้านภาษาและวรรณคดีญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยกากูชูอิง[12]
ชีวิตส่วนพระองค์
[แก้]ขณะเจ้าหญิงไอโกะมีพระชันษา 8 ปี ทรงสนพระทัยด้านการทรงพระอักษรตัวคันจิ, อักษรวิจิตร, การกระโดดเชือก, ทรงเปียโน, ทรงไวโอลิน และการเขียนกวีนิพนธ์[13]
ต้นเดือนมีนาคม พ.ศ. 2553 เจ้าหญิงไอโกะทรงประทับอยู่ในวังไม่ยอมเสด็จไปโรงเรียน เพราะถูกกลั่นแกล้ง (bully) จากพระสหายร่วมชั้น[14][15] ต่อมาเจ้าหญิงไอโกะจึงเสด็จไปโรงเรียนในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 อย่างมีข้อจำกัด เจ้าหน้าที่ประจำพระราชวังอธิบายว่าได้มีการจำกัดจำนวนพระสหายร่วมชั้นของเจ้าหญิง เจ้าหญิงไอโกะจะเสด็จไปโรงเรียนพร้อมกับจักรพรรดินีมาซาโกะพระชนนีตามคำแนะนำของแพทย์ประจำพระราชสำนักมกุฎราชกุมาร[16][17]
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เจ้าหญิงไอโกะประชวรจากอาการพระปับผาสะอักเสบ[18] และช่วงปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2559 ทรงขาดเรียนเนื่องทรงอ่อนเพลียจากทรงพระอักษรเตรียมสอบเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย[2]
พระกรณียกิจ
[แก้]วันที่ 5 เมษายน 2559 เจ้าหญิงไอโกะทรงเยี่ยมชมนิทรรศการพิเศษครบรอบ 150 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตญี่ปุ่น-อิตาลี ณ พิพิธภัณฑ์โตเกียว[19]
ขณะพระชันษา 16 ปี เจ้าหญิงไอโกะปรากฏพระองค์พร้อมกับพระชนกและชนนีท่ามกลางสาธารณชน[20][21] ทั้งนี้พระองค์ไม่สามารถร่วมพระราชพิธีใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระชนกนาถเลย เพราะเยาว์ชันษา[22] ตามกฎมนเทียรบาลข้อที่ 22 พระองค์จะบรรลุนิติภาวะเมื่อพระชันษา 20 ปีบริบูรณ์ใน พ.ศ. 2564[23]
ครั้นวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2564 หลังเจ้าหญิงไอโกะมีพระชันษาครบ 20 ปีบริบูรณ์ ก็ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนมงกุฎ ชั้นที่ 1 โดยจากนี้พระองค์สามารถร่วมพระราชพิธีและประกอบพระกรณียกิจของพระราชวงศ์ได้[24] โดยร่วมประกอบพระกรณียกิจในฐานะพระราชวงศ์ครั้งแรก ในงานเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2565[25] และออกมาตรัสต่อสาธารณชนครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 มีนาคมปีเดียวกัน[26] ต่อมาในวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เจ้าหญิงไอโกะเสด็จออกจากพระตำหนักครั้งแรกเพื่อทอดพระเนตรการแสดงมโหรีกางากุ ซึ่งเป็นออร์เคสตราอย่างราชสำนักญี่ปุ่น จัดขึ้นโดยสำนักพระราชวังญี่ปุ่น โดยเจ้าหญิงคาโกะแห่งอากิชิโนะโดยเสด็จด้วย[27] และวันที่ 24 พฤศจิกายนปีเดียวกัน เจ้าหญิงไอโกะตามเสด็จสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี ทอดพระเนตรนิทรรศการซึ่งจัดขึ้นในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว[28]
เจ้าหญิงไอโกะมีกำหนดการทรงงานที่สภากาชาดญี่ปุ่นในเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 หลังทรงสำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษา[29]
การสืบราชบัลลังก์
[แก้]หลังการประกาศใช้กฎมนเทียรบาลญี่ปุ่น พ.ศ. 2490 มีการลดจำนวนพระราชวงศ์ญี่ปุ่นเป็นอันมาก เหลือเพียงเจ้านายที่สืบสันดานจากจักรพรรดิไทโชสามารถเสวยราชย์ได้[30] แต่มิอนุญาตให้เจ้านายฝ่ายในเสวยราชสมบัติ ถ้าหากมีการแก้กฎมนเทียรบาล เจ้าหญิงไอโกะจะเป็นองค์รัชทายาทอันดับที่ 2 ของญี่ปุ่น ซึ่งมีการหยิบยกถึงเรื่องนี้หลายครั้ง[3][31]
ข้อถกเถียง
[แก้]การประสูติการของเจ้าหญิงไอโกะ ทำให้เกิดวิกฤตการสืบราชสมบัติของญี่ปุ่นเนื่องจากไม่มีเจ้านายรุ่นใหม่ที่เป็นเพศชาย ฝ่ายหน้าที่ยังทรงพระชนม์ล้วนมีพระชันษาสูง ก่อให้เกิดข้อถกเถียงในญี่ปุ่นว่าควรแก่กาลแล้วที่จะแก้ไขกฎมนเทียรบาล ซึ่งกฎมนเทียรบาลเมื่อ พ.ศ. 2490 ระบุไว้ว่า "ผู้สืบราชสมบัติจะต้องเป็นบุตรคนโตเพศชายเท่านั้น (Agnatic primogeniture)" เปลี่ยนเป็น "ผู้สืบราชสมบัติจะเป็นบุตรคนโตไม่ว่าเป็นหญิงหรือชายก็ได้ (Absolute primogeniture)" และญี่ปุ่นมีประวัติการสืบราชสมบัติของจักรพรรดินีถึงแปดพระองค์ โดยได้รับการคัดเลือกจากสมาชิกพระราชวงศ์ที่มีเชื้อเจ้าทางฝ่ายบิดา นักวิชาการบางส่วนอธิบายว่าการครองราชย์ของจักรพรรดินีเป็นการครองประเทศเพียงชั่วคราวเท่านั้น[31] แต่การสืบราชสมบัติผ่านทางฝ่ายมารดาเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21[30] คือจักรพรรดินีเก็มเม และสืบราชสมบัติโดยพระราชธิดาคือจักรพรรดินีเก็นโช[32]
วันที 25 ตุลาคม พ.ศ. 2548 รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมีการเสนอให้สิทธิแก่บุตรคนโตไม่ว่าเพศหญิงหรือชายสำหรับการสืบราชสมบัติ วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2549 จุนอิชิโร โคอิซูมิ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์ประจำปีเพื่อแก้ไขข้อถกเถียงดังกล่าว โคอิซูมิได้ให้คำสัญญาที่จะเสนอร่างกฎหมายแก่สภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อให้เจ้านายที่เป็นสตรีขึ้นครองราชสมบัติได้ รวมทั้งมิได้กำหนดเวลาในการออกกฎหมาย และมิได้ให้รายละเอียดของเนื้อหาแต่อย่างใด
การประสูติกาลของฝ่ายหน้า
[แก้]ข้อเสนอที่จะอนุญาตให้สตรีครองราชสมบัติถูกเลื่อนออกไป หลังสำนักพระราชวังประกาศว่าเจ้าหญิงคิโกะ พระชายาในเจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ พระอนุชาในมกุฎราชกุมาร ทรงพระครรภ์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ภายหลังจึงได้ประสูติกาลเจ้าชายฮิซาฮิโตะแห่งอากิชิโนะเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2549 เป็นรัชทายาทลำดับที่สามและเป็นเจ้านายฝ่ายหน้าพระองค์ล่าสุดในรอบ 41 ปีของญี่ปุ่น[31][33]
วันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2550 ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในขณะนั้นได้ประกาศยกเลิกข้อเสนอที่จะแก้กฎมนเทียรบาล จึงคาดว่าคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเพื่อให้เจ้าหญิงไอโกะสืบราชสมบัติ[31]
พระเกียรติยศ
[แก้]ธรรมเนียมพระยศของ เจ้าหญิงไอโกะ โทชิโนะมิยะ | |
---|---|
ธงประจำพระอิสริยยศ | |
การทูล | เด็งกะ/เท็งกะ (殿下) |
พระอิสริยยศ
[แก้]เจ้าหญิงไอโกะ มีฐานันดรศักดิ์ที่ อิมพีเรียลไฮนิส[34] และมีพระราชทินนามว่า โทชิโนะมิยะ (敬宮)[34]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]- ญี่ปุ่น : เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนมงกุฎ ชั้นที่ 1 (5 ธันวาคม พ.ศ. 2564)[35]
พงศาวลี
[แก้]พงศาวลีของเจ้าหญิงไอโกะ โทชิโนะมิยะ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Maygar, James; Ujikane, Keiko (July 13, 2016). "Japan Emperor, Symbol of National Unity, Said to Seek Abdication". Bloomberg News. สืบค้นเมื่อ 2 February 2017.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 "เจ้าหญิงไอโกะทรงฉายรูปกับแมวน้อย โอกาสวันคล้ายวันประสูติครบ 15 ปี". ข่าวสดออนไลน์. 1 ธันวาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 24 มิถุนายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 3.0 3.1 "เจ้าชายนารุฮิโตะ ว่าที่จักรพรรดิองค์ใหม่ของญี่ปุ่น". บีบีซีไทย. 10 มิถุนายน 2560. สืบค้นเมื่อ 24 มิถุนายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "หนังสือใหม่เปรย "เจ้าหญิงมาซาโกะ" ดุจ 'นักโทษแห่งบัลลังก์เบญจมาศ'". MGR Online. 19 มกราคม 2550. สืบค้นเมื่อ 24 มิถุนายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)[ลิงก์เสีย] - ↑ 5.0 5.1 Colin Joyce (2001-12-08). "Japan's princess named 'one who loves others'". The Daily Telegraph, 8 December 2001. Retrieved from http://www.telegraph.co.uk/news/worldnews/asia/japan/1364705/Japans-princess-named-one-who-loves-others.html.
- ↑ Japan's Princess Aiko, 4, starts kindergarten. redOrbit. April 10, 2006. Retrieved December 2, 2009.
- ↑ Princess Aiko finishes kindergarten. The Japan Times. March 16, 2009. Retrieved December 1, 2009.
- ↑ http://www.japantimes.co.jp/news/2017/04/08/national/princess-aiko-enters-high-school/
- ↑ "เจ้าหญิงไอโกะเสด็จเข้าโรงเรียนมัธยมปลาย". กรุงเทพธุรกิจ. 9 เมษายน 2560. สืบค้นเมื่อ 24 มิถุนายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "Princess Aiko heads to Britain to attend course at Eton College". The Asahi Shimbun. Tokyo. July 23, 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-12-31. สืบค้นเมื่อ February 15, 2019.
- ↑ Ogata, Yudai; Nakada, Ayako (January 1, 2019). "Support from Aiko, public behind Masako's new confidence". The Asahi Shimbun. Tokyo. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-01-31. สืบค้นเมื่อ August 24, 2019.
- ↑ "Princess Aiko to enter Gakushuin University in Tokyo in April". The Asahi Shimbun. Tokyo. 21 February 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-04. สืบค้นเมื่อ 26 February 2020.
- ↑ Princess Aiko celebrates 8th birthday เก็บถาวร 2009-12-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. The Mainichi Daily News. December 1, 2009. Retrieved December 1, 2009.
- ↑ "Japan princess 'bullied by boys'". BBC News. 5 March 2010.
- ↑ "เจ้าหญิงไอโกะ ไม่เสด็จไปรร. เพราะถูกเพื่อนแกล้ง". MGR Online. 6 มีนาคม 2553. สืบค้นเมื่อ 24 มิถุนายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)[ลิงก์เสีย] - ↑ "Princess Aiko returns to school". The Japan Times. Tokyo. 2 May 2010.
- ↑ ชนานันท์ (24 มกราคม 2558). "ฟ้าหลังฝนของเจ้าหญิง". แพรวดอตคอม. สืบค้นเมื่อ 24 มิถุนายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ Demetriou, Danielle (3 November 2011). "Japan's Princess Aiko suffering from pneumonia". Daily Telegraph. London.
- ↑ "Japan-Italy diplomatic relations 150th anniversary special exhibition". สืบค้นเมื่อ 13 May 2016.
- ↑ "Princess Aiko turns 17, says she is enjoying school life". The Japan Times. Tokyo. December 1, 2018. สืบค้นเมื่อ August 24, 2019.
- ↑ "Princess Aiko turns 18, enjoys last year in high school". The Mainichi. Mainichi Newspapers. 1 December 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-12-23. สืบค้นเมื่อ 1 December 2019.
- ↑ Nagatani, Aya (4 December 2019). "Princess Aiko turns 18 after watching rituals of her parents". The Asahi Shimbun. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-02-25. สืบค้นเมื่อ 4 December 2019.
- ↑ "Terms on enthronement, investiture of the Crown Prince and coming-of-age". สืบค้นเมื่อ 4 December 2019.
- ↑ "Princess Aiko goes through official coming-of-age ceremonies". Kyodo News. Tokyo, Japan. 5 December 2021. สืบค้นเมื่อ 5 December 2021.
- ↑ Hubbard, Lauren (6 January 2022). "Princess Aiko of Japan Attended Her First Event Since Becoming a Working Royal". Town & Country. สืบค้นเมื่อ 8 January 2022.
- ↑ "Princess Aiko vows to fulfill duties as adult in 1st news conference". The Mainichi. Tokyo, Japan. 17 March 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-05-15. สืบค้นเมื่อ 17 March 2022.
- ↑ "Japan's Princesses Aiko, Kako attend gagaku concert". The Japan News. 6 November 2022. สืบค้นเมื่อ 6 November 2022.
- ↑ "Emperor visits Tokyo exhibit on national treasures". The Japan News. 25 November 2022. สืบค้นเมื่อ 25 November 2022.
- ↑ "Japan's Princess Aiko gets job with Red Cross". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2024-01-23. สืบค้นเมื่อ 2024-01-23.
- ↑ 30.0 30.1 "Life in the Cloudy Imperial Fishbowl," The Japan Times. 27 March 2007.
- ↑ 31.0 31.1 31.2 31.3 "ราชวงศ์ญี่ปุ่นเผชิญภาวะหดตัว เสี่ยงไร้รัชทายาทสำรองในอนาคต". บีบีซีไทย. 20 พฤษภาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 24 มิถุนายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ Ponsonby-Fane, Richard. (1959). The Imperial House of Japan, p. 56.
- ↑ ""เจ้าชายฮิซาฮิโตะ" รัชทายาทลำดับที่ 3 แห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น ทรงฉลองวัยครบ 10 ปี". มติชนออนไลน์. 6 กันยายน 2559. สืบค้นเมื่อ 24 มิถุนายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 34.0 34.1 "Their Majesties the Emperor and Empress". The Imperial Household Agency. สืบค้นเมื่อ 22 April 2021.
- ↑ "Princess Aiko attends her coming-of-age events". NHK. 5 December 2021. สืบค้นเมื่อ 5 December 2021.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ เจ้าหญิงไอโกะ โทชิโนมิยะ
- Kunaicho | Press Conference by Their Imperial Highness The Crown Prince and Crown Princess After the Birth of Her Imperial Highness Princess Aiko
- Kunaicho | Press on the Occasion of the First Birthday of Her Imperial Highness Princess Aiko
- BBC News | Japan's new princess meets the public