สุลต่านอะฮ์มัด ตาจุดดิน
อะฮ์มัด ตาจุดดิน أحمد تاج الدين | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระบรมฉายาลักษณ์ทางการ, ป. ค.ศ. 1934 | |||||
สุลต่านบรูไน | |||||
ครองราชย์ | 11 กันยายน ค.ศ. 1924 – 4 มิถุนายน ค.ศ. 1950 | ||||
ราชาภิเษก | 17 มีนาคม ค.ศ. 1940 | ||||
ก่อนหน้า | มูฮัมมัด จามาลุล อาลัมที่ 2 | ||||
ถัดไป | โอมาร์ อาลี ไซฟุดดีนที่ 3 | ||||
ประสูติ | 22 สิงหาคม ค.ศ. 1913 อิซตานาเปอกัน บรูไนทาวน์ ประเทศบรูไน อะฮ์มัด ตาจุดดิน อาคาซุล ไครี วัดดีน | ||||
สวรรคต | 4 มิถุนายน ค.ศ. 1950 โรงพยาบาลสิงคโปร์เจเนอรัล อาณานิคมสิงคโปร์ | (36 ปี)||||
ฝังพระศพ | กูบะฮ์มากัมดีราจา บันดาร์เซอรีเบอกาวัน ประเทศบรูไน | ||||
ชายา | กาดายัง อามัซ เติงกู ไรฮานี (สมรส 1934) | ||||
พระราชบุตร | เปองีรัน อานัก ซีตี ซาเอระฮ์ เปองีรัน อานัก ซีตี ซูไบดะฮ์ เปองีรัน อานัก ซีตี ฮาลีมะฮ์ เจ้าหญิงโนร์ เอฮ์ซานี | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | โบลเกียห์ | ||||
พระราชบิดา | สุลต่านมูฮัมมัด จามาลุล อาลัมที่ 2 | ||||
พระราชมารดา | เปองีรัน อานัก ฟาตีมะฮ์ | ||||
ศาสนา | อิสลาม |
อะฮ์มัด ตาจุดดิน อาคาซุล ไครี วัดดีน (มลายู: Ahmad Tajuddin Akhazul Khairi Waddien, أحمد تاج الدين اعكاظ الخير والدين; 22 สิงหาคม ค.ศ. 1913 – 4 มิถุนายน ค.ศ. 1950) เป็นสุลต่านบรูไนองค์ที่ 27 ที่ครองราชย์ใน ค.ศ. 1924 จนกระทั่งสวรรคตใน ค.ศ. 1950 จากนั้นสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟุดดีนที่ 3 พระอนุชา จึงขึ้นสืบราชสมบัติต่อ[1]
พระชนมชีพช่วงต้นและการศึกษา
[แก้]อะฮ์มัด ตาจุดดินเสด็จพระราชสมภพในวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 1913[a] ที่อิซตานาเปอกันในบรูไนทาวน์ในรัชสมัยของสุลต่านมูฮัมมัด จามาลุล อาลัมที่ 2 พระราชบิดา พระองค์เป็นพระราชโอรสองค์โตในพระราชบิดากับอัครชายา ราจา อิซเตอรี เปองีรัน อานัก ซีตี ฟาตีมะฮ์ โดยเปองีรัน มูดา บงซู พระเชษฐาของอะฮ์มัด ตาจุดดิน สวรรคตใน ค.ศ. 1910 ทำให้เปองีรัน มูดา โอมาร์ อาลี ไซฟุดดีน พระอนุชา สืบทอดตำแหน่งต่อจาก ก่อนที่อะฮ์มัด ตาจุดดินขึ้นเป็นสุลต่าน พระองค์เคยเป็นที่รู้จักกันในพระนาม เปองีรัน มูดา เบอซาร์ อะฮ์มัด ตาจุดดิน[5]
พระองค์ได้รับการศึกษาขั้นต้นในพระราชวังก่อนเข้าเรียนในโรงเรียนอย่างเป็นทางการ ครูคนหนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้สอนพระองค์มีชื่อว่าจิกกู ซัลเละฮ์ ฮาจี มัซรี[6] ซัลเละฮ์ ฮาจี มัซรีเป็นหนึ่งในนักสู้เพื่ออิสรภาพที่มีชื่อเสียง ซึ่งมีความรู้สึกต่อต้านอาณานิคม อะฮ์มัด ตาจุดดินทรงขึ้นเรือไปยังประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักรใน ค.ศ. 1932 ตามรายงานระบุว่าพระราชมารดาของพระองค์ขัดขวางความพยายามของอีริก เออร์เนสต์ ฟอลก์ พริตตี พลเมืองชาวอังกฤษ ในการย้ายพระองค์ไปศึกษาที่มาลายาหรืออังกฤษ[7] ถึงกระนั้น พระองค์เริ่มได้รับการสอนภาษาอังกฤษจากครูชาวอังกฤษที่ได้รับมอบหมายเป็นพิเศษเมื่ออายุได้สิบสี่พรรษา[8] โดยเรียนภาษาอังกฤษจาก Mr. H.F. Stalley พระองค์อยู่ในอังกฤษเพื่อเรียนภาษาอังกฤษและรายละเอียดอารยธรรมตะวันตกเป็นเวลาหนึ่งปี[9] พระองค์เป็นสุลต่านองค์แรกในประวัติศาสตร์ที่สำรวจโลกตะวันตกมากกว่าพระราชบิดาผู้โดยสารเรือไปแค่เพียงสิงคโปร์และลาบวน[10]
รัชสมัย
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สวรรคตและพระราชพิธีพระบรมศพ
[แก้]เมื่อสุลต่านอะฮ์มัด ตาจุดดินหยุดพักระหว่างทางไปยังสหราชอาณาจักรที่สิงคโปร์ เพื่อแก้ไขข้อตกลงเกี่ยวกับการขึ้นค่าสิทธิน้ำมันปี 1906 พระองค์กลับประชวรและต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสิงคโปร์เจเนอรัลในวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 1950[11] พระองค์เข้าโรงพยาบาลและสวรรคตในวันถัดมา[12] ด้วยพระชนมพรรษา 36 พรรษา[13] โดยมาสาเหตุจากไตวายหลังประสบเหตุเลือดออกที่แรฟเฟิลส์โฮเท็ลในคืนวันที่ 3 มิถุนายน[14] เมื่อพระราชพิธีพระบรมศพเสร็จสิ้น พระวรกายของพระองค์จึงถูกนำไปตั้งให้ทำความเคารพพระบรมศพ (laid in state) ที่ห้องโถงของพระราชวังใหญ่แห่งโจโฮร์บะฮ์รู เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีเกียรติ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้นำชุมชนท้องถิ่นจากหลากหลายเชื้อชาติและศาสนาในประเทศได้แสดงความอาลัยต่อพระมหากษัตริย์ผู้ล่วงลับ และถวายความอาลัยแก่พระชายาของพระองค์[15] แมคดอนัลด์ถวายพวงหรีดและเข้าร่วมพระราชพิธีพระบรมศพในวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1950[16]
หมายเหตุ
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Kershaw 2002, p. XVII.
- ↑ Zullkiflee 2020, p. 49.
- ↑ Ministry of Religious Affairs 2008, p. 70.
- ↑ Reece 2009, p. 124.
- ↑ Mohamed, p. 2.
- ↑ Mohamed, p. 3.
- ↑ Horton 1985, p. 301.
- ↑ Reece 2009, p. 92.
- ↑ Great Britain Colonial Office 1932, p. 29.
- ↑ Hussainmiya 1995, p. 46.
- ↑ Reece 1993, p. 279.
- ↑ Sidhu 2009, p. 169.
- ↑ Reece 2009, p. 128.
- ↑ Reece 2009, p. 98.
- ↑ "SULTAN OF BRUNEI DARUSSALAM AHMAD TAJUDDIN WHO DIED IN SINGAPORE AND LAID IN STATE IN THE ISTANA AT JOHORE BAHRU". National Archives of Singapore. 1950-06-04. สืบค้นเมื่อ 2022-10-02.
- ↑ "COMMISSIONER-GENERAL FOR SOUTHEAST ASIA MALCOLM MACDONALD WITH A WREATH ATTENDING FUNERAL OF THE SULTAN OF BRUNEI DARUSSALAM AHMAD TAJUDDIN WHO DIED IN SINGAPORE AND LAID IN STATE IN THE ISTANA AT JOHORE BAHRU". National Archives of Singapore. 1950-06-04. สืบค้นเมื่อ 2022-10-02.
บรรณานุกรม
[แก้]- Reece, Bob (2009). ""The Little Sultan": Ahmad Tajuddin II of Brunei, Gerard MacBryan, and. Malcolm Macdonald" (PDF). Borneo Research Bulletin. Borneo Research Council. 40. ISSN 0006-7806.
- Reece, R. H. W. (1993). The Name of Brooke, The End of White Rajah Rule In Sarawak. Kuala Lumpur: Oxford University Press.
- Kershaw, Roger (2002-01-04). Monarchy in South East Asia: The Faces of Tradition in Transition (ภาษาอังกฤษ). Routledge. ISBN 978-1-134-66707-9.
- Mohamed, Muhaimin. Sultan Ahmad Tajuddin 1924–1940: Hubungan Raja dengan Penasihat (ภาษามาเลย์). Bandar Seri Begawan: Brunei History Centre. ISBN 99917-34-79-1.
- Hussainmiya, B. A. (1995). Sultan Omar Ali Saifuddin III and Britain, The Making of Brunei Darssalam. Kuala Lumpur: Oxford University Press.
- Hussainmiya, B. A. (2003). Resuscitating nationalism: Brunei under the Japanese Military Administration (1941-1945). Universiti Brunei Darussalam. ISSN 0387-6004. สืบค้นเมื่อ 2024-09-18.
- Hussainmiya, B. A. (October 2014). "Malcolm MacDonald and Brunei: Diplomacy with intimacy" (PDF). Journal of Southeast Asian Studies. 45 (3). doi:10.1017/S0022463414000344. สืบค้นเมื่อ 2024-05-15.
- Horton, A. V. M. (1985). The Development of Brunei During the British Residential Era 1906-1959: A Sultanate Regenerated (วิทยานิพนธ์ PhD) (ภาษาอังกฤษ). Hull: University of Hull.
- Horton, A. V. M. (2009). NEGARA BRUNEI DARUSSALAM: OBITUARY 2009. Vol. 40. Borneo Research Bulletin.
- H. A. B., Rasidah (12 April 2016). "HM pays last respects to ex-chief minister". Brunei Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 May 2016. สืบค้นเมื่อ 7 May 2016.
- Abdul Majid, Harun (2007). Rebellion in Brunei: the 1962 revolt, imperialism, confrontation and oil. London: I.B. Tauris. ISBN 9781435615892.
- Muhammad Melayong, Dr Muhammad Hadi (2009). Memoir seorang negarawan (ภาษามาเลย์). Bandar Seri Begawan: Brunei History Centre. ISBN 978-99917-34-69-9.
- Mohd Jamil Al-Sufri (2010). Royal Poet Al-marhum Sultan Haji Omar 'Ali Saifuddien Sa'adul Khairi Waddien (ภาษาอังกฤษ). Bandar Seri Begawan: Brunei History Centre. ISBN 978-99917-34-74-3.
- Zullkiflee, Nurul Amalina (2019). Strategi Awang Haji Kassim dalam Usaha Menyelamatkan Sultan Ahmad Tajuddin: Satu Kajian Awal (PDF). Universiti Islam Sultan Sharif Ali.
- Zullkiflee, Nurul Amalina (July 2020). "Implikasi 25 Tahun Pemerintahan Sultan Ahmad Tajuddin". International Journal of `Umranic Studies Jurnal Antarabangsa Kajian `Umran (ภาษามาเลย์). Brunei Darussalam: Universiti Islam Sultan Sharif Ali. 3 (2) (2).
- Ooi, Keat Gin (2013-05-29). Post-War Borneo, 1945-1950: Nationalism, Empire and State-Building (ภาษาอังกฤษ). Routledge. ISBN 978-1-134-05810-5.
- Sidhu, Jatswan S. (2009-12-22). Historical Dictionary of Brunei Darussalam (ภาษาอังกฤษ). Scarecrow Press. ISBN 978-0-8108-7078-9.
- Saunders, Graham (1994). A History of Brunei (1st ed.). Kuala Lumpur: Oxford University Press. ISBN 9789676530493.
- Saunders, Graham (2003). A History of Brunei (2nd ed.). Abingdon: RoutledgeCurzon. ISBN 9781138863453.
- Great Britain Colonial Office (1965). Brunei (ภาษาอังกฤษ). H.M. Stationery Office. pp. 226–227.
- Great Britain Colonial Office (1932). Colonial Reports - Annual (ภาษาอังกฤษ). H.M. Stationery Office.
- Borneo Bulletin (2013-11-05). "YAM Pg Anak Datin Seri Setia Hajah Siti Saerah passes away". www.sultanate.com. สืบค้นเมื่อ 2022-10-02.
- Othman, Azlan; Noor, Adib; Lim, Daniel (2022-05-15). "Students assemble as schools get back to business". Borneo Bulletin Online (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2024-09-18.
- Rozan Yunos (2008-12-15). "Sultans of Brunei Series I - Sultan Ahmad Tajuddin". The Brunei Times.
- Ministry of Religious Affairs (2008). 50 Years Historical Moments of Omar Ali Saifuddien Mosque, 1958-2008. Bandar Seri Begawan. ISBN 9789991792200.