ข้ามไปเนื้อหา

ตำบลช่อแล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ตำบลช่อแล
การถอดเสียงอักษรโรมัน
 • อักษรโรมันTambon Cho Lae
เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล
ประเทศไทย
จังหวัดเชียงใหม่
อำเภอแม่แตง
พื้นที่
 • ทั้งหมด10.25 ตร.กม. (3.96 ตร.ไมล์)
ประชากร
 (2566)[1]
 • ทั้งหมด4,139 คน
 • ความหนาแน่น403.80 คน/ตร.กม. (1,045.8 คน/ตร.ไมล์)
รหัสไปรษณีย์ 50150
รหัสภูมิศาสตร์500604
สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย

ช่อแล เป็นตำบลในอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ทั้งตำบลอยู่ในเทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา เป็นที่ตั้งของเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล[2][3][4] และมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในอุทยานแห่งชาติศรีลานนา[5]

ที่ตั้งและอาณาเขต

[แก้]

ตำบลช่อแลมีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้[6]

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับตำบลบ้านเป้า
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับตำบลแม่หอพระ
  • ทิศใต้ ติดต่อกับตำบลแม่หอพระ
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับตำบลอินทขิล
เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล

ประวัติ

[แก้]

ช่อแล ก่อตั้งเป็นหมู่บ้านเมื่อ พ.ศ. 2317 มีความเกี่ยวข้องปรากฏในตำนานเมืองแกน มีการสันนิษฐานว่าบริเวณหมู่บ้านช่อแลสมัยก่อนเป็นชุมชนของชาวลัวะมาก่อน ซึ่งปัจจุบันได้ผสมผสานกลมกลืนกับชาวพื้นเมืองไปแล้ว คนกลุ่มแรกที่มาเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเป็นกลุ่มคนจากหลากหลายชาติพันธุ์ ทั้งชาวลัวะ ชาวไทเขิน และชาวไทลื้อ ที่ได้เดินทางอพยพมารวมตัวกันสร้างหมู่บ้านขึ้นบริเวณริมลำน้ำแม่ปิง และลำน้ำแม่งัด

โดยชื่อ ช่อแล แบ่งเป็น 2 นัยตามคำบอกเล่าและหลักฐานที่ศึกษาไว้ นัยแรก สันนิษฐานว่าครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประทับที่พระธาตุแม่หอพระ และได้ทอดพระเนตรไปทางทิศเหนือเห็นต้นยางสูงงาม จึงให้พระมหาเถระเอาเกศาไปบรรจุไว้ ณ ที่ตรงและให้ชื่อว่า บ้านยางแล ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น ช่อแล นัยสอง สันนิษฐานว่า คำว่า ช่อแล เป็นชื่อเรียกของพรรณไม้ชนิดหนึ่งมีดอกเป็นพวงใช้ต้มและแกง ชาวพื้นเมืองจึงเรียกว่า ชะแล หรือ สะแล[7]

พ.ศ. 2511 พ.ต.อ.นิรันดร ชัยนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับกำนันตำบลช่อแล กำนันตำบลอินทขิล ผู้ใหญ่บ้านและผู้นำชุมชน ได้พิจารณาพื้นที่ทั้งตำบลช่อแล และบางส่วนของตำบลอินทขิล เป็นพื้นที่ตั้งของชุมชน ตลาด โรงสี สถานีบ่มใบยา จึงตั้งเป็น สุขาภิบาลเมืองแกนพัฒนา[8] และต่อมาในปี พ.ศ. 2542 สุขาภิบาลเมืองแกนพัฒนาได้รับการจัดตั้งขึ้นเป็นเทศบาลตำบล[9] ด้วยผลของกฎหมาย

พ.ศ. 2549 เขตตำบลช่อแล และบางส่วนของตำบลอินทขิล ที่อยู่ในเขตเทศบาลตำบลเมืองแกนพัฒนา มี 16 หมู่บ้าน พื้นที่ 24.00 ตารางกิโลเมตร ประชากร 13,766 คน และ 5,074 ครัวเรือน[10] รายได้จริงโดยไม่รวมเงินอุดหนุนในปีงบประมาณ 2549 จำนวน 11,034,554 บาท ประชาชนในเขตเทศบาลตำบลเมืองแกนพัฒนา นายอำเภอแม่แตง และนายวิชัย ศรีขวัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้ความเห็นชอบในการเปลี่ยนแปลงฐานะเป็นเทศบาลเมือง และได้รับการจัดตั้งเป็น เทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา ในปี พ.ศ. 2550[11]

การแบ่งเขตการปกครอง

[แก้]

การปกครองส่วนภูมิภาค

[แก้]

พื้นที่ตำบลช่อแลประกอบด้วยหมู่บ้านทั้งสิ้นจำนวน 6 หมู่บ้าน มีจำนวนประชากร 4,139 คน แบ่งเป็นชาย 2,547 คน หญิง 2,501 คน (เดือนธันวาคม 2566)[12] เป็นตำบลที่มีจำนวนประชากรมากเป็นลำดับที่ 12 ในอำเภอแม่แตง

      หมายถึงจำนวนประชากรได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
      หมายถึงจำนวนประชากรได้คงเดิมเมื่อเทียบกับปีก่อน
      หมายถึงจำนวนประชากรได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน

* ปี พ.ศ. 2558 มีการรวมผู้ที่ไม่ได้สัญชาติไทยในทะเบียนราษฎร ส่งผลให้ข้อมูลจำนวนประชากรปีดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

หมู่บ้าน พ.ศ. 2566[13] พ.ศ. 2565[14] พ.ศ. 2564[15] พ.ศ. 2563[16] พ.ศ. 2562[17] พ.ศ. 2561[18] พ.ศ. 2560[19]
ช่อแล 1,887 1,919 1,940 1,980 2,008 2,003 2,020
ใหม่ 773 790 797 806 820 822 833
สันป่าสัก 589 605 614 623 631 640 645
หนองบัว 356 364 371 377 377 376 377
ป่าไผ่ 306 300 303 305 295 311 314
วังดิน 228 234 238 239 239 238 238
รวม 4,139 4,212 4,263 4,330 4,370 4,390 4,427

อ้างอิง

[แก้]
  1. ประชากรในเขตท้องถิ่นเทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา (เฉพาะตำบลช่อแล) อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 โดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย.
  2. "กฎกระทรวง ฉบับที่ ๙๒๔ (พ.ศ. ๒๕๒๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ [ให้เพิกถอนป่าแม่แตง ในท้องที่ตำบลกืดช้าง ตำบลอินทขิล ตำบลบ้านเป้า ตำบลป่าแป๋ ตำบลเมืองก๋าย ตำบลบ้านช้าง ตำบลแม่แตง ตำบลช่อแล ตำบลสบเปิง ตำบลสันมหาพน ตำบลแม่หอพระ ตำบลสันป่ายาง และตำบลขี้เหล็ก อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ออกจากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติ บางส่วน]" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 97 (204 ก): (ฉบับพิเศษ) 25-26. วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2523
  3. "ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดการก่อสร้างการชลประทานโครงการแม่งัดในท้องที่อำเภอแม่แตง และอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นการชลประทานที่เร่งด่วน" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 101 (51 ง): (ฉบับพิเศษ) 2. วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2527
  4. "พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่อำเภอแม่แตง และอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๕๒๗" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 101 (86 ก): (ฉบับพิเศษ) 4-6. วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2527
  5. "พระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเชียงดาว ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง ในท้องที่ตำบลปิงโค้ง ตำบลเชียงดาว ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว ตำบลสันทราย ตำบลป่าไหน่ ตำบลบ้านโป่ง ตำบลป่าตุ้ม ตำบลน้ำแพร่ ตำบลแม่แวน ตำบลแม่ปั๋ง ตำบลโหล่งขอด อำเภอพร้าว และตำบลบ้านเป้า ตำบลช่อแล ตำบลแม่หอพระ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๒" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 106 (120 ก): 381–384. วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2532
  6. "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การกำหนดเขตตำบลในท้องที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 114 (ตอนพิเศษ 66 ง): 130–160. วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2540
  7. ประวัติชุมชนช่อแล หรือ จ่อแฮ ตำบลช่อแล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ สืบค้นเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2567
  8. "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งสุขาภิบาลเมืองแกนพัฒนา อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 86 (22 ง): 913–915. วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2512
  9. "พระราชบัญญัติเปลี่ยนแปลงฐานะของสุขาภิบาลเป็นเทศบาล พ.ศ. ๒๕๔๒" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 116 (9 ก): 1–4 – โดยทาง ให้บรรดาสุขาภิบาลตามกฎหมายว่าด้วยสุขาภิบาลที่มีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีฐานะเป็นเทศบาลตำบลตามกฎหมายว่าด้วยเทศบาลในพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542
  10. ประชากรรายตำบลในประเทศไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2549 (เขตท้องถิ่นเทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่) สืบค้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2567
  11. "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งเทศบาลตำบลเมืองแกนพัฒนา อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา". กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น. 124: 1. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 มีนาคม ปีเดียวกัน
  12. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: [1] 2565. สืบค้น 24 มกราคม 2565.
  13. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: [2] 2565. สืบค้น 24 มกราคม 2565.
  14. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: [3] 2564. สืบค้น 18 มีนาคม 2564.
  15. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: [4] 2563. สืบค้น 10 มกราคม 2563.
  16. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/036/T_0032.PDF 2562. สืบค้น 12 กุมภาพันธ์ 2562.
  17. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/E/041/22.PDF 2561. สืบค้น 26 กุมภาพันธ์ 2561.
  18. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.bora.dopa.go.th/stat/y_stat59.htm 2560. สืบค้น 3 มีนาคม 2560.
  19. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.bora.dopa.go.th/stat/y_stat58.htm 2558. สืบค้น 16 กุมภาพันธ์ 2559.