รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
หน้าตา
(เปลี่ยนทางจาก รัฐออสเตรเลียตะวันตก)
รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย State of Western Australia | |
---|---|
สมญา: Wildflower State or the Golden State | |
ประเทศ | ออสเตรเลีย |
เมืองหลวง | เพิร์ท |
ผู้ว่าราชการ | Wayne Martin (รักษาการ) |
การปกครอง | |
• มุขมนตรี | Colin Barnett (LP) |
• สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร | 15 |
• สมาชิกวุฒิสภา | 12 |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 2,645,615 ตร.กม. (1,021,478 ตร.ไมล์) |
• พื้นดิน | 2,529,875 ตร.กม. (976,790 ตร.ไมล์) |
• พื้นน้ำ | 115,740 ตร.กม. (44,690 ตร.ไมล์) 4.37% |
อันดับพื้นที่ | 1st |
ความสูงจุดสูงสุด (Mount Meharry (AHD)) | 1,249 เมตร (4,098 ฟุต) |
ประชากร (December 2007) | |
• ทั้งหมด | 2,163,200 คน |
• อันดับ | 4th[1] |
• ความหนาแน่น | 0.84 คน/ตร.กม. (2.2 คน/ตร.ไมล์) |
• อันดับความหนาแน่น | 7th |
ผลิตภัณฑ์มวลรวม (2007-08) | |
• ผลิตภัณฑ์ | $146,444[2] ล้าน (อันดับที่ 4th) |
• ต่อหัว | $68,142 (อันดับที่ 1st) |
สัญลักษณ์ | |
• Floral | Red and Green Kangaroo Paw (Anigozanthos manglesii)[3] |
• Mammal | Numbat (Myrmecobius fasciatus) |
• Bird | Black Swan (Cygnus atratus) |
• Fossil | Gogo Fish |
• Colours | Gold and Black (from the State Badge) |
เขตเวลา | AWST UTC+8 does not observe DST |
รหัสไปรษณีย์ | WA |
รหัส ISO 3166 | AU-WA |
เว็บไซต์ | www.wa.gov.au |
รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย[4] (อังกฤษ: Western Australia) หรือเรียกอย่างภาษาไทยเดิมว่า รัฐออสเตรเลียตะวันตก เป็นรัฐในประเทศออสเตรเลีย ถือเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย และเป็นเขตการปกครองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสาธารณรัฐซาฮา มีประชากร 2.1 ล้านคน (10% ของประเทศ) มี 85% ของคนที่อาศัยทางมุมใต้-ตะวันตกของรัฐ มีเมืองหลวงคือนคร เพิร์ท
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Australian Demographic Statistics Dec 2007". ABS. 24 June 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-25. สืบค้นเมื่อ 2008-09-16.
- ↑ Australian National Accounts: State Accounts, 2007-08
- ↑ "The Floral Emblem of Western Australia". Department of the Premier and Cabinet, Government of Western Australia. สืบค้นเมื่อ 2008-06-13.
- ↑ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและประกาศราชบัณฑิตยสถาน เรื่องกำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง. ราชบัณฑิตยสถาน. หน้า 21.