ข้ามไปเนื้อหา

พระเจ้าชิลเดริกที่ 3

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก ชิลเดริกที่ 3)
ชิลเดริกที่ 3
ภาพขณะพระเจ้าชิลเดริกกำลังถูกกล้อนพระเกศา ในภาพวาด เมรอแว็งเฌียงคนสุดท้าย ของเอวารีสตา วีตัล ลิวมีเน
พระมหากษัตริย์แห่งชาวแฟรงก์
ครองราชย์ค.ศ. 743–751
รัชกาลก่อนหน้าชาร์ล มาร์แตล (โดยพฤตินัย)
รัชกาลถัดไปพระเจ้าเปแป็งพระวรกายเตี้ย
สวรรคตราวปี ค.ศ. 754 (37 พรรษาโดยประมาณ)
ราชวงศ์เมรอแว็งเฌียง

ชิลเดริกที่ 3 (อังกฤษ: Childeric III) เป็นพระมหากษัตริย์แห่งชาวแฟรงก์และเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายของราชวงศ์เมรอแว็งเฌียง ในปี ค.ศ. 743 การ์โลมงและพระเจ้าเปแป็งพระวรกายเตี้ย สองสมุหราชมณเทียร (ซึ่งเป็นพระโอรสในชาร์ลส์ มาร์แตล ดยุกและเจ้าชายแห่งแฟรงก์) ผู้ทำหน้าที่ดูแลประเทศได้ยอมรับพระองค์เป็นกษัตริย์ ทว่าในปี ค.ศ. 752 พระองค์ถูกสมเด็จพระสันตะปาปาซาคารีถอดออกจากตำแหน่งตามการยุยงส่งเสริมของเปแป็ง พระองค์ถูกจับโกนพระเกศา (ซึ่งเป็นสัญลักษณ์หมายถึงการถูกถอดออกจากพระราชอำนาจ) และถูกส่งตัวเข้าอาราม กระทั่งเสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 753 หรือ 758

ความเสื่อมถอยของราชวงศ์เมรอแว็งเฌียง

[แก้]

ก่อนหน้าที่ชิลเดริกจะขึ้นครองราชย์ นับตั้งแต่สิ้นรัชสมัยของดาโกแบร์ที่ 1 ในปี ค.ศ. 634 กษัตริย์ราชวงศ์เมรอแว็งเฌียงถูกลดบทบาทเหลือเพียงแค่อำนาจในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ส่วนอำนาจที่แท้จริงในการปกครองตกอยู่ในมือของสมุหราชมณเทียรชาวการอแล็งเฌียง ในปี ค.ศ. 718 ชาร์ลส์ มาร์แตลได้ครองตำแหน่งเป็นสมุหราชมณเทียรของทั้งเนิสเตรียและออสเตรเชีย ทำให้กลายเป็นคนที่ทรงอำนาจที่สุดในราชอาณาจักรแฟรงก์ หลังการสวรรคตของธีออเดริกที่ 4 ในปี ค.ศ. 737 ชาร์ลส์ มาร์แตลได้ปล่อยให้บัลลังก์ว่าง ไม่ให้กษัตริย์ราชวงศ์เมรอแว็งเฌียงคนใดได้ครองบัลลังก์ของชาวแฟรงก์ ทำให้เขากลายเป็นกษัตริย์โดยพฤตินัย

ในปี ค.ศ. 741 หลังชาร์ลส์ มาร์แตลถึงแก่กรรมได้เกิดการปฏิวัติขึ้น บุตรชายทั้งสองของเขา คือ การ์โลมงและเปแป็งผู้ตัวเตี้ยที่ขึ้นเป็นสมุหราชมณเทียรร่วมกันจึงไหวตัวแก้แกมด้วยการจับชิลเดริกแห่งราชวงศ์เมรอแว็งเฌียงขึ้นนั่งบนบัลลังก์ของชาวแฟรงก์ที่ว่างมาหลายปี โดยมีทั้งคู่เป็นผู้ใช้อำนาจที่แท้จริงอยู่เบื้องหลัง

จุดจบของราชวงศ์เมรอแว็งเฌียง

[แก้]

ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าชิลเดริกสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์เมรอแว็งเฌียงคนใด พระองค์อาจเป็นพระโอรสของชิลเปริกที่ 2 หรือไม่ก็ธีออเดริกที่ 4[1] พระองค์ไม่มีบทบาทใด ๆ จนกระทั่งสองสมุหราชมณเทียรเชิญพระองค์ขึ้นครองราชย์

ในปี ค.ศ. 747 การ์โลมงได้ผันตัวเข้าสู่อาราม สร้างความมั่นใจให้แก่เปแป็งว่าจะได้รับเลือกเป็นกษัตริย์ของชาวแฟรงก์แน่จึงส่งหนังสือถึงสมเด็จพระสันตะปาปซาคารีเพื่อถามว่าตำแหน่งกษัตริย์ควรเป็นของผู้มีอำนาจตัวจริงหรือผู้ที่มีสายเลือดของกษัตริย์ พระองค์ตอบกลับมาว่าผู้มีอำนาจตัวจริงควรได้เป็นกษัตริย์และได้ถอดชิลเปริกออกจากบัลลังก์ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 751 พระองค์ถูกจับโกนผม[2] ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการถูกถอดออกจากพระราชอำนาจ (ผมยาวเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์เมรอแว็งเฌียงที่แสดงถึงสิทธิ์ในการเป็นกษัตริย์ การถูกตัดผมจึงเท่ากับการถูกตัดออกจากอภิสิทธิ์ทั้งปวง) พระองค์กับพระโอรสถูกกักบริเวณไว้ในอารามซีตีว (หรืออารามแซงต์แบแต็ง[3]) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับย่านแซงโตแมร์ ข้อมูลขัดแย้งกันว่าทรงสวรรคตในปีใด บันทึกส่วนหนึ่งกล่าวว่าทรงสวรรคตในช่วต้นปี ค.ศ. 753 ขณะที่อีกส่วนหนึ่งระบุว่าทรงสวรรคตในช่วงปลายปี ค.ศ. 758

อ้างอิง

[แก้]
  1. Rosenwein, Barbara H. (2009). A Short History of the Middle Ages. University of Toronto, p. 84.
  2. Tierney, Brian (2004). The Crisis of Church and State, 1050-1300. University of Toronto Press, p. 20.
  3. Theuws, de Jong & Van Rhijn 2001, p. 326.